SME Think Tank/ดร. เกษม พิพัฒน์เสรีธรรม

ระยะนี้มีคนสองฝ่ายหรือหนึ่งฝ่ายกับหลายฝ่ายที่มีความเห็นต่างกันเรื่องการจะสูญเสียโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจหากไม่ทำการแจกเงินดิจิทัล และให้เหตุผลนานัปการว่าประเทศเราอยู่ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจต่าง ๆ นานา

แต่ก็มีคนอีกหลายฝ่ายที่ไม่มีอำนาจในการบริหารแต่มีความรู้ มีประสบการณ์ (อาจจะน่าเชื่อถือกว่า) บอกว่าประเทศเราไม่วิกฤต ไม่สูญเสียโอกาส และไม่จำเป็นต้องกู้เงินหลายแสนล้านบาทมาแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะมันอาจจะทำให้ประเทศสูญสิ้นได้ เพราะเป็นหนี้มากเกินไป

ผมไม่ขอออกความเห็นเพิ่มเติม คอยตามดูเขาไปให้สุด ซึ่งคงจบกันแบบไทย ๆ ทำนองครึ่ง ๆ กลาง ๆ

แบบอะลุ้มอล่วยกัน ได้แจกเงินแต่ไปไม่สุด ๆ แบบที่คิดไว้ หรือ เลิกล้มโครงการแบบอาศัยเหตุผลของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยแบบสุด ๆ

เรามาว่ากันด้วยการสูญเสียเพื่อป้องกันการสูญสิ้น (ชีพ) ดีกว่า

ในปี 2566 นี้ประเทศไทยกำลังจะเข้าป้ายสังคมผู้สูงวัยแบบสมบูรณ์ด้วยจำนวนคนไทยที่มีอายุเกิน 60 ปีเกือบ 20% ของประชากรทั้งหมด

ในทางการแพทย์ สาธารณสุข หรือคนที่ห่วงใยสุขภาพจะพูดกันบ่อย ๆ ถึงการมีอายุยืนยาว (Longevity) การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี (Well-Being) การเตรียมตัวรับมือการเข้าสู่สังคมสูงวัย และการรู้จักใช้เทคโนโลยีช่วยดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วยก่อนที่จะต้องรักษาพยาบาล

เจ้าโรคร้ายมหากาฬ อย่าง โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง ที่ฆ่าคนจำนวนมากก็มาจากการไม่ดูแลสุขภาพแบบว่าทำร้ายตัวเองทั้งสิ้น สถิติในปี 2565 มีคนทั่วโลกเสียชีวิตด้วยโรคร้ายเหล่านี้ถึง 45 ล้านคน

สถานพยาบาลและโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไปจำต้องปรับรูปแบบการทำธุรกิจจากมุ่งเน้นรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยมาเป็นการให้บริการแนะนำเชิงป้องกันไม่ให้เกิดโรคต่าง ๆ (Preventative Medical Services) เพื่อเป็นโค้ชดูแลเรื่อง Longevity และ Wellness

วงการอุตสาหกรรมทางการแพทย์และโรงพยาบาลคาดว่าในปี 2568 มูลค่าของ Global Wellness Economy จะสูงถึง 6.7 ล้านล้านดอลลาร์ทีเดียว

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว แม้บทความตอนนี้ไม่ใช่บทความทางการแพทย์แต่จำเป็นต้องบอกถึงต้นเหตุของข้อมูลทางการแพทย์ ที่เป็นที่มาของการพัฒนาการตลาดและการทำธุรกิจสถานพยาบาลในปัจจุบัน

Deep Biomarkers คือการศึกษาข้อมูลสุขภาพจำนวนมากเพื่อให้เห็นการเชื่อมโยงของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งพบว่าเมื่อคนเราอายุมากขึ้น เซลล์ของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการใช้ชีวิต (Lifestyle) และสิ่งแวดล้อม เซลล์ในร่างกายที่ควรจะตายแต่ไม่ตาย และอาจจะเป็นได้ทั้งเซลล์ดีหรือเซลล์ร้าย และเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่าง ๆ ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

การค้นพบนี้สำคัญมากในการนำมาปรับใช้ดูแลรักษาร่างกายก่อนเจ็บป่วย

การค้นพบทางการแพทย์ยังพบอีกว่า ภายในเซลล์หนึ่งตัวของคนเราสามารถสร้างโปรตีนได้เป็นพันชนิด และโปรตีนเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเคมีในร่างกายและช่วงวัยของคนเรา

เพราะฉะนั้นการตรวจสุขภาพไม่จำเป็นต้องตรวจเพื่อหา (พบ) โรคร้ายอย่างเดียว แต่สามารถหาเจ้าโปรตีนดี ๆ ที่มีอยู่ในร่างกาย แล้วช่วยทำการดูแลตัวเองตามโปรแกรมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อกระชากวัย (หนุ่ม สาว) กลับคืนมา ที่เรียกว่าการ Invention นั่นเอง ซึ่งเรื่องใหญ่ ๆ ก็น่าจะเป็น 4 อ (อาหาร อากาศ อารมณ์ ออกกำลังกาย) พูดง่าย ๆ ว่า รับประทานอาหารดีมีประโยชน์ อยู่ในที่มีอากาศดี ควบคุมอารมณ์ ไม่เครียด และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ผมร่ายยาวมาพอสมควรเพื่อให้ทราบที่มาที่ไปของเทรนด์การทำธุรกิจสถานพยาบาลในปัจจุบัน

จนมาถึงจุดสำคัญของบทความตอนนี้ คือ การนำการตลาดดิจิทัลมาปรับใช้ (Digital Marketing and Preventive Healthcare)

หลักการโดยทั่วไปก็เริ่มจากการเข้าใจประโยชน์และวิธีการทางการแพทย์ที่ผมเล่าสู่กันฟังพอสังเขปข้างต้นแล้วก็มาวางแผนการตลาดดิจิทัลโดยเริ่มจาก

1. เข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ต้องเข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ ปัญหาอุปสรรค ความจำเป็นที่ต้องตรวจร่างกายสม่ำเสมอ และโปรแกรมตรวจร่างกายที่เหมาะสม โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ หรือคนที่เริ่มจะเข้าสู่สูงวัยที่ต้องการชะลอความสูงวัยหรือรักษาความอ่อนวัยไว้ (นานที่สุด)

2. พิจารณาช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ดูว่าลูกค้าเป้าหมายมีพฤติกรรมใช้โซเชียลมีเดียแบบไหน ชอบใช้ Line, Facebook, LinkedIn, Google, Bing หรือ email เป็นต้น

3. สร้างเนื้อหา (Content) ที่กระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสนใจ ที่สำคัญเนื้อหานั้นต้องทำอย่างมีคุณภาพการผลิตที่ดี น่าเชื่อถือ ให้ความรู้แบบเข้าใจง่าย ไม่ยาวเกินไป เพื่อสื่อสารให้เข้าใจเรื่อง Preventative Healthcare ไม่ว่าจะทำ Content ในรูปแบบใด เช่น Blog post, infographics, video, media post เป็นต้น Content ที่ดีต้องทำให้ลูกค้าสนใจและมีส่วนร่วม (engagement)

4. Search Engine Optimization (SEO) ทำให้ website ของท่านถูกค้นพบในอันดับต้น ๆ ของการค้นหา ซึ่งหลักการง่าย ๆ คือ มี Keywords ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีนี้อาจจะมีคำเหล่านี้ “preventative health” “healthy lifestyle” หรือ “ชีวิตที่มีสุขภาพดี” อะไรทำนองนี้ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ ตามที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใช้ในการสื่อสาร

5. การติดตามและการวัดผล เพื่อวัดว่าการใช้การตลาดดิจิทัลได้ผลอย่างไร ควรวัด การเข้าชมเว็บไซต์ (tracking website traffic) การมีส่วนร่วมของลูกค้าเป้าหมาย (engagement) เป็นต้น

ในโลกปัจจุบันเทคโนโลยีเข้าถึงไม่ยากและไม่มีราคาแพงเกินเอื้อม การรู้จักนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในวงการแพทย์ สาธารณสุข สุขภาพ จึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อมีรางวัลในการทำตามเป็นการมีสุขภาพดี ชีวิตมีสุขยืนยาว

ใคร ๆ ก็ยอมสูญเสีย (เวลา ค่าใช้จ่าย ฯลฯ) มากกว่าการสูญสิ้น (ชีพ) จริงไหมครับ

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer