เอ็มเค กรุ๊ป จับมือ เซนโค โลจิสติกส์รายใหญ่อันดับ 2 ญี่ปุ่น รุกธุรกิจขนส่งสินค้าแบบเย็นครบวงจร อัดงบลงทุน 1,500 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (B-2-B) ผู้ประกอบการร้านอาหารแบบเครือข่าย ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ รวมถึงธุรกิจค้าปลีก

ด้วยภาพรวมธุรกิจอาหาร และธุรกิจการขนส่ง กระจายสินค้า (โลจิสติกส์) ในประเทศไทย เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลัก ‘แสนล้านบาท’ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง บริษัท เอ็มเค
เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
เดินหน้าใช้กลยุทธ์พันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) ด้วยการร่วมทุนกับยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์จากประเทศญี่ปุ่น คือ บริษัท เซนโค กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (SENKO Group Holdings Co., Ltd.) จัดตั้งบริษัท เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ เพื่อรุกธุรกิจบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร คาดภายในปี 2562 ทำรายได้ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท และภายใน 3 ปี เมื่อเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ จะผลักดันรายได้ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาทต่อปี และสร้างรากฐานสู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำโลจิสติกส์แบบเย็นอย่างครบวงจร

สมชาย หาญจิตต์เกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเคเห็นโอกาสขยายการเติบโตและต่อยอดธุรกิจ โดยในช่วงแรกบริษัทเตรียมงบประมาณ 1,300 ล้านบาท เพื่อรองรับบริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น
การให้บริการคลังสินค้า (Warehouse) การขนส่ง (Transport) บริการนำเข้า-ส่งออกสินค้า (Forwarding) และการซื้อขายสินค้า (Trading) โดยเน้นไปที่การขนส่งสินค้าแบบเย็น (Cold chain) อย่างครบวงจร ด้วยรถควบคุมอุณหภูมิ เพื่อการขนส่งอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผู้เล่นในตลาดที่สามารถให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบเย็นได้ทุกมิติ

สำหรับในช่วงแรกจะเน้นเจาะลูกค้าภาคธุรกิจ (B-2-B) ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านอาหารแบบเครือข่ายทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ รวมถึงธุรกิจค้าปลีก เช่น ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และมินิมาร์ท เป็นต้น

“การผนึกกับเซนโคฯ  ผู้นำด้านโลจิสติกส์จากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้สัดส่วนการถือหุ้นฝ่ายละ 50% เท่ากัน  ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเอ็มเค ในการขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้น โดยบริษัทจะใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายที่มีประสานกัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สำหรับจุดแข็งของเอ็มเค คือการเป็นผู้นำธุรกิจอาหารที่มีคุณภาพและการบริการที่ดี มีความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบท้องถิ่น ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ส่วนทางเซนโคฯ เป็นบริษัทที่ชำนาญด้านการจัดหาวัตถุดิบจากต่างประเทศ นำเข้า-ส่งออก
การจำหน่ายสินค้า มีฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จึงช่วยต่อยอดธุรกิจได้อย่างดี” สมชายกล่าวเพิ่มเติม

ด้าน ฮิโรชิ ยามาโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท เซนโค กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์รายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่น มีจุดแข็งและองค์ความรู้เกี่ยวกับบริการโลจิสติกส์แบบห้องเย็นเพื่อส่งสินค้ามายาวนานกว่า 100 ปี มีธุรกิจกระจายอยู่ในสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ จีน เอเชียกลาง และอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยไทยและเมียนมา ขณะที่ประเทศญี่ปุ่น บริษัทมีเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ทุกรูปแบบกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ ปัจจุบันมีรายได้กว่า 103,000 ล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ภายใน 3-5 ปี เอ็ม-เซนโค จะเติมเต็มความต้องการของตลาดและลูกค้าให้ครบวงจรยิ่งขึ้น เพื่อเป็น One-stop Service ด้วยการขยายบริการสู่คลังสินค้าแห้ง (Dry warehouse) รวมถึงขยายธุรกิจไปยังตลาดภูมิภาคอาเซียน ในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (CLMV) และพัฒนารูปแบบการบริการเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภครายย่อย (B-2-C) ในอนาคต”



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online