ข่าวใหญ่เกี่ยวกับจีนที่โลกสนใจเมื่อปี 2021 ไม่ได้มีแต่มาตรการเด็ดขาดในการสกัดโควิด และความรวดเร็วในการสร้างโรงพยาบาลชั่วคราวเพื่อรักษาประชาชนผู้ป่วยเป็นโรคดังกล่าวเท่านั้น เพราะในปีเดียวกันจีนยังหันหลังให้กับนโยบายมีลูกคนเดียว
จีนให้มีลูกเพิ่มได้เป็น 3 คน และอนุญาตให้มีเพิ่มได้อีกเท่าที่เลี้ยงไหว ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการให้มีลูกคนเดียวเพื่อสกัดปัญหาแย่งกิน-แย่งใช้ ทรัพยากรไม่พอ
และประชากรล้นประเทศเมื่อปี 1979 สมัย เหมา เจ๋อตุง ยังบริหารประเทศ
ผู้ที่สั่งยกเลิกนโยบายมีลูกคนเดียวที่ใช้มานานหลายสิบปี คือ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบัน ที่พาจีนสู่ยุคใหม่ ด้วยการเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งแบรนด์จีนไปตีตลาดโลก และยกระดับให้จีนขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกสูสีกับสหรัฐฯ
สี จิ้นผิง ขึ้นเป็นประธานาธิบดีจีนในปี 2012 ต่อมาในปี 2013 เศรษฐกิจจีนเริ่มโตท่ามกลางแนวโน้มที่ดีมากมาย ทำให้ชาวจีนมีความหวังในชีวิตและพร้อมสร้างครอบครัว โดยปีนั้นชาวจีนแต่งงานกันมากถึง 13.46 ล้านคู่
แน่นอนว่านี่ทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้จีนมีกำลังคนมากมายป้อนสู่ตลาดแรงงานอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศตามที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง วางนโยบายไว้ แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้น
ปี 2016 รัฐบาลจีนออกกฎหมายเพื่อป้องกันความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะการทำร้ายร่างกายที่ฝ่ายภรรยาตกเป็นเหยื่อ แต่กลายเป็นว่าไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง และศาลยังต้องหาทางไกล่เกลี่ยเพื่อชะลอการหย่า จนความรุนแรงในครอบครัวเป็นปัญหาที่ถูกซุกไว้ใต้พรม
ปี 2021 แผนเพิ่มประชากรของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง สะดุดช่วงโควิด ประกอบกับปัญหาความเครียด และความรุนแรงในครอบครัวที่ฝ่ายสามีถึงขั้นลงไม้ลงมือกับภรรยา ขณะที่ฝ่ายภรรยาแม้ไม่ได้ทำงานก็ต้องเลี้ยงทั้งลูกและดูแลพ่อแม่สามี
ปัญหาเหล่านี้ทำให้ปี 2021 จำนวนเด็กเกิดใหม่ของจีนลดลงมาอยู่ที่ 10.62 ล้านคน ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 ปี
ปี 2022 สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น โดยจำนวนคู่แต่งงานใหม่อยู่ที่ 6.83 ล้านคน ลดลงจาก 7.63 ล้านคู่ของปี 2021 และจาก 13.46 ล้านคู่ของปี 2013
และรัฐบาลจีนยุคจัดระเบียบยังได้เซนเซอร์ฉากที่เผยให้เห็นถึงปัญหาครอบครัวในซีรีส์โทรทัศน์ Dear Child เพื่อลดปัจจัยกระตุ้นการหย่าอีกด้วย
มาปีนี้สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลงไปอีกพร้อมปัญหาซุกไว้ใต้พรมล้นออกมา โดยเมื่อปลายมิถุนายน คลิปวิดีโอชายคนหนึ่งในมณฑลซานตงถึงขั้นขับรถทับภรรยากลางวันแสก ๆ และยังออกมาดูให้แน่ใจว่าตายสนิท ถูกแชร์ออกไปอย่างกว้างขวางบนสื่อออนไลน์จีน
และไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้นก็มีเหตุความรุนแรงในครอบครัวจีนที่ผู้หญิงเป็นเหยื่ออีกหลายครั้ง และทุกครั้งก็มีการแชร์กันอย่างกว้างขวางพร้อมการแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยมีความคิดเห็นหนึ่งที่ระบุว่า “ถ้าผู้หญิงอยากปลอดภัย ก็อย่าได้คิดแต่งงานและมีลูกเด็ดขาด”
นี่ถือเป็นการย้ำว่าความรุนแรงในครอบครัวจีนคงไม่ใช่ปัญหาแค่ในครอบครัวอีกต่อไป
CNN รายงานผ่านทัศนะของบรรดาผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีน และนักสิทธิสตรีว่า ปัญหาความรุนแรงในจีนจะไม่มีทางหายไปถ้ารัฐบาลจีนยังไม่บังคับใช้กฎหมายเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ขณะที่ศาลก็ต้องลดเงื่อนไขในการหย่าและการปัดตกคำร้องขอหย่า ส่วนรัฐบาลก็ต้องเห็นใจผู้หญิงมากขึ้นและลดการมองโลกแบบผู้ชายเป็นใหญ่
ตามรายงาน CNN ที่อิงจาก Ethan Michaelson ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาชาวอเมริกันที่เขียนหนังสือ เจาะลึกเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศและการหย่าในจีน ระบุว่าจากการตรวจสอบเอกสารคำร้องขอหย่า 260,000 คำร้องตั้งแต่ปี 2008
1 ใน 4 ของจำนวนนี้ ผู้หญิงที่ถูกสามีใช้ความรุนแรงเป็นฝ่ายยื่นเรื่องขอหย่า และเกือบทั้งหมดถูกปัดตก ส่วนที่ศาลรับเรื่องก็ถูกตีเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ได้เกิดจากความรุนแรงในครอบครัว
และเมื่อรับเรื่องไปแล้วการพิจารณาคดีก็นานจนที่สุดฝ่ายที่ยื่นฟ้องต้องถอนคำร้องและศาลก็จะใช้ความพยายามให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาคืนดีกันเพื่อประคองชีวิตคู่เอาไว้
Ethan Michaelson ให้ทัศนะต่อปัญหานี้ของจีนว่า เป็นตลกร้ายที่สามีภรรยาต้องทนอยู่กันไป ทั้งที่ชีวิตสมรสของพวกเขากลายเป็นพิษ ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลในการเพิ่มจำนวนประชากร และที่สุดฝ่ายชายอาจลงไม้ลงมือกับฝ่ายหญิงจนเป็นข่าวขึ้นมาอีก
จากนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่ารัฐบาลจีนจะใช้มาตรการใดในการแก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลย เพราะหากแก้ไขไม่ได้ จำนวนคู่แต่งงานใหม่ที่น้อยอยู่แล้วจากวิกฤตเศรษฐกิจก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก และผู้หญิงที่เลือกครองตัวเป็นโสดก็จะมีมากขึ้น
จนที่สุดจะยิ่งกระทบเป็นลูกโซ่ให้จีนไม่สามารถเพิ่มจำนวนประชากรป้อนตลาดแรงงานได้มากเท่าที่ต้องการ/cnn, dw
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ