ตลาดบ้าน 67 ยิ่งกว่าซบเซา ไตรมาส 1 โอนสิทธิ์ลดลง 13.8% ต่ำสุดในรอบ 25 ไตรมาส

เป็นเรื่องจริงที่ตลาดบ้านซบเซาอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 1/2567 จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย หรือบ้านแนวราบและแนวสูงทั่วประเทศที่มีอยู่เพียง 72,954 หน่วย ลดลง 13.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา และเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ต่ำสุดในรอบ 25 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 1/2561 ไปจนถึงไตรมาส 1/2567

และมีมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 208,732 ล้านบาท ลดลง 13.4% จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่ต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2562

โดยแนวราบลดลงมากสุดถึง 14.6% และแนวสูงลดลง 10.7%

แต่ถ้ามองไปที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามีการลดลงทุกระดับราคา โดยระดับราคาที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่

ระดับราคา 5.01- 7.50 ล้านบาท ลดลง 20.0%

ระดับราคา 1.51-2.00 ล้านบาท ลดลง 19.8%

สำหรับระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท ลดลง 18.2%

และระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท ลดลง 18.0%

ซึ่ง REIC ให้ข้อมูลว่าบ้านระดับราคาเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป การโอนกรรมสิทธิ์ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านใหม่มากกว่าบ้านมือสอง

ส่วนราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทจะเป็นบ้านมือสองมากกว่าบ้านใหม่

ซึ่งถ้ามองไปที่รูปแบบของที่อยู่อาศัยเป็นบ้านแนวราบและแนวสูงในรูปแบบห้องชุดจะพบว่า

การโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบ มีการลดลงทุกระดับราคาโดยระดับราคาที่ลดลงมากที่สุด ได้แก่

ระดับราคา 1.51- 2.00 ล้านบาท ลดลง 30.2%

ระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท ลดลง 26.5%

ส่วนระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท ลดลง 20.2%

 

ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์แนวสูงอย่างห้องชุดกลับไม่ได้หดตัวลงทุกระดับราคา โดยห้องชุดแต่ละระดับราคามีการโอนที่ลดลงและเพิ่มขึ้น ดังนี้

ระดับราคา มากกว่า 10.00 ล้านบาท ลดลง 26.0%

ระดับราคา 7.51-10.00 ล้านบาท ลดลง 20.9%

ส่วนระดับราคา 5.01-7.50 ล้านบาท ลดลง 30.3%  

กลุ่มระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท ลดลง -13.4%

ต่อมาในระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6%

ในระดับราคา 1.51-2.00 ล้านบาท 2.01-3.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3%

สำหรับระดับราคา 1.01-1.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  4.9%

และระดับราคาไม่เกิน 1.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  5.0%

เหตุผลที่ห้องชุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นกลุ่มมีการเติบโต ส่วนหนึ่งมาจากโครงการอาคารชุดราคาต่ำที่มีการเปิดตัวมากขึ้นในปลายปี 2564 และปี 2565 เริ่มสร้างเสร็จและทยอยส่งมอบโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ ตลอดจนมีการซื้อขายห้องชุดมือสองเป็นจำนวนมาก

ถ้ามองไปที่การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้อัตราการโอนกรรมสิทธิ์ลดลง REIC ให้ข้อมูลว่าในไตรมาส 1/2567 มีการปล่อยสินเชื่อเพียง 121,529 ล้านบาท ลดลง 20.5% จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา

การปล่อยสินเชื่อลดลงนี้ส่วนหนึ่งมาจากความสามารถในการขอสินเชื่อที่ลดลง และการที่สถาบันการเงินมีเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลคงค้างทั่วประเทศ มีมูลค่าสูงขึ้นถึง 4,956,145 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2566 แต่เป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบ 25 ไตรมาส

ตลาดบ้าน 67 แนวโน้ม ?

สำหรับทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย หรือบ้านแนวราบและแนวสูงทั้งปี REIC คาดการณ์ว่าจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ

และทำให้การโอนกรรมสิทธิ์บ้านทั้งปีเป็นไปได้มากว่าจะอยู่ที่ 386,861 หน่วย เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.5% แบ่งเป็น

หน่วยโอนกรรมสิทธิ์แนวราบ 277,118 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.1%

ห้องชุด 109,743 หน่วย เพิ่มขึ้น 1.5%  

พร้อมกับมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ประมาณ 1,105,912 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  5.6%

แบ่งเป็นแนวราบ 795,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1%  

แนวสูง 310,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.0%  

และคาดว่าจะมีมูลค่าสินเชื่อที่บ้านปล่อยใหม่ทั่วประเทศจำนวน 698,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.0% และมีจะมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลคงค้างทั่วประเทศจำนวน  5,191,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  4.9%

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer