ผู้หญิงกับความสวยความงามคู่กันแบบแยกกันไม่ออกมาแต่ไหนแต่ไร และไม่ว่าเทรนด์ความงามจะเปลี่ยนไปอย่างไร ตรงข้ามกับในอดีตมากแค่ไหน หรือกระทั่งเข้าใจยากในสายตาผู้ชาย ทว่าสุดท้ายผู้หญิงก็ยังรักสวยรักงามและอยากให้ตนดูดี

เช่น เทรนด์แต่งหน้าบาง ๆ และอวดผมหงอกยาวสลวยของนักแสดงหญิงรุ่นใหญ่ฝั่งตะวันตกในปี 2023 อย่าง เฮเรน เมียร์เรน วัย 78 ปี และ ไอริส อิพเฟล แฟชั่นไอคอนอายุ 102 ปี
ที่เรียกกันว่า ความภูมิใจในความสวยตามวัยของผู้หญิงที่เลยวัย 40 ปีกันไปแล้ว หรือ Pro aging ซึ่งท้ายที่สุด พวกเธอก็หมั่นดูแลตัวเองและปรากฏตัวสวยอยู่เสมอ
ต่างจากในอดีตที่เหล่า Babyboom และ Gen X ใช้ทั้งครีมสารพัดและศัลยกรรมมากมายเพื่อชะลอวัย จนกลายเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของตลาดครีมชะลอวัยและคลินิกศัลยกรรม

อีกเทรนด์ที่เห็นได้ชัดในปีนี้ จนกล่าวได้ว่าเขย่าทั้งตลาดเครื่องสำอางและคลินิกผิวหน้า คือ Gen Z พากันกังวลเรื่องริ้วรอย การเหี่ยวย่นกันแล้ว ทั้งที่ยังเป็นวัยรุ่นและผู้ที่อายุมากสุดของรุ่นก็มีวัยเพียง 26 ปี หรือเพิ่งทำงานมาได้เพียงไม่กี่ปีเอง

ความกังวลเรื่องริ้วรอยเกินวัยของ Gen Z มีสาเหตุมาจากเติบโตมากับสื่อโซเชียลและโลกออนไลน์ และกลุ่มที่มีอายุมากสุดของรุ่นก็เห็นหน้าตัวเองผ่านแพลตฟอร์มสื่อสารที่ใช้ประจำในการทำงานอย่าง Zoom
การคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มออนไลน์และโตมากับอุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ (Digital native) โดยเฉพาะ สมาร์ตโฟน ทำให้ Gen Z ได้รับข้อมูลข่าวสารความงามมากมาย นอกจากนี้ยังมีแอปแต่งภาพให้ดูได้อีกว่าหน้าช่วงที่แก่ตัวไปจะเป็นอย่างไร
หลักฐานยืนยันถึงการตื่นตัวเรื่องริ้วรอยก่อนวัยของ Gen Z บนแพลตฟอร์มออนไลน์ คือ คลิป TikTok ของเด็กวัย 14 ปีเมื่อต้นปีที่พยายามหาวิธีชะลอวัย คลิปใน TikTok ติด #Antiaging ที่มียอดวิวถึง 7,400 ล้านครั้ง

และยอดโพสต์คลิปฟีลเตอร์ ‘หน้าแก่’ ของคนรุ่นใหม่ที่มากถึง 24.5 ล้านโพสต์ ซึ่งในจำนวนนี้มี ไคลี่ เจนเนอร์ หนึ่งในคนดังขวัญใจฝ่ายหญิงของ Gen Z รวมอยู่ด้วย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้แบรนด์เครื่องสำอางทำครีมลดริ้วรอย หรือครีมอื่น ๆ เช่น ครีมกันแดดมีส่วนผสมของสารลดริ้วรอย ซึ่งปรับสูตรให้เข้ากับผิวของวัยรุ่นกันออกมา

จนสองปีที่ผ่านมาตลาดผลิตภัณฑ์นี้ในสหรัฐฯ โตขึ้น 10% ส่วนยอดการค้นหาครีมกันแดดในสื่อออนไลน์ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า
CNN สำนักข่าวดังของสหรัฐฯ รายงานอิงจากข้อมูลของ Circana บริษัทที่ปรึกษาและเก็บข้อมูลทางการตลาดในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงเครื่องสำอางว่า Gen Z ครองสัดส่วน 70% ของตลาดเซรั่มชะลอวัย และยังใช้ครีมต่าง ๆ เช่น ครีมกันแดดที่มีสารชะลอวัยเป็นประจำ
ซึ่งนี่ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญที่สุดของตลาดเครื่องสำอางด้านผิวหนังใน 20 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ Peachy บริษัทสตาร์ตอัปในสหรัฐฯ ด้านโบท็อกซ์ เผยว่า Gen Z คือตลาดใหม่ที่โตเร็วสุดปีนี้ หลังการที่ Gen Z เข้าคลินิกไปฉีดโบท็อกซ์ พร้อมไปทำคลิปรีวิวแล้วออกไปใช้ชีวิตต่อเลยถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
เทรนด์ Gen Z กังวลเรื่องรอยเหี่ยวย่นเร็วเกินวัย ซึ่งดูจะขัดแย้งกับความภูมิใจในรูปร่าง เพศสภาพและตัวตนของตัวเอง รวมไปถึงการคิดบวก ความเป็นของจริงของแท้ ความหลากหลาย ความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ยืดถือนี้มีที่มา

CNN วิเคราะห์อิงจากทัศนะของผู้ก่อ VC ในธุรกิจความงามว่า แม้คิดบวกมากกว่าคนรุ่นก่อน ๆ แต่ Gen Z ก็ยังคงกลัวแก่อยู่ดี ซ้ำร้ายยังกลัวมากว่าคนรุ่นพ่อแม่อีก จนเป็นการเพิ่มความเครียดในชีวิตต่อจากภาวะเครียด (Permacrisis) ไม่จบสิ้นจากการงานและปัญหาเศรษฐกิจ

เพราะพวกเขาเป็นรุ่นที่เกิดมากับการมีข้อมูลเปรียบเทียบมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ในโลกออนไลน์ที่พวกเขาใช้กันเป็นปกตินั่นเอง ขณะเดียวกัน Gen Z ก็มองว่าการใช้ครีมชะลอวัยแต่เนิ่น ๆ นั้นเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ในการดูแลตัวเอง เพื่อนำไปสู่การได้เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นดีที่สุด

CNN ทิ้งท้ายด้วยท่าทีกังวลต่อเทรนด์กลัวแก่เกินวัยของ Gen Z โดยได้เตือน Gen Z ให้พิจารณาข้อมูลที่ได้มาให้รอบคอบ ควรตรวจสอบจากหลาย ๆ แหล่งเพื่อความปลอดภัย และไม่ควรเชื่อเพียงเพราะเป็นคนวัยเดียวกันหรือเป็นคลิปที่มียอดวิวสูง ๆ
เพราะยังไม่มีผลการศึกษาที่ชัดเจนว่าเครื่องสำอางชะลอวัยมีส่วนผสมของสารเคมีเหล่านี้จะส่งผลต่อสภาพผิววัยรุ่นมากกว่าคนที่อายุแก่กว่ามากน้อยแค่ไหน ♦/theguardian , cnn
–
