ไมเนอร์ โฮเทลส์ ปรับ 8 แบรนด์ในเครือ วางตำแหน่งให้ชัด ขับเคลื่อนการเติบโตและประสบการณ์ลูกค้าผ่านการดำเนินงานแบบรวมศูนย์ เตรียมเปิดแบรนด์ใหม่อีกอย่างน้อย 2 แบรนด์ในปีนี้ โฟกัสการขยายธุรกิจแบบ Asset-light model และเปิดโรงแรมในกลุ่มประเทศศักยภาพใหม่ ๆ มากขึ้น

มร. เอียน ดิ ทูลลิโอ (Ian Di Tullio) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมจำนวนมากกว่า 560 แห่งใน 58 ประเทศ การดำเนินงานอยู่ภายใต้ 8 แบรนด์หลัก ได้แก่ อนันตรา (Anantara), อวานี (Avani), เอเลวาน่า คอลเลคชั่น (Elewana Collection), โอ๊คส์ (Oaks), ทิโวลี (Tivoli), เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป (NH Hotel Group) ซึ่งประกอบด้วย เอ็นเอช (NH), เอ็นเอช คอลเลคชั่น (NH Collection) และ นาว (nhow)   

การเติบโตของบริษัทที่ผ่านมา ขับเคลื่อนผ่านการขยายแบรนด์กลุ่มลักชัวรีและแบรนด์ไลฟ์สไตล์พรีเมียม โดยแผนงานในปี 2568 บริษัทเดินหน้าปรับทั้ง 8 แบรนด์ วางตำแหน่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้ ลักชัวรี (Luxury), พรีเมียม (Premium), เซเลกต์ (Select) ส่วนการขยายแบรนด์ใหม่ในปีนี้จะโฟกัสอยู่ที่ 2 เซกเมนต์แรก วางไว้อย่างน้อย 2 แบรนด์ใหม่ 

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในเครือบริษัท ซึ่งเป็นการปูทางการขยายพอร์ตโฟลิโอโรงแรมเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 300 แห่ง ภายในปี 2570 มุ่งเน้นกลยุทธ์ทางธุรกิจด้วยรูปแบบ Asset-light model หรือทำสัญญารับจ้างบริหารโรงแรม และบริษัทจะเดินหน้าเปิดตัวโรงแรมในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพอื่น ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอเชีย, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ หลังปัจจุบันพอร์ตของบริษัทมากกว่า 50% อยู่ในยุโรป  

นอกจากการเดินหน้าขยายโรงแรมต่อเนื่อง บริษัทยังได้ปรับประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นแบบรวมศูนย์ เปิดหน้าเว็บไซต์ minorhotels โฉมใหม่ เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถจองที่พักจากโรงแรมในเครือกว่า 560 แห่ง รวมถึงค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ได้ครบจบภายในเว็บไซต์เดียว 

บริษัทยังเปิดตัวแอปพลิเคชันมือถือใหม่ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่รวมทุกแบรนด์ในเครือเข้าไว้ด้วยกัน แทนแอปพลิเคชันแยกตามแบรนด์โรงแรม โดยนักเดินทางสามารถใช้แอป Minor Hotels เพื่อทำการจอง จัดการการจอง ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางต่าง ๆ รวมถึงติดต่อทีมโรงแรมและขอรับบริการต่าง ๆ ระหว่างการเข้าพักผ่านแอปพลิเคชันเดียว

ทั้งนี้ บริษัทยังเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ Minor PRO สำหรับกลุ่มลูกค้า B2B ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ บริการ และการสื่อสารทั้งหมดสำหรับธุรกิจ นักวางแผนอีเวนต์ และตัวแทนท่องเที่ยว โดยเป็นการรวมแพลตฟอร์มเดิมของแต่ละแบรนด์ เช่น NH PRO, Anantara Journeys และ Oaks Professionals ไว้ในที่เดียว เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มมืออาชีพ มอบประสบการณ์ที่สะดวกยิ่งขึ้น

มร. ดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การรีแบรนด์ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัท นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของบริษัทย้อนกลับไปในปี 1978 เมื่อ วิลเลียม อี. ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งบริษัท ได้เข้าซื้อกิจการโรงแรม Royal Garden Resort ในพัทยา 

ซึ่งการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ยกระดับประสบการณ์ของแขกผู้เข้าพัก ผ่านการรวมทุกแบรนด์โรงแรมและประสบการณ์การท่องเที่ยวทั้งหมดไว้ภายใต้ชื่อ ไมเนอร์ โฮเทลส์ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของบริษัทในอุตสาหกรรมการบริการ และสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตของบริษัทให้สำเร็จลุล่วง

สิ่งแรกที่ลูกค้าจะได้เห็นหลังจากนี้ คือ การสื่อสารผ่านภาพลักษณ์ใหม่ที่สดใสของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ หัวลูกศรภายในตัวอักษร ‘M’ ในโลโก้ใหม่เป็นสัญลักษณ์ของทิศทางและการนำทาง ชี้ไปสู่การค้นพบ การเชื่อมต่อ และการผจญภัย พร้อมทั้งสะท้อนบทบาทของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในการสร้างสรรค์เส้นทางแห่งประสบการณ์ที่มีความหมายสำหรับแขกผู้เข้าพัก     

ไมเนอร์ โฮเทลส์ โฉมใหม่ยังจะปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้นผ่านการสื่อสารและโฆษณาแบบหลายแบรนด์ ซึ่งใช้พลังของแบรนด์โรงแรมในเครือเพื่อเสริมสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์หลัก

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับโฉมหน้าแบรนด์หลัก แต่โรงแรมในเครือแต่ละแบรนด์จะยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวเดิมเอาไว้ ซึ่งรวมถึงเว็บไซต์และกลยุทธ์ทางการตลาดของตนเอง ขณะเดียวกัน แบรนด์เหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาแบรนด์หลัก ไมเนอร์ โฮเทลส์ ควบคู่ไปด้วย

อ่านเพิ่มเติม: MINT 2024 – 27 ขยายใหม่ โรงแรม 280 แห่ง


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer