หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ Carrefour (คาร์ฟูร์) หนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ตที่เคยเปิดให้บริการในเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่จะถอนตัวออกจากประเทศไทยไป เช่นเดียวกับในสิงคโปร์ที่ Carrefour เข้าไปตีตลาดเมื่อปี 2003 ก่อนที่จะเจอกับห้างคู่แข่งท้องถิ่นจนทำให้ Carrefour เลิกกิจการไป
หรือแม้กระทั่งในญี่ปุ่นที่ Carrefour ต้องเลิกกิจการและขายห้างทั้งหมดให้กับกลุ่ม AEON ซึ่งเป็นเครือข่ายห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นไป
หลายคนจึงอาจคิดว่า Carrefour เป็นกิจการที่ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกับกิจการอื่น ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า Carrefour เป็นเครือข่ายไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในแง่ร้านค้าและรายได้ รองจาก Walmart เท่านั้น
ซึ่งไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket) คือร้านค้าปลีกที่รวมห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตเข้าด้วยกัน ซึ่งมักจะมีขนาดใหญ่ มีสินค้าหลากหลายประเภท เป็นแหล่งช้อปปิ้งแบบครบวงจร
โดย Carrefour ถือได้ว่าเป็น Walmart เวอร์ชั่นฝรั่งเศสเลยทีเดียว ปัจจุบัน Carrefour มีสาขามากกว่า 9,500 สาขาอยู่ทั่วยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชีย และอเมริกาใต้
ซึ่งในปี 2023 Carrefour มีรายได้ 87.3 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ 60.4 พันล้านดอลลาร์ กำไร 1.4 พันล้านดอลลาร์
ในปี 2022 Carrefour มีรายได้ 87.8 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ 54.2 พันล้านดอลลาร์ กำไร 1.3 พันล้านดอลลาร์
และในปี 2021 Carrefour มีรายได้ 82.2 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ 58.2 พันล้านดอลลาร์ กำไร 730.7 ล้านดอลลาร์
เรียกได้ว่า Carrefour มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุก ๆ ปี เป็นกลุ่มบริษัทผู้ค้าปลีกชั้นนำระดับโลกสัญชาติฝรั่งเศสที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
จุดเริ่มต้นของ Carrefour เครือไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ
Carrefour ก่อตั้งขึ้นในปี 1959 หลังจากการพบกันระหว่าง Marcel Fournier (มาร์เซล โฟร์เนียร์) เจ้าของร้านขายของแห่งหนึ่งในเมือง Annecy และครอบครัว Badin-Defforey (บาดิน-เดฟโฟเรย์) ผู้ค้าส่งอาหารใน Lagnieu (l’Ain)
พวกเขาได้ร่วมมือกันเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต Carrefour แห่งแรกในปีต่อมา ที่ทางแยกของ Avenue Parmelan และ Avenue André Theuriet ในเมือง Annecy และในปี 1963 พวกเขาได้เปิดไฮเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกในฝรั่งเศสที่ Sainte-Geneviève-des-Bois ซึ่งเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตเจ้าแรกในฝรั่งเศสที่มีพื้นที่มากกว่า 2,500 ตร.ม. พร้อมที่จอดรถฟรี 400 คัน และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในราคาต่ำ
ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตของพวกเขาจึงมีชื่อว่า Carrefour ซึ่งหมายถึง ทางแยก ในภาษาฝรั่งเศส นอกจากจะเป็นการแสดงตัวตนว่ากลุ่มลูกค้าจะหาพวกเขาได้ทั่วทางแยกในทุกถนน ยังใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพันธกิจในการเป็นศูนย์กลางที่ลูกค้าสามารถค้นหาความต้องการในการช้อปปิ้งได้อย่างสะดวกสบายในที่เดียว ซึ่งแนวคิดนี้แตกต่างจากรูปแบบการค้าปลีกแบบดั้งเดิมในขณะนั้น
โดยแนวคิดของไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นการผสมผสานระหว่างซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า รูปแบบที่ก้าวล้ำนี้ทำให้ Carrefour สามารถนำเสนอลูกค้าได้ไม่เพียงแต่ของชำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหารที่หลากหลาย รวมถึงเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในครัวเรือน และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยการรวมแผนกต่าง ๆ ไว้ในพื้นที่ค้าปลีกขนาดใหญ่แห่งเดียว
ธุรกิจ Carrefour ของพวกเขาจึงดำเนินไปได้ด้วยดี จนในปี 1970 Carrefour สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นปารีส ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกสำหรับธุรกิจภาคการค้าปลีกในการจดทะเบียนในตลาดหุ้นเลยทีเดียว
นอกจากนี้ Carrefour ยังถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ปฏิวัติโลกแห่งการบริโภคจำนวนมาก ด้วยการเปิดตัวตลาดผลิตภัณฑ์ปลอดสารที่มีคุณภาพและราคาถูกกว่าแบรนด์อื่น ๆ อีกด้วย
อีกทั้งในปี 1981 Carrefour ยังได้เปิดตัวบัตร PASS ทั้งบัตรเครดิตและบัตรสะสมคะแนนของลูกค้า และหลังจากผ่านไปสามปี ก็มีผู้ลงทะเบียนบัตร PASS จำนวน 200,000 ราย และมีการบันทึกธุรกรรมมากกว่า 4 ล้านรายการ ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วของ Carrefour

แนวคิดของ Carrefour ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไว้ภายใต้หลังคาเดียวกันได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี จนในไม่ช้า Carrefour ก็สามารถขยายการดำเนินงานไปทั่วฝรั่งเศส โดยเปิดตัวโมเดลไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ผสมผสานทั้งอาหารและสินค้าทั่วไป ถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมการค้าปลีกเลยทีเดียว
การเติบโตของ Carrefour ไปสู่แบรนด์ระดับโลก
ในปี 1963 Carrefour ได้เปิดตัวแนวคิดที่แปลกใหม่อีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ ร้านค้าลดราคา ซึ่งเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาที่ต่ำกว่าการจัดหาซื้อโดยตรงจากผู้ผลิตและจากพ่อค้าคนกลาง และรูปแบบร้านค้าลดราคานี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก Carrefour สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก เพิ่มยอดขายได้เป็นเท่าตัว จนทำให้จุดยืนของ Carrefour แข็งแกร่งขึ้นในฐานะผู้ริเริ่มอุตสาหกรรม
ด้วยความสำเร็จนี้ เหล่าบรรดาผู้ก่อตั้งจึงเริ่มต้นขยายกิจการ Carrefour ไปยังต่างประเทศ โดยเปิดร้านสาขาระดับนานาชาติแห่งแรกในเบลเยียม ซึ่งถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดโลกของ Carrefour ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศอย่างรวดเร็วของ Carrefour ในทศวรรษต่อ ๆ มา
นอกจากเปิดสาขาในต่างประเทศแล้ว Carrefour ยังได้เปิดตัวแบรนด์ Reflets de France ในปี 1997 ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารรสชาติต้นตำรับที่ Carrefour ทำขึ้นมาเพื่อส่งเสริมมรดกทางอาหารระดับภูมิภาคของฝรั่งเศสอีกด้วย
สองปีต่อมา Carrefour ได้กลายเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ด้วยการควบรวมกิจการระหว่าง Carrefour และ Promodès กลุ่มผู้ค้าปลีกชาวฝรั่งเศส
หลังจากที่ Carrefour ประสบความสำเร็จโด่งดังไปทั่วโลกด้วยตำแหน่งผู้ค้าปลีกรองใหญ่ Carrefour ก็ไม่ได้หยุดพัฒนา อย่างในตอนที่ธุรกิจ eCommerce เริ่มแพร่หลาย Carrefour ก็ได้เปิดตัว Ooshop ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ โดยมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 6,000 รายการ รวมถึงผลิตภัณฑ์สดนับพันรายการ
นอกจากนี้ Carrefour ยังได้ขยายกิจการไปสู่ต่างประเทศอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในโรมาเนีย เบลเยียม โปแลนด์ อิตาลี บราซิล อาร์เจนตินา หรือแม้แต่ในสเปน Carrefour ก็ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจจนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ได้รับความนิยมในประเทศนั้น ๆ
กิจการ Carrefour ในปัจจุบัน
ปัจจุบัน Carrefour ดำเนินงานภายใต้ชื่อไฮเปอร์มาร์เก็ตมากกว่า 230 แห่ง ตลาดคาร์ฟูร์ 1,020 แห่ง (ขนาดร้านตั้งแต่ 1,000 ถึง 4,000 ตร.ม.) และซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กและร้านสะดวกซื้อกว่า 2,000 แห่งในประเทศฝรั่งเศสเพียงแค่ประเทศเดียว
และ Carrefour ยังเป็นเจ้าของเครือข่าย Promocash Cash & Carry อีก 130 แห่ง และจัดจำหน่ายอาหารขนาดเล็กอิสระ 1,500 แห่งภายใต้แบรนด์ Proxi และกิจการเครือข่ายอาหารออร์แกนิก SoBio และ Bio C’Bon อีกด้วย
ตั้งแต่ Carrefour ได้ขยายกิจการไปยังต่างประเทศในช่วงทศวรรษ 1970 โดยลงทุนในตลาดอื่น ๆ ในยุโรป ก่อนที่จะขยายไปยังลาตินอเมริกา เอเชีย และแอฟริกา ทำให้ Carrefour เป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีกอย่างแท้จริง โดยมีเครือข่ายไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากมาย ซึ่งให้บริการลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลก
และหนึ่งในปัจจัยสำคัญเบื้องหลังความสำเร็จของ Carrefour คือความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ด้วยความเข้าใจในความต้องการและความชอบที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค Carrefour จึงพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่หลากหลายในราคาที่แข่งขันได้
อีกทั้งร้านค้าของ Carrefour ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าสามารถค้นหาทุกสิ่งที่ต้องการได้อย่างสะดวกในที่เดียว ตั้งแต่ผลิตสินค้าของสดไปจนถึงของใช้จำเป็นในครัวเรือน อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า และอื่น ๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กว้างขวางนี้ของ Carrefour จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น การเดินทางของ Carrefour จากซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กในฝรั่งเศสสู่ผู้นำการค้าปลีกระดับโลกเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ นวัตกรรม และความยั่งยืน ด้วยแนวทางที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การอุทิศตนเพื่อรับผิดชอบต่อสังคม และการยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้เป็นอย่างดี จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม Carrefour ถึงเป็นต้นกำเนิดของยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีกในยุโรป
พาส่องธุรกิจ Carrefour ในประเทศจีน อีกหนึ่งสาขาที่น่าจับตามอง
Carrefour สาขาแรกในประเทศจีนก่อตั้งโดยบริษัทฝรั่งเศสในปี 1995 ที่กรุงปักกิ่ง Carrefour ถือเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายชนิด เป็นความแปลกใหม่ที่น่าดึงดูดใจแก่ผู้บริโภคในสมัยนั้น จึงทำให้ Carrefour สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วไปยังเซี่ยงไฮ้ เจียงซู กวางตุ้ง เสฉวน ยูนนาน และมณฑลอื่น ๆ ของจีน
แต่ในปี 2008 การเปิดตัวของแพลตฟอร์ม E-commerce อย่าง Tmall และ JD.com ถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรม E-commerce ของจีนให้เริ่มได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภค และส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อของของผู้บริโภคเปลี่ยนไปให้ความสนใจในช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น
แม้ในช่วงเริ่มต้นของ E-commerce นั้นยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของ Carrefour มากนัก เพราะ Carrefour เป็นผู้ค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีนในขณะนั้น โดยมีร้านค้าทั้งหมด 249 แห่งใน 23 มณฑล ยอดขายของ Carrefour ในจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2015 หลังจากนั้นยอดขายกลับเริ่มลดลงเรื่อย ๆ สวนทางกับมูลค่าการค้าปลีกออนไลน์โดยรวมในจีนที่เพิ่มสูงขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Carrefour ต้องเผชิญกับปัญหาด้านยอดขาย โดยในปี 2017 ขาดทุนมากถึง 1,090 ล้านหยวน และในปี 2018 ขาดทุนไป 578 ล้านหยวน ส่งผลให้ในปีต่อมา Suning.com หนึ่งในเครือธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนได้เข้าซื้อหุ้นของกิจการ Carrefour China 80% ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมาก จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นเจ้าของคนใหม่ แต่ก็ยังไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ของ Carrefour ได้อยู่ดี
ประกอบกับในปี 2021 เกิดการแพร่ระบาดของโควิด -19 ทำให้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แบบไฮเปอร์มาร์เก็ตลดจำนวนน้อยลง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้คนส่วนใหญ่หันไปสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์และสั่งอาหารเดลิเวอรีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสร้างความเสียหายกับธุรกิจค้าปลีกในจีน Carrefour จึงขาดทุนและปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงมีปัญหาด้านการวางจำหน่ายสินค้าหน้าร้านอีกด้วย
แต่ปัจจุบัน Carrefour ค้นพบวิธีแก้ไขปรับปรุงด้านการจัดการขนส่งสินค้าวางจำหน่ายหน้าร้านและได้เปิด Community-based Shopping Centers เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดทุนของบริษัท Carrefour จึงเปลี่ยนศูนย์การค้ารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เป็น Brick-and-mortar Service Centers for Communities เป็นศูนย์การค้าแบบดั้งเดิมที่มีบริการเสริมอย่างสนามเด็กเล่นและบริการจัดเลี้ยง เพื่อสร้างความแตกต่างจากธุรกิจอื่น ๆ
นอกจากนี้ Carrefour ยังร่วมมือกับแอป Suning.com, Meituan, Ele.me, JD Daojia และ FoodTalks เพื่อเปิดตัวบริการเดลิเวอรี ส่งผลให้ Carrefour ได้รับคำสั่งซื้อออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า
ด้วยเหตุนี้ การเติบโตของ Carrefour ในประเทศจีนจึงเป็นที่น่าจับตามองว่าจะดำเนินต่อไปในทิศทางไหน จะสามารถทำให้ธุรกิจกลับมามีกำไรอีกครั้งได้หรือไม่ ในอนาคตเราก็คงต้องจับตามองกันต่อไป
ที่มา:
https://en.wikipedia.org/wiki/Carrefour
https://www.carrefour.com/en/group
https://www.forbes.com/companies/carrefour/?sh=52ee8a5155fa
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ