มองไปที่ไหนใครๆ ก็เลี้ยงแมว

จึงไม่แปลกเลยที่ Kresearch คาดการณ์ว่าปี 2568 ประชากรแมวบ้านในไทยมีมากถึง 1.94 ล้านตัว จากประชากรสัตว์เลี้ยงมีเจ้าของทั้งหมด 5.38 ล้านตัว

แต่ถ้ามองไปที่ภาพรวมของประชากรแมวทั้งหมดรวมแมวจร จะมีจำนวนมากถึง 3.81 ล้านตัวในปัจจุบัน อ้างอิงจากการสำรวจของศูนย์บัญชาการเพื่อเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้า

ซึ่งประชากรแมวจรบางส่วนถูกนำมาเลี้ยงเป็นแมวบ้าน กลายเป็นสมาชิกครอบครัวที่เจ้าของทำหน้าที่เป็นทาสคอยปรนนิบัติอย่างเต็มใจ เพราะข้อมูลของ The1 Insight ในปีที่ผ่านมาเคยให้ข้อมูลว่าผู้เลี้ยงแมว 50% นิยมอุปการะแมวจรเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัว

สอดคล้องกับข้อมูล จากโรยัล คานีน ที่สำรวจสายพันธุ์แมวยอดนิยม 3 อันดับแรก ได้แก่

1.แมวพันธ์ผสม ที่เกิดจากการผสมพันธ์ของแมวโลคอลต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย

2.บริติช ช็อตแฮร์

3.แร็กดอล

และการเติบโตของประชากรแมวเลี้ยงยังมาจากคนรุ่นใหม่ที่นิยมแยกตัวเองออกมาอาศัยในคอนโดฯ เพื่อความเป็นส่วนตัวและอื่นๆ ซึ่งพื้นที่จำกัดของคอนโดฯ ได้เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจเลี้ยงแมวเป็นเพื่อนคลายเหงา ฮิลใจ จากเพราะแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถเลี้ยงแบบระบบปิดได้ อยู่ได้ทั้งวันเมื่อเจ้าของออกไปทำงาน หรือทำกิจกรรมอื่นๆ นอกบ้าน ไม่ส่งเสียงรำคาญเพื่อนบ้าน และสามารถแอบเลี้ยงได้ในคอนโดฯ ที่มีกฎห้ามเลี้ยงสัตว์

ตลอดจนการถูกแมวที่พบเห็นจากโซเชียลมีเดีย และคาเฟ่แมวต่างๆ ส่งความน่ารักจนเกิดการอยากเลี้ยงแมวเพิ่มขึ้น เพราะความน่ารักและนิสัยที่เป็นตัวของตัวเองของแมวแต่ละสายพันธุ์

ภายใต้การเติบโตของประชากรแมวเลี้ยงในประเทศไทย ยังมาพร้อมกับพฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์ที่เปลี่ยนไป จากเทรนด์ Pet Parent เลี้ยงสัตว์เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว ที่ทุ่มเทความรักให้ประหนึ่งลูกหลาน คนเกิดคำนิยามว่า เจ้าของเป็นเหมือนทาสของบรรดาสัตว์เลี้ยง

ซึ่งเทรนด์ Pet Parent ยังมาพร้อมกับเทรนด์ SINK (Single Income, No Kids : โสดมีรายได้และไม่มีลูก)  และ DINK (Dual Income, No Kids : คู่รักที่มีรายได้และไม่มีลูก) ที่ที่ยกระดับให้การใช้จ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายที่มอบให้กับแมว อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ ผู้จัดงาน Thailand Cat Lovers Fair 2025 เคยให้ข้อมูลว่ามี การใช้จ่ายเฉลี่ย 14,200 บาทต่อตัวต่อปี หรือประมาณ 1,183 บาทต่อตัวต่อเดือน ซึ่งความจริงในกลุ่มรักแมวมีมากกว่านั้น

ดูได้จากการเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์เลี้ยงแมวต่างๆ ที่มีให้เห็นตามท้องตลาดทั้งของเล่น ห้องน้ำ คอนโดแมว กระเป๋าพาเที่ยว อุปกรณ์อาบน้ำ สเปรย์ดับกลิ่น เสริมอาหาร และอื่นๆ ที่อาจดูไม่เกี่ยวข้อง แต่เป็นของจำเป็นสำหรับทาส เช่น เครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดพื้นที่ให้สะอาดที่สุด

รวมถึงการเกิดขึ้นของคลินิกและโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงที่หันมาอัปเกรดการให้บริการผ่านเครื่องมือที่ทันสมัย, ธุรกิจประกันที่หันลงเล่นกับกรมธรรม์ประกันสัตว์เลี้ยง,บริการ Grooming ดูแลความสวยงามและสุขภาพแมว และโรงแรมแมว เพื่อตอบโจทย์ทาสแมวสายเปย์มากยิ่งขึ้น

และที่น่าสนใจคือตลาดอาหารแมวที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 28% ระหว่างปี 2564-2567 เป็นการเติบโตมากกว่าอาหารหมาที่มีเพียง 19% ต่อปี อ้างอิงจาก KResearch

ส่วนถึงโรยัล คานีน ให้ข้อมูลว่า ปี 2567 ตลาดรวมอาหารแมวเติบโต 10-20% เป็นการเติบโตที่มากกว่าอาหารหมาที่เติบโตเพียง 2-3%

การเติบโตของอาหารแมวยังมาพร้อมกับผู้แข่งขันในตลาดหน้าใหม่ๆ ที่เร่งสปีดลงแข่งในตลาดอาหารแมวโดยเฉพาะ รวมถึงการพัฒนาสูตรใหม่ๆ ของแบรนด์เดิมในตลาด เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งจากการเติบโต จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยอมจ่ายเลือกอาหารที่ดี มีประโยชน์กับแมว แม้จะลดค่าใช้จ่ายเพื่อตัวเองลงก็ตาม

 

เพราะวันนี้ทาสยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แมวที่รักอยู่ดี กินดี ที่ช่วยผลักดัน Meaw Economy เติบโต

 

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer