ปีนี้เมืองไทยประกันชีวิตพานักข่าวกว่า 100 ชีวิตไปแถลงข่าวประจำปีที่เขาใหญ่โดยขบวนรถตู้ 25 คัน
ส่วนซุปเปอร์สตรอง CEO “สาระ ล่ำซำ” ขับรถ ฮาร์เล่ย์ สีบานเย็นสวยงามตามไปช่วงเย็น
ปี 2568 เป็นปีที่ 74 ของเมืองไทยประกันชีวิต หรือ MTL ส่วนสาระมีอายุ 55 ปี และเป็นปีที่ 32 ในชีวิตการทำงานของเขา
หลังจากการปรับภาพลักษณ์องค์กรครั้งใหญ่มานานถึง 21 ปี ภายใต้แนวคิด Brightening the Brand เพื่อสร้างความสดใส ทันสมัย และเป็นสากลมากยิ่งขึ้น ด้วยสโลแกน “Happiness Means Everything: เพราะความสุขคือทุกอย่าง”

MTL ก็เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ที่เข้ามาเริ่มตั้งแต่ยุคที่ธุรกิจประกันชีวิตโดยรวมเติบโตสูงถึง 3 เท่าของตัวเลขจีดีพี จนปัจจุบันโตติดลบถ้าเทียบกับจีดีพี
จากเดิมที่ทำธุรกิจแบบ Inside Out แบบกรมธรรม์ทุกอย่างคิดจากคนข้างใน หลังจากนั้นก็ปรับมาเรื่อย ๆ เป็น Outside In ฟังเสียงลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งความต้องการของลูกค้าก็จะซับซ้อนมากขึ้น ลึกมากขึ้น และมีความต้องการแบบเฉพาะรายบุคคลมากขึ้น
ปัจจุบันมีลูกค้าที่อยู่ในความดูแลทั้งหมด 3,800,000 คน มีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 71,800 ล้านบาท มีตัวแทนประมาณ 11,000-16,000 คน มูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ 640,000 ล้านบาท
เบี้ยประกันภัยรับใหม่เติบโต 13% ซึ่งเป็นการเติบโตในกลุ่มสินค้าหลัก อาทิ Shield Life (ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบภายในระยะเวลา และประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์) เติบโต 42% และแบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง (รายเดี่ยว) เติบโต 24% เป็นต้น
ด้านคะแนน NPS (Net Promoter Score) สูงขึ้นจาก 58 คะแนน เป็น 75 คะแนน
มูลค่าของแอสเสทรวมประมาณ 640,000 ล้านบาท มีตัวแทน 11,000 -16,000 คน ตั้งเป้า 20,000 คน
ในขณะที่ความสำเร็จจากเปิดฉากบุกไปในภูมิภาค กัมพูชา เวียดนาม และลาว ก็เป็นที่น่าพอใจ จากกลยุทธ์การร่วมลงทุน เอาความเชี่ยวชาญของ MTL ทำงานร่วมกับคนในท้องที่ที่มีความเข้าใจพฤติกรรมและวัฒนธรรมเป็นอย่างดี
เป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความท้าทายในหลาย ๆ เรื่อง
The Next Chapter
สำหรับในปี 2568 นี้ เมืองไทยประกันชีวิตยังคงตอกย้ำตัวตนในการเป็นแบรนด์แห่งการสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับการส่งมอบความสุขผ่านกลยุทธ์ “Boost Your Happiness by Our People” บูสต์ความสุขของคุณด้วยคนของเรา ผ่านความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงชีวิต และประสบการณ์การบริการแบบไร้รอยต่อ
โดยจะพัฒนาองค์กรใน 3 แกนหลักคือ ความเป็นมืออาชีพ ความโปร่งใสและความสะดวกสบาย และความไว้วางใจ
ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงชีวิต ประสบการณ์การบริการแบบไร้รอยต่อ และคำมั่นสัญญาตลอดชีวิต
“แต่การที่จะ Boost Happiness ของลูกค้าให้มากขึ้น MTL จะต้องให้ความสำคัญกับคนข้างในก่อนไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หรือตัวแทน เป็นเรื่องของการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดซึ่ง MTL ทำเรื่องนี้เยอะมาก”
ดังนั้น จำเป็นต้อง Boost Skills ของพนักงานใน 4 เรื่องหลักคือ
1. เพิ่มทักษะการใช้ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ผสมผสานอยู่ในทุกกระบวนการทำงาน (Data & AI Literacy)
2. ทักษะด้านการสื่อสารและการบริหาร (Soft Skills)
3. ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Expert Knowledge)
4. ความเชี่ยวชาญในหลายมิติ (Cross-Domain Expert Knowledge)
“เรื่องของความรู้ก็จะไม่ได้เป็นความรู้เฉพาะทางอีกต่อไป แต่จะต้องเป็นความหลากหลายขององค์ความรู้ ควบคู่ไปกับสร้างความสุขจากภายในองค์กร ให้กับ ‘คนของเรา’ ที่มีความหลากหลายให้ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว”
โดยพร้อมส่งต่อประสบการณ์ไร้รอยต่อผ่านบริการในช่องทางต่าง ๆ ตั้งแต่การซื้อประกันภัยที่สามารถเข้าถึงได้ทุกคนได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งช่องทางตัวแทน ช่องทางธนาคาร ช่องทางการขายผ่านโทรศัพท์ ช่องทางออนไลน์ และพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ
รวมถึงการให้บริการที่ครบวงจรและเข้าถึงได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นช่องทางสาขา Call Center 1766 แอปพลิเคชัน MTL Click เมืองไทยสไมล์คลับ และ MTL Fit เป็นต้น นอกจากนี้ ลูกค้ายังจะได้รับความสะดวกสบายด้วยการทำธุรกรรมทางกรมธรรม์ และบริการหลังการขายไม่ว่าจะเป็นระบบ e-Payment หรือ e-Document เป็นต้น
MTL กับความยั่งยืน
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาแบบประกันภัยที่ช่วยตอบโจทย์การเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคน (Democratize Insurance) พร้อมสร้างความรู้ด้านการวางแผนการเงินและประกันภัย (Financial & Insurance Literacy) ให้กับประชาชนทั่วไป และการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน
ด้านมิติสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านโลกของเรา ประกาศความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ด้วยเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของบริษัทฯ (ขอบเขตที่ 1 และ 2)* ภายในปี 2573 (2030) ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานภายในบริษัทฯ
สาระย้ำว่า
ปีนี้จะเป็นปีที่ สีบานเย็นจะบานสะพรั่งทั่วประเทศ โดยเมืองไทยประกันชีวิตจะยกระดับความสุขให้กับทุกคน ทั้งลูกค้า พาร์ตเนอร์ พนักงานและฝ่ายขายของเรา และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางการขายต่าง ๆ

–
