เพราะประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เป็นประเทศเอเชียที่ประเทศตะวันตกให้การยอมรับ และช่วงหนึ่งเคยเป็นแหล่งกำเนิดสินค้านวัตกรรมที่ตีตลาดโลกมากมาย ญี่ปุ่นจึงได้รับความสนใจเสมอมา
แต่ปัจจุบันประเด็นใหญ่สุดของญี่ปุ่นที่ทั่วโลกจับตามอง กลับเป็นผลกระทบจากปัญหาสังคมสูงวัยเต็มขั้น (Super Aging Society) หลังคนวัยชรากินสัดส่วนประชากรมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับอัตราการเกิดที่ลดลงจนน่าใจหาย
นี่จึงทำให้ตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่แบบใช้แล้วทิ้งในญี่ปุ่นโตขึ้นไม่หยุด จนแซงหน้าตลาดผ้าอ้อมใช้แล้วทิ้งของเด็ก และระยะห่างก็กว้างขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2011
มีการประเมินว่าภายในปี 2024 มูลค่าตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่แบบใช้แล้วทิ้ง จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 73,400 ล้านบาท) ท่ามกลางปริมาณขยะจากสินค้าประเภทนี้ในญี่ปุ่นที่เพิ่มต่อเนื่องเช่นกัน
จาก 2 ล้านตันเมื่อปี 2015 เพิ่มเป็น 2.2 ล้านตันมาตั้งแต่ปี 2022 ท่ามกลางคาดการณ์ว่าเมื่อถึงปี 2030 ขยะจากผ้าอ้อมใช้แล้วทิ้งซึ่งส่วนใหญ่มาจากผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จะกินสัดส่วนของขยะก่อก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 7%
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ญี่ปุ่นมีการคิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับผ้าอ้อมใช้แล้วทิ้งของผู้ใหญ่เพื่อลดปริมาณขยะ เช่น ผ้าอ้อมใช้แล้วทิ้งที่ละลายน้ำได้จึงสามารถชักโครกทิ้งไปได้เลย และเครื่องแยกสิ่งปฏิกูลออกจากผ้าอ้อม
รวมไปถึงสินค้าที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ซึ่งยังเป็นโอกาสทำกำไรในตลาดผ้าอ้อมอีกประเภทได้ด้วย
Unicharm บริษัทผู้ผลิตผ้าอ้อมรายใหญ่สุดของญี่ปุ่น และเจ้าของผ้าอ้อมเด็กใช้แล้วทิ้งแบรนด์ Mamypoko ได้เริ่มวางจำหน่ายผ้าอ้อมเด็กใช้แล้วทิ้งซึ่งรีไซเคิลมาจากผ้าอ้อมผู้ใหญ่แล้วตามห้างสรรพสินค้า Aeon ทั้ง 68 แห่งทั่วเกาะคิวชู เกาะใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อ 20 เมษายนที่ผ่านมา
หนึ่งแพ็กจะมี 42 ชิ้น และราคาขายต่อแพ็กอยู่ที่ 9.50 ดอลลาร์ (ราว 350 บาท) โดย Unicharm ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจความสะอาดปลอดภัย เพราะได้ผ่านการย่อยกับปั่นเพื่อนำเยื่อกระดาษมาใช้
และผ้าอ้อมใหม่เหล่านี้ก็ผ่านการฟอก ฆ่าเชื้อ กำจัดกลิ่น อบโอโซนแล้ว ขณะเดียวกันได้ผ่านการทดลองใช้ตามโรงพยาบาลและคลินิกมาแล้วตั้งแต่ปี 2022 อีกด้วย
มีประเด็นน่าสนใจจากผ้าอ้อมเด็กรีไซเคิลจากผ้าอ้อมผู้ใหญ่อยู่ 3 ประเด็น โดยประเด็นแรกคือการลดปริมาณขยะที่สืบเนื่องมาจากการเป็นประเทศสังคมผู้สูงอายุเต็มขั้น
ต่อด้วยประเด็นที่สอง นั่นคือเป็นสินค้านวัตกรรมจากความร่วมมือของ Unicharm และฝ่ายสิ่งแวดล้อมของโอซากิ เมืองที่มีเทคโนโลยีด้านรีไซเคิลก้าวหน้าสุดในญี่ปุ่น
ด้วยประสิทธิภาพรีไซเคิลขยะได้มากถึง 83% จึงไม่ต้องมีเตาเผาขยะในเมือง และเหลือขยะเพียงเกือบ 20% ที่ต้องฝังกลบ โดยขยะที่ต้องฝังกลบมากสุดจนกล่าวได้ว่าเป็นปัญหาขยะใหญ่สุดของเมืองนี้ก็คือผ้าอ้อมผู้ใหญ่ใช้แล้วทิ้งนั่นเอง
ส่วนประเด็นน่าสนใจประเด็นสุดท้ายคือ ผ้าอ้อมเด็กรีไซเคิลจากผ้าอ้อมผู้ใหญ่นี้แพงกว่าผ้าอ้อมเด็กแบบใช้แล้วทิ้งทั่วไปเพียงเล็กน้อย ผู้บริโภคจึงซื้อได้โดยแทบไม่ต้องกังวลเรื่องราคา
ดังนั้น ประโยชน์ทางธุรกิจจึงตกถึงมือ Unicharm เพราะสามารถทำกำไรได้จากตลาดที่หดตัว/thegaurdian, straitestimes, japanforwards
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ