Perplexity สตาร์ทอัพด้านเอไอที่มีอายุเพียงเกือบสามปี กำลังกลายเป็นที่จับตามองหลังมีข่าวว่าตกเป็นเป้าหมายในการเข้าซื้อกิจการจากสองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Meta และ Apple
สื่อในสหรัฐฯ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า Meta ได้ติดต่อกับ Perplexity เพื่อหารือเรื่องการเข้าซื้อกิจการในช่วงปลายเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ เกิดขึ้น ส่วน Apple ก็ได้มีการหารือภายในเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังไม่ได้ข้อสรุป
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่ทั้ง Apple และ Meta ต่างกำลังถูกมองว่าตามหลังคู่แข่งอย่าง Google และ OpenAI ในเรื่องเอไอ ทำให้ความสนใจใน Perplexity สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในการแย่งชิงบุคลากรด้านเอไอ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าจะเป็นก้าวสำคัญของวิวัฒนาการอินเทอร์เน็ตในยุคต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการสอบถามถึงเรื่องการซื้อกิจการ ทั้งสามบริษัทต่างปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ
สำหรับ Perplexity คือเครื่องมือค้นหา (Search Tool) ที่ใช้เอไอในการวิเคราะห์เนื้อหาบนเว็บไซต์และสรุปคำตอบให้ โดยจะแสดงผลเป็นข้อสรุปพร้อมกับแหล่งที่มาให้ด้วย ซึ่งบริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อสิงหาคม 2022 และเปิดตัว Search Tool เวอร์ชันแรกในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน

Perplexity มีโหมดการค้นหา 2 แบบ คือ Quick Search สำหรับการค้นหาทั่วไป และ Pro Search สำหรับการค้นหาที่ต้องการคำตอบละเอียดและเจาะลึกมากขึ้น
นอกจากนี้ Perplexity ยังสามารถทำได้มากกว่าแค่การตอบคำถาม เช่น ถามเกี่ยวกับไฟล์, ช่วยจัดการโปรเจกต์ (เช่น สร้างตารางการเดินทาง), สร้างรูปภาพ และสำรวจหน้าเพจตามหัวข้อที่สนใจ ซึ่งคล้ายกับบริการเอไออื่นๆ อย่าง ChatGPT
ฟีเจอร์เพิ่มเติมเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแพ็กเกจแบบเสียเงิน ราคา 20 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 730 บาท) ซึ่งจะทำให้เข้าถึงโมเดลเอไอได้มากขึ้น อัปโหลดไฟล์ได้ไม่จำกัด และสร้างรูปภาพได้ นอกจากนี้ Perplexity ยังกำลังพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเองที่ชื่อว่า Comet อีกด้วย
แม้ว่า Perplexity จะได้รับความนิยม จนอาจกล่าวได้ว่าเป็น Google ของคนรุ่นใหม่ แต่ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะจาก ChatGPT ของ OpenAI แชตบอตยอดฮิตที่มีสถิติยอดดาวน์โหลดมากที่สุดในไตรมาส 3 ปี 2024 และยังครองส่วนแบ่งการดาวน์โหลดถึง 45% อีกด้วย
นอกจากนี้ Perplexity ยังตกเป็นประเด็นถกเถียงเรื่องการใช้งานเนื้อหา โดยทั้งสำนักข่าว BBC และ Dow Jones บริษัทแม่ของ The Wall Street Journal ได้กล่าวหาว่ามีการคัดลอกเนื้อหาจากเว็บของตนไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
การเข้าซื้อ Perplexity ดูเหมือนจะสอดคล้องกับแผนด้านเอไอของทั้ง Apple และ Meta เป็นอย่างดี เพราะทั้งสองบริษัทกำลังต้องการผนวกเอไอเข้ากับผลิตภัณฑ์หลักของตน

Apple ได้เปิดตัวการอัปเดตเครื่องมือเอไอในงานประชุมนักพัฒนาประจำปีเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา เช่น การแปลภาษาและการสร้างอิโมจิแบบกำหนดเอง นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก Bloomberg ว่า เอ็ดดี้ คิว รองประธานอาวุโสฝ่ายซอฟต์แวร์และบริการของ Apple ได้เผยว่ากำลังสำรวจความเป็นไปได้ที่จะรวม Search Tool ที่ใช้พลังเอไอเข้ากับเว็บเบราว์เซอร์ Safari ด้วย
อย่างไรก็ตาม Apple ยังคงต้องเร่งเครื่องในด้านเอไอ โดย Siri เวอร์ชันปรับปรุงใหม่ที่ประกาศไปเมื่อกว่าหนึ่งปีที่แล้วก็ยังไม่มีกำหนดเปิดตัว
ขณะเดียวกันปัจจุบัน Google จ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ (ราวหลายหมื่นล้านบาท) ให้กับ Apple เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นใน Safari ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจาก Chrome แต่ข้อตกลงนี้กำลังถูกตรวจสอบภายใต้คดีต่อต้านการผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ทำให้ Apple อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่น
ดังนั้น การเข้าซื้อ Perplexity จะช่วยเสริมแอปและบริการต่างๆ ของ Apple ให้แข็งแกร่งขึ้นในขณะที่ยังคงพัฒนา Siri ต่อไป โดย Apple ได้ร่วมมือกับ OpenAI และ Google สำหรับฟีเจอร์เอไอใน iPhone อยู่แล้ว
เบน บาจาริน ซีอีโอและนักวิเคราะห์จาก Creative Strategies กล่าวว่า Apple จำเป็นต้องมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และการที่พวกเขายังไม่มีอะไรจะแสดงให้เห็นจากความพยายามของตัวเอง ทำให้คนส่วนใหญ่กังวล
ส่วน Meta ก็กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อคว้าตัวบุคลากรด้านเอไอชั้นนำ โดยเมื่อไม่นานมานี้ แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI เพิ่งเผยว่า Meta เสนอโบนัสการเซ็นสัญญา (signing bonus) สูงถึง 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,670 ล้านบาท)

ขณะเดียวกัน Meta ยังได้ลงทุนครั้งใหญ่ใน Scale AI สตาร์ทอัพที่ให้บริการเครื่องมือสำหรับการติดป้ายข้อมูล (labeling data) เพื่อฝึกโมเดลเอไอ ซึ่งทำให้บริษัทมีมูลค่ามากกว่า 29,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 ล้านล้านบาท) โดย Meta “ซื้อตัว” อเล็กซานเดอร์ หวัง ผู้ก่อตั้ง Scale AI เป็นส่วนหนึ่งของดีลด้วย
แม้ว่า Meta จะประสบความสำเร็จในด้านเอไอบางอย่าง เช่น โมเดล Llama ที่นักพัฒนาใช้กันอย่างแพร่หลาย และแว่นตา Ray-Ban เอไอ ก็ได้รับความนิยม แต่บริษัทยังมีปัญหาในด้านอื่น ๆ เช่นกัน โดยมีรายงานว่า Meta ได้เลื่อนการเปิดตัวโมเดล Llama รุ่นเรือธงตัวถัดไป และแอปเอไอที่เปิดตัวได้เพียงสองเดือนก็มีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว หลังจากพบว่าคำถามบางอย่างที่ผู้ใช้คิดว่าตั้งเป็นส่วนตัวกลับถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
จากความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้จึงกล่าวได้ว่า เอไอจะเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของวงการเทคโนโลยีนับจากนี้ ถัดจากอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน ซึ่งทั้ง Meta และ Apple ต่างก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทาง แต่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าบริษัทไหนจะไปได้ไกลกว่ากันและทิ้งห่างคู่แข่งได้แค่ไหน ซึ่งปัจจัยที่จะมาตัดสินเรื่องนี้คือ การผลักดันหรือพัฒนาเอไอ รวมไปถึงทางลัดอย่างการซื้อกิจการบริษัทเอไอดังๆ เช่น Perplexity ที่กำลังตกเป็นข่าวนั่นเอง / cnn
