การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกเป็นเวทีระดับโลกที่รวบรวมนักกีฬาที่มีความสามารถสูงสุดจากทั่วทุกมุมโลก มาแข่งขันเพื่อคว้าเหรียญรางวัลอันทรงเกียรติ แต่นอกเหนือจากเกียรติยศและชื่อเสียงแล้ว สิ่งที่หลายคนอาจสงสัยคือ นักกีฬาเหล่านี้ได้รับเงินรางวัลมากน้อยเพียงใด และมีความแตกต่างระหว่างนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกหรือไม่อย่างไร บทความนี้จะพาไปดูประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับเงินรางวัลของนักกีฬาทั้งสองการแข่งขัน รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อรายได้ของพวกเขา
1-มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมครั้งล่าสุดปารีส 2024: IHF
ระบบการให้เงินรางวัลในกีฬาโอลิมปิก
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นเวทีสูงสุดสำหรับนักกีฬาทั่วโลกที่ไม่ว่าใครก็ใฝ่ฝันอยากจะเข้าร่วมสักครั้ง นอกจากเกียรติยศและชื่อเสียงแล้ว หลายประเทศยังมีระบบการให้เงินรางวัลแก่นักกีฬาที่คว้าเหรียญรางวัลด้วย โดยทั่วไปเหรียญทองจะได้รับเงินรางวัลสูงสุด ตามด้วยเหรียญเงินและเหรียญทองแดงตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินรางวัลแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ บางประเทศอาจให้เงินรางวัลสูงถึงหลายแสนดอลลาร์ ในขณะที่บางประเทศอาจให้เพียงไม่กี่พันดอลลาร์หรือไม่ให้เลย
กีฬาแบดมินตันในศึกโอลิมปิก 2024 ที่ปารีสเป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความสนใจจากแฟน ๆ ทั่วโลก: Themalaysianreserve
นอกจากนี้ ยังมีสปอนเซอร์และบริษัทต่าง ๆ ที่อาจมอบเงินรางวัลพิเศษให้แก่นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ ระบบนี้ช่วยสร้างแรงจูงใจให้นักกีฬาทุ่มเทฝึกซ้อมและแข่งขันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี มีข้อถกเถียงว่าการให้เงินรางวัลอาจทำให้นักกีฬาเน้นผลลัพธ์มากกว่าจิตวิญญาณของกีฬา ดังนั้น การสร้างสมดุลระหว่างแรงจูงใจทางการเงินและคุณค่าของการกีฬาจึงเป็นสิ่งสำคัญในระบบนี้
โครงสร้างพื้นฐานของเงินรางวัลโอลิมปิก
ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee: IOC) ไม่ได้กำหนดเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาที่ชนะเลิศโดยตรง แต่จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ (National Olympic Committee: NOC) ของแต่ละประเทศที่จะกำหนดเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาของตน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากในเรื่องของจำนวนเงินรางวัลที่นักกีฬาแต่ละคนจะได้รับ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามาจากประเทศใด
ความแตกต่างของเงินรางวัลระหว่างประเทศ
เงินรางวัลสำหรับนักกีฬาโอลิมปิกมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างประเทศต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้ว ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือให้ความสำคัญกับกีฬาเป็นพิเศษ มักจะมีเงินรางวัลที่สูงกว่า อย่างในโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส เราพบว่า ฮ่องกง แซงสิงคโปร์ ขึ้นมาเป็นประเทศที่ให้เงินอัดฉีดสำหรับนักกีฬาที่ได้เหรียญ โดยเฉพาะเหรียญทอง ที่นักกีฬาจะได้รับเงินอัดฉีดสูงสุดถึง 768,000 ดอลลาร์ หรือเป็นเงินไทยก็ได้ไปราว ๆ 26,747,549 บาท (ยี่สิบหกล้าน) เรียกได้ว่า ใครได้เหรียญทองก็แทบจะเป็นเศรษฐีกลาย ๆ ได้เลย
ในทางกลับกัน บางประเทศอาจไม่มีการให้เงินรางวัลเลย เช่น สหราชอาณาจักร ซึ่งเน้นการสนับสนุนนักกีฬาผ่านการให้ทุนการฝึกซ้อมและการพัฒนามากกว่าการให้เงินรางวัลโดยตรง
เงินอัดฉีดที่แต่ละประเทศมอบให้นักกีฬาเมื่อได้เหรียญแต่ละประเภท: CNBC
ความแตกต่างของเงินรางวัลตามประเภทเหรียญ
นอกจากความแตกต่างระหว่างประเทศแล้ว เงินรางวัลยังแตกต่างกันตามประเภทของเหรียญรางวัลที่นักกีฬาได้รับ โดยทั่วไปแล้ว เหรียญทองจะได้รับเงินรางวัลมากที่สุด ตามด้วยเหรียญเงินและเหรียญทองแดงตามลำดับ ตัวอย่างเช่น ประเทศไทยก็ให้เงินรางวัลอัดฉีดกับนักกีฬาแตกต่างกันออกไปตามเหรียญ
เหรียญทอง
รับเงินรางวัล 10,000,000 บาท: จ่ายครั้งเดียว
รับเงินรางวัล 12,000,000 บาท: แบ่งจ่าย โดยรับก่อน 50% และที่เหลืออีก 50% จะจ่ายรายเดือนในเวลา 4 ปี
เหรียญเงิน
รับเงินรางวัล 6,000,000 บาท: จ่ายครั้งเดียว
รับเงินรางวัล 7,200,000 บาท: แบ่งจ่ายโดยรับก่อน 50% และที่เหลืออีก 50% จะจ่ายรายเดือนในเวลา 4 ปี
เหรียญทองแดง
รับเงินรางวัล 4,000,000 บาท: จ่ายครั้งเดียว
รับเงินรางวัล 4,800,000 บาท: แบ่งจ่ายโดยรับก่อน 50% และที่เหลืออีก 50% จะจ่ายรายเดือนในเวลา 4 ปี
ระบบการให้เงินรางวัลในกีฬาพาราลิมปิก
โครงสร้างพื้นฐานของเงินรางวัลพาราลิมปิก
เช่นเดียวกับกีฬาโอลิมปิก คณะกรรมการพาราลิมปิกสากล (International Paralympic Committee: IPC) ไม่ได้กำหนดเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาที่ชนะเลิศโดยตรง แต่เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งชาติ (National Paralympic Committee: NPC) ของแต่ละประเทศที่จะกำหนดเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาของตน
ความแตกต่างของเงินรางวัลระหว่างประเทศ
เช่นเดียวกับในกีฬาโอลิมปิก เงินรางวัลสำหรับนักกีฬาพาราลิมปิกมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างประเทศต่าง ๆ แต่โดยทั่วไปแล้ว มักจะน้อยกว่าเงินรางวัลของนักกีฬาโอลิมปิก
เงินรางวัลอัดฉีดสำหรับนักกีฬาพาราลิมปิกในศึกปารีสเกม 2024: CNBC
ส่วนของประเทศไทยนักกีฬาพาราลิมปิกจะได้รับเงินพร้อมเงื่อนไขดังต่อไปนี้
เงื่อนไขที่หนึ่ง แบ่งจ่าย
โดยจ่ายเป็นก้อนให้นักกีฬาก่อนในอัตราร้อยละ 50 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 50 จะจ่ายเป็นรายเดือน ภายในระยะเวลา 4 ปี
- เหรียญทอง ได้รับเงินรางวัล 7,200,000 บาท
- เหรียญเงิน ได้รับเงินรางวัล 4,800,000 บาท
- เหรียญทองแดง ได้รับเงินรางวัล 3,000,000 บาท
เงื่อนไขที่สอง จ่ายครั้งเดียวรับเป็นก้อน ซึ่งจะได้รับในอัตราที่ลดลงมา
- เหรียญทอง ได้รับเงินรางวัล 6,000,000 บาท
- เหรียญเงิน ได้รับเงินรางวัล 4,000,000 บาท
- เหรียญทองแดง ได้รับเงินรางวัล 2,500,000 บาท
ความแตกต่างระหว่างเงินรางวัลโอลิมปิกและพาราลิมปิก
ระบบการให้เงินรางวัลในกีฬาพาราลิมปิกเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากเงินรางวัลถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับและการให้คุณค่าแก่นักกีฬาผู้พิการ ซึ่งในเรื่องการจัดสรรเงินรางวัลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจและตอบแทนความทุ่มเทของนักกีฬา อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของนักกีฬาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ก็มีความยากในเรื่องของการบริหารจัดการให้เกิดความเท่าเทียมและความเป็นธรรม โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับนักกีฬากีฬาโอลิมปิก
แม้จะแข่งขันในเวทีสูงสุดเหมือนกันแต่เงินรางวัลต่างกันลิบลับ: WHO.com.au
ความไม่เท่าเทียมในจำนวนเงินรางวัล
หนึ่งในประเด็นที่มักถูกวิพากษ์วิจารณ์คือความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกในหลายประเทศ ปัจจุบัน นักกีฬาพาราลิมปิกก็ยังได้รับเงินรางวัลน้อยกว่านักกีฬาโอลิมปิกอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น
ประเทศไทย นักกีฬาโอลิมปิกที่ชนะเหรียญทองจะได้รับเงินรางวัล 12 ล้านบาท ในขณะที่นักกีฬาพาราลิมปิกได้รับ 7.2 ล้านบาท สิงคโปร์ นักกีฬาโอลิมปิกที่ชนะเหรียญทองได้รับเงินรางวัลประมาณ 7 แสนดอลลาร์ ในขณะที่นักกีฬาพาราลิมปิกได้รับ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ความแตกต่างนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันในการให้คุณค่าและการยอมรับระหว่างกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในแวดวงกีฬาและสังคม ส่วนเหตุผลที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมักจะหยิบยกมาอ้างถึงความไม่เท่าเทียม
- ความนิยมและการรับชมของกีฬาโอลิมปิกต่างจากพาราลิมปิกมาก โดยโอลิมปิกมักได้รับความสนใจและมีผู้ชมมากกว่า ส่งผลให้มีรายได้จากการถ่ายทอดสดและการสนับสนุนมากกว่า โดยในการแข่งขันโอลิมปิกที่ผ่านมาตัวเลขผู้ชมและค่าลิขสิทธิ์ก็ค่อนข้างต่างกันอย่างลิบลับ
สถิติผู้ชมและรายได้โอลิมปิก vs พาราลิมปิก
โอลิมปิกฤดูร้อน โตเกียว 2020 (จัดในปี 2021)
- ผู้ชมทั่วโลก ประมาณ 3 พันล้านคน
- รายได้จากการถ่ายทอดสด 4.1 พันล้านดอลลาร์
- รายได้จากผู้สนับสนุนประมาณ 3.4 พันล้านดอลลาร์
พาราลิมปิกฤดูร้อน โตเกียว 2020 (จัดในปี 2021)
- ผู้ชมทั่วโลก ประมาณ 250 ล้านคน
- รายได้จากการถ่ายทอดสด: ไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าต่ำกว่าโอลิมปิกมาก
- รายได้จากผู้สนับสนุนประมาณ 500 ล้านดอลลาร์
โอลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่ง 2022
- ผู้ชมทั่วโลก ประมาณ 2 พันล้านคน
- รายได้จากการถ่ายทอดสด 2.7 พันล้านดอลลาร์
- รายได้จากผู้สนับสนุนประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์
พาราลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่ง 2022
- ผู้ชมทั่วโลก ประมาณ 200 ล้านคน
- รายได้จากการถ่ายทอดสด ไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ
- รายได้จากผู้สนับสนุนประมาณ 300 ล้านดอลลาร์
- ประวัติศาสตร์และความเป็นมา กีฬาโอลิมปิกมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า และมีการพัฒนาระบบการให้รางวัลมาเป็นเวลานาน ในขณะที่กีฬาพาราลิมปิกเพิ่งได้รับการยอมรับและสนับสนุนอย่างจริงจังในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
โดยกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่เริ่มต้นขึ้นในปี 1896 ที่กรุงเอเธนส์ โดยมีนักกีฬา 280 คนจาก 12 ประเทศเข้าร่วมแข่งขันใน 43 รายการ ส่วนพาราลิมปิกอย่างเป็นทางการครั้งแรกจัดขึ้นในปี 1960 ที่กรุงโรม โดยมีนักกีฬา 400 คนจาก 23 ประเทศเข้าร่วมแข่งขัน จะเห็นว่ากีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่เกิดขึ้นก่อนพาราลิมปิกถึงเกือบ ๆ 70 ปี
- จำนวนนักกีฬาและประเภทกีฬา กีฬาโอลิมปิกมีจำนวนนักกีฬาและประเภทกีฬามากกว่า ทำให้มีการแข่งขันที่หลากหลายและดึงดูดความสนใจได้มากกว่า อย่างในโอลิมปิกหนล่าสุดที่ปารีส 2024 คาดว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันประมาณ 10,500 คน แข่งขันใน 32 ชนิดกีฬา รวมทั้งสิ้น 329 รายการ ส่วนพาราลิมปิกคาดว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันประมาณ 4,400 คน ลงชิงชัยใน 22 ชนิดกีฬา
- การสนับสนุนจากภาคเอกชน บริษัทและแบรนด์ต่าง ๆ มักให้การสนับสนุนกีฬาโอลิมปิกมากกว่า ทำให้มีงบประมาณในการจัดสรรเงินรางวัลมากกว่า ยกตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่างกีฬาโอลิมปิกกับพาราลิมปิก
โดยปกติแล้ว โอลิมปิก มักดึงดูดรายได้จากการสนับสนุนได้มากกว่าพาราลิมปิก ทั้งในแง่จำนวนผู้สนับสนุนที่มากกว่า ตัวอย่างเช่น ในศึกโอลิมปิกที่ปารีส 2024 มีการคาดคาดว่าจะสร้างรายได้จากการสนับสนุนมากกว่า 1.24 พันล้านยูโร โดยมีพันธมิตรระดับโลกเกือบๆ 80 แบรนด์ เช่น Coca-Cola, Visa และ Airbnb ผ่านโครงการพันธมิตรโอลิมปิก (TOP)
คณะกรรมการพาราลิมปิกสากลหรือ IPC: IPC
ส่วน พาราลิมปิก แม้ว่าพาราลิมปิกจะมีผู้สนับสนุนเช่นกัน แต่ก็มีจำนวนน้อยกว่า รายได้จากการสนับสนุนและจำนวนพันธมิตรองค์กรก็จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโอลิมปิก โดยคาดว่าจำนวนเงินที่ IOC แบ่งไปให้ IPC จะอยู่ที่ราว ๆ ตัวเลขสองหลัก ล้านยูโร ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรายได้รวมกว่า 3 พันล้านยูโรของโอลิมปิก ซึ่งแม้ว่าจะมีความสนใจเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนกีฬาพาราลิมปิกเกม เนื่องจากความพยายามในการสร้างความตระหนักรู้และเพิ่มการมีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้นก็ตาม แต่ตัวเลขรายได้ก็ยังน้อยกว่าโอลิมปิกอยู่ดี
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงและความพยายามในการสร้างความเท่าเทียม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในการพยายามสร้างความเท่าเทียมระหว่างนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก โดยหลายประเทศได้เริ่มปรับเงินรางวัลให้เท่ากันหรือใกล้เคียงกันมากขึ้น ตัวอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ประกาศให้เงินรางวัลเท่ากันระหว่างนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ตั้งแต่ปี 2018 ออสเตรเลีย ประกาศให้เงินรางวัลเท่ากันสำหรับนักกีฬาทั้งสองการแข่งขันในปี 2021 แคนาดา ปรับให้เงินรางวัลเท่ากันระหว่างนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกในปี 2022
นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์และเรียกร้องจากองค์กรต่าง ๆ เพื่อสร้างความเท่าเทียมในเรื่องเงินรางวัล โดยมองว่าความพยายามและความสำเร็จของนักกีฬาพาราลิมปิกควรได้รับการยอมรับและให้คุณค่าเท่าเทียมกับนักกีฬาโอลิมปิก
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อรายได้ของนักกีฬา
- สปอนเซอร์และการรับรองผลิตภัณฑ์
นอกเหนือจากเงินรางวัลจากการแข่งขัน รายได้ที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งของนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกมาจากการเป็นพรีเซนเตอร์และการรับรองผลิตภัณฑ์ (endorsements) ซึ่งมักจะมีมูลค่าสูงกว่าเงินรางวัลจากการแข่งขันมาก โดยเฉพาะสำหรับนักกีฬาที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จสูง
อย่างไรก็ตาม ในด้านนี้ก็ยังคงมีความแตกต่างระหว่างนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก โดยนักกีฬาโอลิมปิกมักจะได้รับโอกาสในการเป็นพรีเซนเตอร์และการรับรองผลิตภัณฑ์มากกว่า และมีมูลค่าสัญญาที่สูงกว่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมในการรับรู้และการให้คุณค่าของสังคมต่อนักกีฬาทั้งสองกลุ่ม
- เงินเดือนและค่าตอบแทนจากสโมสรหรือทีมชาติ
สำหรับนักกีฬาบางประเภท โดยเฉพาะกีฬาประเภททีม เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล หรือวอลเลย์บอล นักกีฬาอาจมีรายได้หลักจากเงินเดือนที่ได้รับจากสโมสรหรือทีมชาติ ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงกว่าเงินรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิกหรือพาราลิมปิกมาก
ในกรณีนี้ ความแตกต่างระหว่างนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอาจยิ่งเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากลีกกีฬาสำหรับนักกีฬาที่ไม่มีความพิการมักจะมีความนิยมและมีเงินหมุนเวียนในระบบมากกว่า ส่งผลให้สามารถจ่ายค่าตอบแทนให้กับนักกีฬาได้สูงกว่า
- ทุนสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน
นอกจากเงินรางวัลจากการแข่งขันแล้ว นักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกยังอาจได้รับทุนสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน ทุนสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนานักกีฬา แต่มักจะมีความไม่สมดุลระหว่างนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก โดยทั่วไปนักกีฬาโอลิมปิกมักได้รับการสนับสนุนทางการเงินมากกว่า ทำให้มีทรัพยากรในการฝึกซ้อมและเตรียมตัวที่ดีกว่า ในขณะที่นักกีฬาพาราลิมปิกอาจต้องดิ้นรนมากกว่าเพื่อหาแหล่งทุนสนับสนุน
- โอกาสในการทำงานหลังเกษียณจากการแข่งขัน
โอกาสในการทำงานหลังเกษียณจากการแข่งขันก็เป็นอีกประเด็นที่สำคัญ นักกีฬาโอลิมปิกมักมีโอกาสในการทำงานที่หลากหลายกว่า เช่น การเป็นโค้ช นักพากย์กีฬา หรือแม้แต่การเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า ในขณะที่นักกีฬาพาราลิมปิกอาจมีทางเลือกที่จำกัดกว่า ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
ผลกระทบของความแตกต่างในเงินรางวัล
ความแตกต่างของเงินรางวัลระหว่างกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยส่งผลกระทบในหลายมิติทั้งต่อตัวนักกีฬา สังคม และการพัฒนากีฬาโดยรวม
ผลกระทบต่อแรงจูงใจและการพัฒนาของนักกีฬา
ความแตกต่างของเงินรางวัลส่งผลโดยตรงต่อแรงจูงใจของนักกีฬา โดยเฉพาะนักกีฬาพาราลิมปิกที่ได้รับเงินรางวัลน้อยกว่า อาจทำให้ขาดแรงจูงใจในการฝึกซ้อมและพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่เห็นโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความทุ่มเทของตน นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้นักกีฬาที่มีความสามารถเลือกที่จะไม่เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิก แต่หันไปแข่งขันในรายการอื่นที่ให้เงินรางวัลสูงกว่าแทน ทำให้ระดับการแข่งขันโดยรวมลดลง
ในทางกลับกัน นักกีฬาโอลิมปิกที่ได้รับเงินรางวัลสูงกว่าอาจมีแรงจูงใจมากกว่าในการพัฒนาตนเอง ทุ่มเทฝึกซ้อม และแข่งขันอย่างเต็มความสามารถ เพื่อโอกาสที่จะได้รับเงินรางวัลจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การให้ความสำคัญกับเงินรางวัลมากเกินไปอาจทำให้นักกีฬาละเลยคุณค่าด้านอื่นของการเล่นกีฬา เช่น การมีน้ำใจนักกีฬา หรือการแข่งขันเพื่อความภาคภูมิใจของประเทศชาติ
ผลกระทบต่อการรับรู้และทัศนคติของสังคม
ความแตกต่างของเงินรางวัลยังส่งผลต่อการรับรู้และทัศนคติของสังคมที่มีต่อกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก โดยอาจทำให้สังคมมองว่ากีฬาพาราลิมปิกมีคุณค่าหรือความสำคัญน้อยกว่า ซึ่งเป็นการตอกย้ำอคติและการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการในสังคม นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดความรู้สึกว่าความพยายามและความสำเร็จของนักกีฬาพาราลิมปิกไม่ได้รับการยอมรับหรือให้คุณค่าเท่าที่ควร
ในขณะเดียวกัน การให้เงินรางวัลที่สูงกว่าแก่นักกีฬาโอลิมปิกอาจส่งผลให้สังคมให้ความสนใจและติดตามการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมากกว่า ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนมากกว่า ซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำความเหลื่อมล้ำระหว่างสองการแข่งขัน
ผลกระทบต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนากีฬา
ความแตกต่างของเงินรางวัลยังส่งผลต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนากีฬาในระยะยาว โดยกีฬาโอลิมปิกที่มีเงินรางวัลสูงกว่ามักได้รับความสนใจและการลงทุนมากกว่า ทั้งในด้านสถานที่ฝึกซ้อม อุปกรณ์กีฬา และการพัฒนาบุคลากรทางการกีฬา ในขณะที่กีฬาพาราลิมปิกอาจได้รับการสนับสนุนน้อยกว่า ทำให้ขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนานักกีฬาอย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ ความแตกต่างของเงินรางวัลยังอาจส่งผลต่อการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐในการพัฒนากีฬาแต่ละประเภท โดยอาจมีแนวโน้มที่จะให้การสนับสนุนกีฬาที่มีโอกาสได้รับเงินรางวัลสูงมากกว่า เพื่อหวังผลตอบแทนในรูปแบบของเหรียญรางวัลและชื่อเสียงของประเทศ
แนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียม
ปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมระหว่างสองมหกรรมกีฬาอย่างที่ได้เล่าไปเห็นได้ชัดจากหลาย ๆ ปัจจัยอยู่แล้ว แต่ก็มีความพยายามจากหลายภาคส่วนในสังคมที่อยากจะผลักดันเกิดความเท่าเทียมขึ้น ถึงแม้ว่าในแง่ของจำนวนผู้ชม จะเป็นเรื่องยากที่จะไปบังคับให้คนมาดูได้ แต่การค่อย ๆ ปลูกฝังความตระหนักในเรื่องความเท่าเทียมก็เป็นเรื่องที่เริ่มทำก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย โดยแนวทางต่าง ๆ ที่แต่ละภาคส่วนพยายามที่จะทำก็ได้แก่
การปรับปรุงนโยบายและกฎระเบียบ
หนึ่งในแนวทางสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมของ เงินรางวัล คือการปรับปรุงนโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยอาจเริ่มจากการกำหนดให้มีการจัดสรรเงินรางวัลที่เท่าเทียมกันระหว่างนักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก หรือกำหนดสัดส่วนเงินรางวัลขั้นต่ำสำหรับนักกีฬาพาราลิมปิก นอกจากนี้ ยังอาจมีการออกกฎหมายหรือระเบียบที่ส่งเสริมความเท่าเทียมในการให้การสนับสนุนและโอกาสแก่นักกีฬาทั้งสองกลุ่ม
การสร้างความตระหนักและการให้การศึกษาแก่สังคม
การสร้างความตระหนักและให้การศึกษาแก่สังคมเกี่ยวกับความสำคัญของความเท่าเทียมในกีฬาเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สำคัญ โดยอาจมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ และการบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับความเท่าเทียมในกีฬาเข้าไปในหลักสูตรการศึกษา เพื่อปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้องตั้งแต่วัยเยาว์ นอกจากนี้ ยังควรมีการส่งเสริมให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารและให้ความสำคัญกับการแข่งขันพาราลิมปิกอย่างเท่าเทียมกับการแข่งขันโอลิมปิก เพราะปัจจุบันเราจะเห็นว่าสื่อเองก็เล่นข่าวเกี่ยวกับพาราลิมปิกน้อยกว่าโอลิมปิกอยู่มาก
การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน
การส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนกีฬาพาราลิมปิกเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำ โดยอาจจะต้องมีภาครัฐเข้ามาร่วมด้วยโดยการ ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แก่บริษัทที่ให้การสนับสนุนนักกีฬาพาราลิมปิก หรือการสร้างโอกาสให้ภาคเอกชนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนากีฬาพาราลิมปิก อย่างเช่นการร่วมพัฒนาอุปกรณ์กีฬาสำหรับคนพิการ หรือการสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาคนพิการในระดับต่าง ๆ
ความแตกต่างของเงินรางวัลระหว่างกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกส่งผลกระทบในหลายมิติ ทั้งต่อแรงจูงใจและการพัฒนาของนักกีฬา การรับรู้และทัศนคติของสังคม ตลอดจนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนากีฬา การแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งการปรับปรุงนโยบายและกฎระเบียบ การสร้างความตระหนักในสังคม และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน
ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในการลดความเหลื่อมล้ำของเงินรางวัลระหว่างกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก โดยอาจมีการปรับเพิ่มเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาพาราลิมปิกให้ใกล้เคียงกับนักกีฬาโอลิมปิกมากขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจมีการพัฒนารูปแบบการให้รางวัลที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น การสนับสนุนด้านการศึกษา การฝึกอบรม หรือโอกาสในการทำงานหลังเกษียณจากการเป็นนักกีฬา เพื่อสร้างความเท่าเทียมในรูปแบบอื่น ๆ
เรื่อง: ณัฐศกรณ์ แสงลับ
อ้างอิง
https://www.cnbc.com/2024/08/30/paralympics-heres-how-much-athletes-earn-for-winning-medals.html
https://financialpromoter.co.uk/financial-brands-paris-2024-olympics/
https://www.ispo.com/en/sports-business/sponsors-paralympics-paris-2024
–
