นอกจากจะเก่งเรื่องจัดอีเวนท์แล้ว ทีมอีเวนท์ของ Marketeer ยังมีความสามารถในการเสาะหาของกินตามตรอกซอกซอยอีกด้วย และหนึ่งในของกินที่วันนี้ทีมอีเวนท์ได้ซื้อมาฝากแอดมิน ก็คือขนมที่ดูภายนอกยังไง๊ยังไงมันก็คือวาฟเฟิล แต่พอได้กัดเข้าไปคำแรก รสสัมผัสกลับไม่เหมือนกับสิ่งที่เราคิดไว้เพราะรสชาติของมันนั้นเหมือนกับซาลาเปายังไงอย่างงั้น

ด้วยความอร่อย บวกกับความสงสัยนี้ จึงทำให้แอดมินไม่รอช้า ตัดสินใจหยิบถุงพลาสติกที่มี Contact ของร้านติดอยู่ขึ้นมา และจากการสอบถามก็พบว่าเมนูที่มีหน้าตาแปลกใหม่นี้ มีชื่อเรียกว่า วาเฟิลเปา ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจาก คุณป้อ กุลชา ภัทรวรกุล ด้วยความที่เป็นคนชอบกินของกรอบของทอด แต่ก็ต้องรักษาสุขภาพเอาไว้ด้วย คุณป้อเลยคิดหาทางออกว่าจะทำยังไงให้ของที่เธอชอบสามารถไปควบคู่กับสุขภาพที่ดีได้

เมื่อได้ไอเดียก็ไม่รอช้า คุณป้อตัดสินใจนำซาลาเปาที่เธอขายส่งอยู่ก่อนหน้า มาทับด้วยเครื่องทำวาฟเฟิล จนเกิดเป็นเมนูอย่าง ‘วาฟเฟิลเปา’ ที่ด้านนอกมีความกรุบกรอบและหน้าตาเหมือนกับวาฟเฟิล แต่ด้านในมีไส้และแป้งที่เหมือนกับซาลาเปาที่เราคุ้นชินกัน

 

โดยก่อนที่จะมีหน้าร้านของตัวเองอยู่ที่ชุมชนตลาดน้อย คุณป้อเคยขายเปาวาฟเฟิลทางออนไลน์มาก่อน ซึ่งเมื่อถามว่าแล้วการทำของสดที่ส่งออนไลน์จะต้องทำยังไงให้สินค้าไม่เสียเมื่อถึงมือของผู้รับ เธอตอบกลับเรามาว่า

“อย่างแรกเลยต้องแจ้งความเสี่ยงให้ลูกค้ารู้ก่อน ว่าถ้าเป็นไส้ธรรมดาอย่างพวกครีม หรืองา จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 วัน แต่ถ้าเป็นหมูสับจะอยู่ได้แค่วันเดียวเท่านั้น ซึ่งแพ็กเกจจิ้งของเราก็เป็นอะไรที่ธรรมดา ๆ ไม่ได้ช่วยถนอมอาหารหรืออะไร ฉะนั้นแล้วเราจะใช้วิธีแบบ Manual เลย นั่นก็คือทำปุ้ป ส่งปั้ป ซึ่งเราคำนวณเวลาที่ของจะถึงมือลูกค้าแล้ว ว่ามันจะไม่เลทกว่าที่คิดไว้”

และพอเห็นว่าช่องทางออนไลน์นั้นไปได้สวย คุณป้อจึงเริ่มตัดสินใจจะมาเปิดเป็นหน้าร้านเล็ก ๆ ของตัวเองแทน แต่เธอบอกกับเราว่าในช่วงแรก ๆ ที่เปิดร้านไม่ค่อยมีคนไทยกล้าเข้ามาเลย เพราะพอเห็นว่าหน้าตามันครีเอท คนส่วนใหญ่จะคิดว่ามันแพง เธอจึงเลือกที่จะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างการ เขียนราคาตัวโต ๆ แปะไว้หน้าร้าน จนผู้คนเริ่มที่จะเดินเข้ามาซื้อมากขึ้น

 

จากการต่อยอดความชอบส่วนตัวในตอนนั้น จนถึงตอนนี้มีลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะกับช่วงตรุษจีนที่ถือเป็นช่วง Primetime ของร้าน จนทำให้มีสื่อต่าง ๆ เข้ามาขอถ่ายทำและสัมภาษณ์มากมาย แต่เธอกลับบอกกับเราว่า

“ยังไม่มีไอเดียที่จะขยายธุรกิจ เพราะกำลังที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ ถามว่าอยากได้เงินไหมก็อยากได้ แต่ถ้ามันต้องแลกกับสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ต้องเสียไปก็คงไม่คุ้มสักเท่าไหร่

แค่ตอนนี้มีรายได้เลี้ยงตัวเอง และทำให้ชุมชนตลาดน้อยได้มีสีสันขึ้นมาก็พอใจแล้วค่ะ”

เป็นอีกหนึ่งธุรกิจไอเดียน่ารัก ๆ ที่ถึงจะไม่ได้ทำรายได้มหาศาล (ทั้งที่เรามองว่ามันสามารถเติบโตและขยับขยายได้) แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว

เพราะความสำเร็จในการทำธุรกิจไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขหรือผลกำไรเสมอไป แต่อาจจะเป็น ความสุขใจ ที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก…..ก็เท่านั้นเอง



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online