“ทีเอ็มบี” ศึกษาวิจัยพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจของ SME เผย 7 จุดบอดที่ทำให้ตกม้าตายในการทำธุรกิจ ตั้งแต่การบริหารเงินไปจนถึงการปรับตัว

ชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ทีเอ็มบี กล่าวว่า SMEนับเป็นประเภทธุรกิจที่สร้างการเติบโตให้กับประเทศอย่างมาก ทีเอ็มบีจึงให้ความสำคัญและสนับสนุนลูกค้าผู้ประกอบการ SMEให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ชมภูนุชกล่าวอีกว่า การเติบโตของ SMEสามารถเป็นได้ 3 ช่วง คือ (1) ช่วงเริ่มต้น (Start) ซึ่งเงินทุนและแผนธุรกิจถือเป็นปัจจัยหลัก (2) ช่วงพัฒนา (Growth) และ (3) ช่วงอิ่มตัว (Mature) ช่วงที่มองหาตลาดใหม่เสมอ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจขยายตัว ทรงตัว หรือถดถอย ซึ่งแต่ละช่วง SMEจะเผชิญกับปัญหาที่แตกต่างกัน และปัญหาในแต่ละจุดมีส่วนชี้เป็นชี้ตายกับธุรกิจได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีธุรกิจ SME เกิดใหม่กว่า 70,000 รายต่อปี แต่มีเพียง 50% ที่ก้าวผ่านปีแรกไปได้ และเมื่อผ่านปีแรกไปได้จะมีธุรกิจประมาณ 10% ที่ต้องปิดตัวลง

โดยทีเอ็มบีได้จัดทำผลการศึกษากับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEจำนวน 200 คน ที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1-50 ล้านบาทต่อปี คละประเภทธุรกิจและอุตสาหกรรม และพบว่ามี 7 ปัญหาที่ทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ ดังนี้

(1) ใช้เงินทุนโดยไม่วางแผน: โดย 84% ใช้เงินเก็บส่วนตัวหรือของครอบครัวมาใช้เป็นเงินตั้งต้นธุรกิจ ยิ่งกว่านั้น SMEราว 27% ใช้เงินทุนตั้งต้นธุรกิจจากการใช้บริการสินเชื่อและการกดเงินสดจากบัตรเครดิต ทำให้ต้องรับอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกำไรของธุรกิจ

(2) ทำธุรกิจโดยไม่ทำแผนธุรกิจ: SME จำนวน 72% ยอมรับว่าถึงจะมีแผนธุรกิจหรือไม่มีก็ตาม ก็ไม่เคยทำตามแผน เนื่องจากหมดเวลาไปกับการแก้ปัญหารายวัน และปัญหาเฉพาะหน้า

(3) ใช้กระเป๋าธุรกิจปนกับกระเป๋าส่วนตัว: โดย 67% ของ SMEมีพฤติกรรมการใช้  ‘เงินธุรกิจ’ กับ ‘เงินส่วนตัว’ ปนกัน อาทิ ให้คู่ค้าโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวโดยจำไม่ได้ว่าเงินของส่วนตัวมีอยู่เท่าไร ไม่เคยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เมื่อต้องการใช้เงินส่วนตัวหรือครอบครัว มักจะเอาเงินได้จากบริษัทออกมาจ่าย และหยิบเงินสดจากเครื่องเก็บเงินหรือลิ้นชักออกมาจับจ่ายส่วนตัว

(4) มองแต่ยอดขายแต่ขาดการประเมินความเสี่ยง ทำให้ไม่มีกำไร: เนื่องจากไม่ทราบต้นทุนที่แท้จริงของการผลิตและมุ่งแต่ขยายกิจการโดยไม่สนใจความเสี่ยงที่ตามมา โดยพบว่า 37% ของ SMEเคยทำพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการขายของขาดทุน ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย เช่น 14% ลดราคาสินค้าโดยไม่ได้พิจารณาถึงต้นทุน 14% ลืมใส่เงินเดือนตัวเองลงไปในต้นทุนสินค้า และ 9% คิดเพียงว่าแค่ขายสินค้าให้มากกว่าราคาวัตถุดิบก็เท่ากับได้กำไร

(5) ทุ่มเทให้กับ Operation โดยไม่สนใจการตลาด: SMEจำนวน 87% ไม่มีเวลาให้กับการตลาด ทำให้พลาดในการสร้างจุดเด่นหรือสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยจากผลสำรวจพบว่า SME มักจะใช้เวลาไปกับกระบวนการผลิต 63% งานสำนักงาน 43% การขาย 30% และการตลาดเพียง 13% เนื่องจากผู้ประกอบการชอบให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบ การบริหารสต๊อกสินค้า การสรรหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเสริมทัพ การผลิตและการบรรจุ ซึ่งเป็นงานประเภทกระบวนการผลิต

(6) ลุยทำคนเดียวโดยไม่มีคนรองรับธุรกิจต่อ: โดย 70% ไม่สามารถหาบุคคลที่จะมาเป็น ‘ตัวตายตัวแทน’ ที่จะตัดสินใจทางธุรกิจแทนได้ ขณะที่ 49% ยอมรับว่าพบปัญหาธุรกิจสะดุด เมื่อตนเองไม่อยู่ดูแลหรือขายสินค้าเองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้ยอดขายลดลงหรือฐานลูกค้าหายไปทันที ดังนั้นสิ่งที่SME ควรทำคือวางแผนสร้างทีมและบริหารงานบุคคลควบคู่ไปด้วย

(7) ไม่รับมือและปรับตัวกับสิ่งใหม่: สิ่งสำคัญในโลกปัจจุบันคือการปรับตัว โดยจากผลศึกษาพบว่ามี 62% ที่ขยันสรรหาสิ่งใหม่ๆ มาเพื่อพัฒนาธุรกิจเสมอ ขณะที่อีก 38% ยังไม่พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ เหตุผลส่วนใหญ่คือ 19% เกรงว่าจะมีปัญหาในช่วงเริ่มต้นสิ่งใหม่ 14% ไม่เปิดรับหรือไม่มีเวลาหาข้อมูลสิ่งใหม่ๆ และ 5% มองว่าธุรกิจที่ทำอยู่นั้นดีอยู่แล้ว ซึ่ง TMB แนะนำวิธีเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่สะดวกที่สุดคือเดินงานแฟร์ ไปดูเทรนด์ตลาด กระทั่งเข้ากลุ่ม SMEที่ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกัน

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online