Boeing เจอวิกฤต 737 Max เล่นงานจนธุรกิจซบเซาลง (วิเคราะห์)
เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา เที่ยวบินของสายการบิน Alaska Airlines ที่บรรทุกผู้โดยสาร 177 คน ได้ทำการลงจอดฉุกเฉินไม่นานหลังบินขึ้นจากพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน สาเหตุอันเนื่องมาจากส่วนหนึ่งของกำแพงเครื่องบินรุ่น Boeing 737 Max 9 ลำใหม่หลุดในระหว่างทำการบิน
นี่คือ “เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินของBoeing” ในรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกับซีรีส์ 737 Max ที่เมื่อย้อนกลับไปในปี 2018 และ 2019 เคยเกิดโศกนาฏกรรมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันกว่า 300 คนมาแล้ว
ดูเหมือนว่า 737 Max จะทำให้Boeingบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลกตกหลุมลึกทั้งในเรื่องของวิกฤตการณ์ความเชื่อมั่น และสถานะทางการเงินที่ไม่สู้ดีนัก ในบทความนี้เราจะพาผู้อ่านไปจับชีพจรธุรกิจของBoeing รวมถึงเรื่องราวมากมายที่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการการบินต้องเผชิญตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถ้าผู้อ่านพร้อมที่จะบินไปกับเราแล้ว ไปติดตามกันได้เลย
ธุรกิจของBoeing
เครื่องบินรุ่น 787-10 Dreamliner ของสายการบินBoeing
ธุรกิจของBoeingมีการพัฒนาไปอย่างมากนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1916 ในชื่อเดิมคือ Pacific Aero Products Company ก่อตั้งโดย William E. Boeingและมาเปลี่ยนชื่อเป็นBoeing Airplane Company ในปี 1917
ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ Boeingผลิตเครื่องบินอยู่ไม่กี่แบบอย่าง เช่น เครื่องบินแบบที่สามารถลงจอดบนทะเล หรือที่เรียกว่า Seaplane ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งตั้งแต่นั้นมาทำให้สถานะการเงินดีขึ้นตามลำดับ
และได้เริ่มมีการขยายไลน์การผลิตเป็นเครื่องบินเชิงพาณิชย์มากขึ้นเพื่อมุ่งเน้นตลาดที่ใหญ่ขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Boeingได้ขยายการดำเนินงานและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ กลายเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ โดยเครื่องบินตัวทอปและเป็นผลงานชิ้นเอกก็ได้แก่ B-17 Flying Fortress และ B-29 Superfortress ซึ่งมีส่วนร่วมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามมาด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดเจ็ต B-52 และเครื่องบินไอพ่นลำแรกของสหรัฐฯ นั่นคือBoeing 707
ธุรกิจของBoeingมีความหลากหลายมากขึ้นด้วยการพัฒนาการขนส่งด้วยเครื่องบินเจ็ตเชิงพาณิชย์ เช่น เครื่องบินแบบลำตัวแคบอย่างรุ่น 737 และ 757 (สำหรับการบินระยะทางสั้น ๆ)
เครื่องบินลำตัวกว้างอย่าง 747, 767 และ 777 (สำหรับการบินระยะทางไกล ๆ) ตลอดจนการเข้าซื้อบริษัทด้านการบินและอวกาศและการป้องกันอื่น ๆ เช่น McDonnell Douglas และ Rockwell International Corp.
อีกทั้ง Beoingยังได้ไปลงทุนในเทคโนโลยีดาวเทียมและอุปกรณ์โทรคมนาคมอีกด้วย การขยายผลิตภัณฑ์ของBoeing ทำให้Boeingเป็นหนึ่งในผู้ผลิตด้านการบินและอวกาศรายใหญ่ที่สุดทั่วโลก (ตีคู่กับ Airbus)
ตลอดประวัติศาสตร์ของบริษัทBoeingยังคงให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ความเป็นเลิศทางวิศวกรรม และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาด ความสำเร็จของบริษัทโดดเด่นด้วยความสามารถในการรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการแข่งขันระดับโลก ในขณะที่ยังคงเป็นผู้เล่นหลักในภาคการบินเชิงพาณิชย์และทางทหาร
Boeingมีธุรกิจอยู่ใน 3 ส่วนหลักด้วยกัน ได้แก่ เครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินทหาร ยานอวกาศ และบริการเกี่ยวเนื่องกับเครื่องบิน โดยทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการออกแบบ การผลิต และการขายเครื่องบิน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ
- เครื่องบินพาณิชย์ Boeingมีชื่อเสียงในด้านเครื่องบินไอพ่นเชิงพาณิชย์ (Commercial Jet) อย่างตระกูล 737, 747, 767, 777 และ 787 นอกจากนี้ Boeingยังให้บริการเครื่องบินขนส่งสินค้า รวมถึงการพัฒนาไลน์ฝูงบินใหม่ ๆ เช่น 787-10 Dreamliner, 737 MAX และ 777X โดยเครื่องบินพาณิชย์ของ Boeing ถูกใช้โดยสายการบินต่าง ๆ ทั่วโลก และคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของฝูงบินทั่วโลก
- เครื่องบินทหารและยานอวกาศ ในไลน์ธุรกิจส่วนนี้ Boeingจะเน้นไปที่การออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับลูกค้าภาครัฐโดยเฉพาะ ซึ่งจะประกอบไปด้วยเครื่องบินทหาร อาวุธ และผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนดาวเทียม บริการปล่อยจรวด ผลิตภัณฑ์และบริการสำรวจอวกาศ
- บริการที่เกี่ยวข้องกับอากาศยาน บริการในส่วนนี้ของBoeingจะเกี่ยวข้องกับบริการหลังการขายสำหรับฝูงบินผสมของเครื่องบินและผลิตภัณฑ์ด้านการป้องกันทางอากาศที่บริษัทเป็นผู้ผลิต โดยบริการในส่วนนี้จะประกอบไปด้วย บริการยานพาหนะสำหรับรับส่งผู้โดยสาร โซลูชันดิจิทัลที่เกี่ยวกับการบิน การฝึกอบรมนักบินและลูกเรือ รวมถึงบริการบำรุงรักษาเครื่องบิน เป็นต้น
จุดพลิกผันของ Boeing
ธุรกิจสายการบินมีจุดร่วมหนึ่งที่เหมือนกันกับธุรกิจธนาคารนั่นคือ “ความไว้วางใจ” เรื่องนี้สำคัญอย่างไร ผู้อ่านลองคิดดูว่าถ้าวันนี้ผู้อ่านฝากเงินจำนวน 1 ล้านบาทไว้กับธนาคาร แต่อยู่ ๆ วันหนึ่งผู้อ่านก็เห็นข่าวทางโซเชียลมีเดีย ว่าธนาคารได้มีการนำเงินกว่า 1,000 ล้านบาทไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงแล้วเกิดการขาดทุน หรือ มีการนำเงินไปปล่อยกู้ให้กับธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้เป็นสัดส่วนที่สูง แล้วเกิดการผิดนัดชำระหนี้ จนส่งผลให้ผู้ที่ฝากเงินจำนวนมากพากันเริ่มแห่ไปถอนเงินออกมา มันจะเกิดความโกลาหลมากแค่ไหน และคำถามคือ ผู้อ่านยังอยากจะฝากเงินกับธนาคารนั้นหรือ?
นี่เป็นคำถามเดียวกันที่เกิดขึ้นกับBoeing ความไว้วางใจนั่นเป็นเรื่องสำคัญ ในโลกเราสายการบินเกือบทั้งหมดในโลกนี้ล้วนทำการบินโดยบริษัทผู้ผลิตอากาศยานชื่อดังของโลกเพียงแค่ 2 ค่ายคือ Airbus และ Boeing ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ผู้คนพากันโฟกัสไปที่ “ยี่ห้อ” ของเครื่องบิน
จุดเปลี่ยนที่สำคัญจุดหนึ่งในธุรกิจของ Boeing จากธุรกิจที่รุ่งเรืองสู่การค่อย ๆ ถดถอยลงเรื่อย ๆ นั้นมาจากปัจจัยหลายประการ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างหนึ่งเกิดขึ้นหลังจากการควบรวมกิจการกับ McDonnell Douglas ในปี 1997 ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำ (ภายในองค์กร) และทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัท การควบรวมกิจการครั้งนี้ถือเป็นการออกจากการมุ่งเน้นด้านคุณภาพและความปลอดภัยแบบดั้งเดิมของ Boeing ไปสู่แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยผลกำไรมากขึ้น การเน้นไปที่การลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้นให้มากกว่าคุณภาพ ค่อย ๆ บั่นทอนชื่อเสียงของโบอิ้งในด้านความเป็นเลิศในการผลิตเครื่องบิน
การมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นของ Boeing ในสัญญาด้านกลาโหมและโครงการของรัฐบาล ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนไปสู่ผู้บริหารทางการเงินมากกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ส่งผลให้ค่านิยมหลักของบริษัทลดลง การเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำและลำดับความสำคัญนี้นำไปสู่ประเด็นต่าง ๆ มากมาย รวมถึงปัญหาการควบคุมคุณภาพ ข้อกังวลด้านความปลอดภัย และการมุ่งเน้นไปที่ผลกำไรระยะสั้นเหนือความยั่งยืนในระยะยาว
การย้ายสำนักงานใหญ่ของBoeingจากซีแอตเทิลไปยังชิคาโกในปี 2544 เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมและลำดับความสำคัญของบริษัท โดยเน้นการพิจารณาทางการเงินมากกว่าความมุ่งมั่นในอดีตในด้านวิศวกรรมและนวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ร่วมกันเป็นจุดเปลี่ยนในวิถีของBoeing ซึ่งนำไปสู่การลดชื่อเสียงในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความพึงพอใจของลูกค้า
ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ธุรกิจของBoeingต้องเผชิญช่วงที่ยากลำบาก รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมคุณภาพ ความท้าทายด้านการผลิต ความเสี่ยงทางการเงินและองค์กร ซึ่งเป็นผลพวงของเหตุการณ์สำคัญอย่างเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ตก การควบคุมคุณภาพ (Quality Control) ที่ลดลง อันเป็นผลมาจากการหมุนเวียน (การเข้าออกของพนักงาน) ที่สูง โดยBoeingได้ลดจำนวนพนักงานลงถึง 28,000 คนในปี 2020 เนื่องจากความต้องการเครื่องบินใหม่ลดลงในช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19
Boeingยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมีรายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงาน จำนวน 650 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนปัจจัยการผลิตห่วงโซ่อุปทาน
การที่Boeingหันมาให้ความสำคัญกับกิจกรรมทางการเงินมากกว่าเรื่องที่ควรเน้นอย่างความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและเรื่องของการผลิต ก็ส่งผลให้Boeingถูกตั้งคำถามถึงคุณภาพของอากาศยานที่ผลิตออกมาในช่วงหลัง ๆ และถูกตั้งข้อสงสัยถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการตกของเครื่องบินรุ่น 737 Max หรือไม่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะมันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในคุณภาพด้านวิศวกรรมและคุณภาพของBoeingเป็นอย่างมาก
อีกทั้งในเรื่องของตัวผู้นำในองค์กรเองก็เปลี่ยนจากบุคคลที่มีพื้นฐานด้านการผลิตมาสู่ผู้ที่มาจากภาคการเงิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกระบวนการตัดสินใจและการลำดับความสำคัญของBoeingอีกด้วย
ผลพวงของเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ตกยังเน้นย้ำประเด็นสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องบินและกระบวนการผลิตของบริษัท ซึ่งนำไปสู่การหยุดใช้เครื่องบินเป็นเวลานาน และส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและประสิทธิภาพทางการเงินของBoeing
โดยรวมแล้ว ปัญหาการควบคุมคุณภาพ ความท้าทายทางการเงิน การตัดสินใจของผู้นำ และเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย ย่อมส่งส่งผลชื่อเสียงและผลประกอบการของBoeingในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้อย่างแน่นอน
ปัญหาเรื่องคุณภาพกลายเป็นเครื่องหมายคำถาม
ครั้งหนึ่งBoeingเคยได้รับการยกย่องถึงความเป็นเลิศในด้านวิศวกรรมอากาศยานและเน้นเรื่องความปลอดภัยมาก ๆ แต่เมื่อมีเรื่อง “กำไรขาดทุน” เข้ามาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ถ้ายังจำกันได้ย้อนไปเมื่อปี 2018 Lion Air เที่ยวบิน JT 610 บรรทุกผู้โดยสารจำนวน 189 คน (ผู้โดยสาร 181 คน ลูกเรือ 6 คน และนักบินอีก 2 คน) ออกเดินทางจากสนามบิน Soekarno–Hatta ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ไปยังสนามบิน Depati Amir เมือง Pangkal Pinang โดยเพียงแค่ 13 นาทีนับจากการ Take-Off เครื่องบินโดยสารรุ่น 737 Max 8 ก็สูญเสียการควบคุมและตกลงสู่ท้องทะเล Java Sea ส่งผลให้มีผู้โดยสารรวมลูกเรือและนักบินเสียชีวิตทั้งหมด จากการสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้เผยให้เห็นปัจจัยหลายประการที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรม ซึ่งก็มากจาก 3 สาเหตุ คือ 1. ข้อบกพร่องด้านการออกแบบเครื่องบิน (สื่อต่างประเทศใช้คำว่า “aircraft design flaws”) 2. นักบินได้รับการฝึกฝนไม่เพียงพอ 3. ปัญหาการบำรุงรักษา
ซึ่งในรายงานอุบัติเหตุครั้งสุดท้ายเน้นย้ำชัดว่านักบินไม่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเพียงพอในเรื่องวิธีการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อความผิดปกติของระบบควบคุมการบินอัตโนมัติของเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max 8 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ” (Maneuvering Characteristics Augmentation System: MCAS) ซึ่งระบบ MCAS ดันจมูกเครื่องบินลงโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้นักบินสูญเสียการควบคุม
หน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินวิพากษ์วิจารณ์การออกแบบระบบ MCAS และระบุข้อผิดพลาดต่าง ๆ ก่อนเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงปัญหากับเครื่องบินใน 4 เที่ยวบินสุดท้ายก่อนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
ข้อค้นพบจากการสืบสวนทำให้ Boeing ต้องจัดการกับคำแนะนำโดยการออกแบบวิธีการทำงานของเซนเซอร์มุมปะทะ (Angle-of-Attack: AoA) กับ MCAS ใหม่ทั้งหมด รายงานดังกล่าวเน้นย้ำว่าโบอิ้งและสำนักงานการบินแห่งชาติ (FAA) ประเมินต่ำเกินไปว่าคำเตือนด้วยภาพและเสียงอาจส่งผลต่อเวลาตอบสนองของนักบินในกรณีฉุกเฉินได้อย่างไร
ภาพอธิบายมุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักอากาศพลศาสตร์ของเครื่องบิน
เหตุเครื่องบินตกของ Lionair ในอินโดนีเซียเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ดึงความสนใจไปยังปัญหาสำคัญเกี่ยวกับเครื่องบินBoeing 737 Max ซึ่งท้ายที่สุดได้นำไปสู่การสั่งระงับการบินของเครื่องบิน 737 Max ทั่วโลก รวมไปถึงการเข้าไปตรวจสอบระเบียบปฏิบัติด้านความปลอดภัยและการออกแบบเครื่องบินของ Boeing อย่างเข้มงวด
และเหตุการณ์ความสูญเสียครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ Lionair ตกได้เพียงแค่ 8 เดือน สายการบิน Ethiopian Airlines เที่ยวบินที่ 302 นำผู้โดยสาร 157 ชีวิต ออกจาก Addis Ababa ไปยัง Nairobi ประสบอุบัติเหตุตก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2019 ไม่นานหลังจากขึ้นเครื่อง ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด 157 คน
รายงานขั้นสุดท้ายโดยเจ้าหน้าที่สืบสวนของรัฐเอธิโอเปียเน้นย้ำถึงการค้นพบสาเหตุสำคัญหลายประการเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยชี้ไปที่ความล้มเหลวในระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ หรือ MCAS ของเครื่องบิน Boeing 737 MAX 8 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในอุบัติเหตุครั้งนี้ เชื่อกันว่าระบบ MCAS ทำให้เครื่องบินก้มจมูกลงอย่างควบคุมไม่ได้ ส่งผลให้นักบินสูญเสียการควบคุม ซึ่งถ้ายึดตามข้อสรุปนี้ก็เท่ากับว่าเหตุการณ์เครื่องบิน Boeing 737 MAX 8 ตกทั้ง 2 ครั้ง มาจากสาเหตุเดียวกัน
รายงานเน้นย้ำว่าเซนเซอร์มุมปะทะ (Angle-of-Attack: AOA) ขัดข้องทันทีหลังจากบินขึ้น ส่งข้อมูลผิดพลาดไปยังระบบควบคุมการบิน และส่งผลให้ MCAS กดจมูกของเครื่องบินลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้อมูลที่ผิดพลาดนี้นำไปสู่ความล้มเหลวอันน่าสลดใจในที่สุด แม้จะมีชี้ไปที่การค้นพบสาเหตุของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้แล้วก็ตาม แต่ในรายงานก็สรุปว่าผู้เชี่ยวชาญและเครื่องบินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนี้ได้รับการ “รับรองอย่างถูกต้อง”
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ด้านการบินของเอธิโอเปียยังย้ำข้อกล่าวหาของพวกเขาไปยัง Boeing ว่ามีเจตนาปิดบังปัญหาเกี่ยวกับระบบ MCAS โดยไม่แจ้งตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่ามีส่วนทำให้เครื่องบิน 737-MAX 8 ตก
เครื่องบินรุ่นเจ้าปัญหาของBoeingที่ทำให้บริษัททั้งเสียชื่อเสียงและเสียเงิน: Seattletimes
*MCAS (Maneuvering Characteristics Augmentation System) เป็นหนึ่งในระบบควบคุมการบินอัตโนมัติที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยBoeing มีไว้เพื่อใช้ควบคุมองศาการเชิดหัวของเครื่องบิน เป้าหมายการทำงานหลักของมันคือช่วยแก้ข้อผิดพลาดของนักบินโดยการ ‘กด’ หัวเครื่องบิน ‘ลง’ ด้วยการปรับแพนหางระดับ ซึ่งตัวระบบ MCAS นั้นจะรับข้อมูลเข้ามาผ่านระบบเซนเซอร์ตรวจจับมุมปะทะ AoA (Angle of Attack) ที่อยู่ภายนอกตัวเครื่อง
เครื่องบินBoeingรุ่น 737 Max 8 เปิดตัวครั้งแรกที่โรงงานประกอบเครื่องบินที่ Renton วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา: Seattletimes
โดยตามหลักอากาศพลศาสตร์แล้ว ปีกจะมีหน้าที่สร้างแรงยกให้กับเครื่องบินในช่วงมุมที่เหมาะสมเท่านั้น หากยกเครื่องให้เชิดมากเกินไป เซนเซอร์ AoA จะตรวจจับค่ามุมและเทียบความถูกต้องกับระบบอื่น ๆ ของเครื่อง เช่น แฟลบ แล้วจึงกดหัวเครื่องลงด้วยการควบคุมแพนหางระดับโดยตรง นี่จึงทำให้ปีกเครื่องเข้าสู่มุมที่เหมาะสมและเสถียรพอจะหลีกเลี่ยงการ Stall ได้ในที่สุด หลังจากนั้นระบบควบคุมก็จะกลับมาทำงานตามเดิม
*Stall คือ การร่วงของเครื่องบิน อันเนื่องมาจากไม่มีแรงยก เนื่องมาจากการเปิดมุมปะทะสูงเกินกว่า ข้อจำกัด อาจเนื่องจากการที่เครื่องบินมีความเร็วต่ำแต่ต้องการรักษาการบินระดับที่ความสูงเดิม เพื่อให้เกิดการสร้างแรงยก
ครั้งหนึ่ง (ซึ่งก็ไม่ได้นานมากอะไร) ชื่อเสียงของBoeingคือบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องบินที่ก็ผลิตเครื่องบินตามคำสั่งซื้อปกติและไม่ได้มีอะไรที่ต้องให้ระแคะระคายเกี่ยวกับคุณภาพในด้านวิศวกรรมและความปลอดภัยBoeingเป็นที่รู้จักในด้านการสร้างเครื่องบินที่ปลอดภัยและทันสมัยที่สุดเท่าที่โลกใบนี้จะมีมา และยังเป็นผู้บุกเบิกให้โลกได้รู้จักกับการเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตเชิงพาณิชย์อีกด้วย
และถึงขั้นที่ว่านักบินและคนในแวดวงการบิน แสดงความเชื่อมั่นในความปลอดภัย จนถึงขั้นพูดว่า “ถ้าไม่ใช่Boeingเราก็จะไม่ไป”
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจารณ์กล่าวว่าความทุกข์ยากของโบอิ้งนั้นใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ บ้างชี้ไปที่ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กรที่เริ่มต้นจากจุดสูงสุดและให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าความสามารถด้านความปลอดภัยและวิศวกรรมซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับคำชมเชย โดยไม่เพียงวาง อนาคตของมัน แต่ผู้โดยสารบนเครื่องบินก็ตกอยู่ในความเสี่ยงร้ายแรง
แม้ว่าBoeingจะปฏิเสธเรื่อง “การเปลี่ยนแปลงนโยบายความปลอดภัยและความเป็นเลิศด้านวิศวกรรม” แต่สิ่งที่เถียงไม่ได้ก็คือปัญหาด้านวิศวกรรมและการผลิตนั้นทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงถึง 2 เหตุการณ์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 300 ราย
และล่าสุดกับเหตุการณ์ที่ชิ้นส่วนของเครื่องบิน Alaska Airlines หลุดออกจากตัวเครื่องในช่วงต้นปี 2024 ที่ผ่านมาก็เป็นการเน้นย้ำให้เห็นว่าคุณภาพและความปลอดภัยที่Boeingพูดมาตลอดว่าเน้นย้ำ อาจจะ “จริง” แต่ “ไม่ทั้งหมด” หรือไม่
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ของ Alaska Airlines จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่นักวิจารณ์บอกว่าวิกฤตครั้งนี้ไม่เหมือนกับปัญหาครั้งไหนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยนักวิจารณ์แย้งว่าแม้ว่าBoeingจะให้การรับรองเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย แต่นักวิจารณ์เชื่อว่า ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมภายในบริษัทBoeingในช่วง 25 ปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ซึ่งวัฒนธรรมที่ว่านั่นก็คือ “สร้างผลกำไรมาก่อนเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพ”
Ed Pierson อดีตผู้บริหารโบอิ้ง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารของมูลนิธิเพื่อความปลอดภัยด้านการบินบอกว่า “ความเป็นผู้นำ [ที่ Boing] คือการให้ความสำคัญกับการนำผลิตเครื่องบินให้ออกจากโรงงานให้ได้มากกว่าจะมาจดจ้องอยู่แต่เรื่องของคุณภาพ”
ผู้สันทัดกรณี บอกว่า เมื่อก่อนที่Boeingจะควบรวมกิจการกับ McDonnell Douglas พวกเขามีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นบริษัทที่ดำเนินการโดยบุคคลที่มีพื้นฐานด้านวิศวกรรมซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก แต่การควบรวมกิจการทำให้บริษัทตกอยู่ในมือของผู้บริหารที่มีพื้นฐานทางการเงิน ซึ่งเอาเรื่องผลกำไรมาเป็นเป้าหมายสูงสุด
Ron Epstein นักวิเคราะห์ด้านการบินและอวกาศที่ Bank of America ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า
“แต่ก่อนBoeingมีชื่อเสียงเรื่องความเชี่ยวชาญด้านงานวิศวกรรมมาก จนกระทั่งมีการควบรวมกิจการ และการที่Boeingมุ่งเน้นเรื่องวิศวกรรมมาก ๆ ก็ส่งผลให้Boeingไม่สามารถทำกำไรได้เท่ากับผู้ผลิตบางรายที่ศักยภาพพอ ๆ กันได้”
แต่หลังจากการควบรวมกิจการ “ทุกอย่างต้องมีความสมเหตุสมผลด้านต้นทุน”
ธุรกิจของ Boeing เป็นอย่างไรหลังวิกฤต 737
วิกฤตการณ์เครื่องบิน 737 Max ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของBoeing โดยBoeingได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตซึ่งBoeingต้องรวมเป็นเงินราว 21,000 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นการชดเชยเกือบ 9,000 ล้านดอลลาร์สำหรับสายการบินที่ไม่สามารถใช้เครื่องบิน 737 Max ได้ รวมไปถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นประมาณอีกประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากอัตราความเร็วในการสร้างเครื่องบินที่ช้าลง
Boeingยังต้องได้จ่ายค่าปรับอีกประมาณ 244 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกงทางอาญา* เมื่อปลายปีที่แล้ว
- การโกหกเกี่ยวกับระบบ MCAS: Boeing ถูกกล่าวหาว่าโกหก Federal Aviation Administration (FAA) เกี่ยวกับระบบ MCAS (Maneuvering Characteristics Augmentation System) บนเครื่องบิน 737 MAX
- การปกปิดข้อมูล: Boeingถูกกล่าวหาว่าปกปิดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระบบ MCAS จาก FAA และสายการบิน
- การละเลย: Boeingถูกกล่าวหาว่าละเลยความปลอดภัยของผู้โดยสาร
นอกเหนือจากต้นทุนทางตรงแล้ว ยังมีต้นทุนทางอ้อม เช่น การสูญเสียยอดขายของ 737 Max ที่ในตอนแรกโบอิ้งหวังว่าเที่ยวบินจะกลับมาให้บริการได้อีกครั้งภายในเดือนกรกฎาคม 2019 แต่การระงับดังกล่าวลากยาวจนบทลงโทษในสัญญาการขายไม่มีผลอีกต่อไป และพอพ้นกำหนดพักการขึ้นบิน ก็มาเจอช่วงแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งทำให้การเดินทุกอย่างแทบจะหยุดชะงักลง รวมไปถึงการยกเลิกคำสั่งซื้อ 737 Max อีกเกือบ ๆ 800 ลำ
ห่วงโซ่อุปทานที่กว้างขวางของBoeingซึ่งจัดหาส่วนประกอบเครื่องบินและเครื่องจำลองการบิน รวมถึงอุตสาหกรรมบริการเครื่องบิน รวมถึงการฝึกอบรมลูกเรือ การขายหลังการขาย และอุตสาหกรรมประกันภัยการบิน ก็ประสบความสูญเสียเช่นเดียวกัน
เรียกได้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดBoeingมากจริง ๆ และก็พูดได้ว่าวิกฤตการณ์ 737 Max ส่งผลกระทบทางการเงินของBoeingเป็นอย่างมาก ทั้งการสูญเสียรายได้ การสูญเสียชื่อเสียง การถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากครอบครัวของผู้เสียชีวิต อันดับเครดิตที่ลดลง และมูลค่าหุ้นลดลง
ราคาหุ้นของ Boeing ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่แทบจะนอนก้นไม่ไปไหน: Yahoo Finance
ล้มยังไงก็ต้องลุก
ไม่รู้ว่าปี 2024 จะเป็นปีชงของBoeingหรือเปล่าเพราะเปิดปีมาก็เจอเรื่อง (อีกแล้ว) เมื่อชิ้นส่วนของเครื่องบินของสายการบิน Alaska Airlines หลุด ซึ่ง Boeing เองที่กำลังกอบกู้และฟื้นฟูชื่อเสียงของตัวเองก็คงไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้ เพราะชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน ก็มาพังทลายลงในช่วงไม่กี่ปีที่มีเหตุการณ์เครื่องบินตก
ในช่วงหลายปีนับแต่เหตุการณ์เครื่องบินของสายการบิน Lionair และ Ehiopian Airlines ตก Boeingต้องทั้งการสอบสวนของ FAA เจอสื่อวิพากษ์วิจารณ์ เจอทั้งเรื่องวิกฤตความเชื่อมั่น และอีกสารพัด รวมถึงโปรเจกต์ที่จะต้องขาย 737 Max ก็ยังต้องทำ ดังนั้น สิ่งที่Boeingพอจะทำได้เพื่อกู้คืนความเชื่อมั่นจากทุกฝ่าย
อัปเดตซอฟต์แวร์ที่มีปัญหา Boeingได้พัฒนาการอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ (MCAS) เพื่อแก้ไขที่ต้นตอของปัญหาซึ่งถูกชี้ว่าเป็นสาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
เพิ่มการฝึกอบรมและทำ Flight Simulation หนึ่งในสาเหตุของการตกของ Lionair เมื่อปี 2018 ถูกระบุว่า “นักบินขาดการฝึกฝนการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดจากระบบ MCAS มีปัญหา ดังนั้น สายการบินจำเป็นต้องส่งนักบินเข้ามาเทรนในหลักสูตรที่เข้มงวดที่เน้นไปที่การควบคุมอากาศยานในขณะที่เครื่องบินเสียการทรงตัว รวมไปถึงสถานการณ์จำลองในขณะที่ระบบ MCAS มีปัญหาเพื่อให้แน่ใจว่า นักบินที่ได้รับการฝึกในเซสชั่นพิเศษนี้จะสามารถรับมือได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้
บังคับใช้มาตรการความปลอดภัยขั้นสูง Boeingได้ทำการปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับระบบ MCAS เพื่อให้มั่นใจว่าจะเปิดใช้งานเฉพาะเมื่อข้อมูลจากเซนเซอร์ตรวจจับมุมปะทะทั้งสองมุมยอมรับว่า AOA (มุมปะทะ) ของเครื่องบินสูงเกินไป (อันอาจเป็นผลให้เครื่องบินเกิดการหงายคว่ำ) รวมไปถึงเพิ่มความสามารถให้นักบินสามารถเข้าควบคุมเครื่องบินแบบแมนวลได้กรณีที่ระบบเกิดมีปัญหาและตั้งค่าให้ระบบไม่สามารถที่จะไม่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติได้เป็นครั้งที่สอง
เพิ่มการสื่อสารกับสาธารณชนให้มากขึ้นและแสดงความความโปร่งใสตรวจสอบได้มากยิ่งขึ้น Boeingต้องทำงานหนักมากขึ้นมา ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการในการสื่อสารกับสาธารณะและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งสายการบิน นักบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และสหภาพแรงงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ 737 MAX
นอกจากนี้ Boeingยังให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการออกแบบและการปรับปรุงความปลอดภัยแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พูดง่าย ๆ ก็คือเปิดเผยหมดไม่มีปิดบัง ซึ่งครั้งหนึ่งBoeingเคยถูกวิจารณ์ว่าปกปิดข้อมูลสำคัญจนนำไปสู่เหตุการณ์ความสูญเสีย
ปฏิบัติตามกฎระเบียบการบินอย่างเคร่งครัด Boeingแสดงจุดยืนชัดเจนในการให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแล เช่น Federal Aviation Administration (FAA) เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่ามีการใช้มาตรการความปลอดภัยที่จำเป็นทั้งหมดก่อนที่เครื่อง 737 MAX จะกลับมาให้บริการ
เพิ่มการตรวจสอบความพร้อมก่อนทำการบิน เครื่องบินทุกลำของBoeingจะถูกนำไปเข้าสู่กระบวนการ ORF หรือ Operational Readiness Flight หรือ เที่ยวบินทดสอบความพร้อมปฏิบัติการโดยมุ่งเน้นไปที่การประเมินความพร้อมของระบบ อุปกรณ์ และบุคลากร ก่อนนำเครื่องบินหรือระบบใหม่เข้าประจำการปฏิบัติในเที่ยวบินเพื่อเตรียมพร้อมปฏิบัติการ หลังจากการปรับปรุงทางวิศวกรรมที่จำเป็น โดยมุ่งเน้นไปที่การทดสอบระบบของเครื่องบินอย่างละเอียดก่อนที่จะส่งกลับเข้าประจำการ
ทุกวันนี้เครื่องบินของ Boeing ยังคงบินอยู่เหนือฟากฟ้า ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดใจอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องความปลอดด้านการบินเป็นเรื่องที่ซีเรียส ที่แน่นอนว่าหลังเกิดเหตุการณ์กับ Alaska Airlines เชื่อแน่ว่า FAA ของสหรัฐฯ คงไม่ปล่อยให้Boeingลอยตัวอยู่เหนือปัญหาแน่นอน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตผู้คน
รวมไปถึงชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุน ผู้โดยสาร สายการบิน และภาครัฐเองต่อBoeing บริษัทเองก็ต้องพยายามที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมา มิเช่นนั้น เมื่อไม่มีใครอยากบินกับBoeingแน่นอนว่าสายการบินก็ไม่อาจฝืนกระแสสังคม และอาจจะยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินของBoingก็ได้ นี่เป็นผลกระทบแบบลูกโซ่ เชื่อว่าBoeingก็คงไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ♦
เรื่อง: ณัฐศกรณ์ แสงลับ
อ้างอิง
https://edition.cnn.com/2024/01/30/business/boeing-history-of-problems/index.html
https://edition.cnn.com/2024/01/10/business/boeing-737-max-crisis/index.html
https://edition.cnn.com/2024/01/07/us/alaska-airlines-faa-plug-door-blown-off-sunday/index.html
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
