ธุรกิจแพคเกจจิ้ง เอสซีจี เผยอุตสาหกรรมแพคเกจจิ้งโตต่อเนื่อง ปี 61 ไทยโต 3% ส่วนเอสซีจีโต 6% สัดส่วนรายได้ 18% มองตลาดปีนี้โตเท่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ วาง 3 กลยุทธ์เพื่อการแข่งขันในตลาดปี 62
ธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจแพคเกจจิ้ง เอสซีจี เปิดเผยว่า ตลาดแพคเกจจิ้งปี 2561 ในประเทศไทยยังคงมีการเติบโตอยู่ที่ 3% แต่ยังเผชิญกับปัจจัยความผันผวนของ ‘ต้นทุน’ วัตถุดิบและ ‘พลังงาน’ ตลอดจนเทรนด์ของผู้บริโภคที่หันไปใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ปี 2561 เอสซีจีมีรายได้ 478,438 ล้านบาท เติบโต 6% โดยมีกำไรสำหรับปี 44,748 ล้านบาท ลดลง 19% ติดเป็นสัดส่วนรายได้ 18% ของรายได้รวม

ส่วนกลุ่มธุรกิจแพคเกจจิ้งมีรายได้ 87,255 ล้านบาท เติบโต 7% โดยมีกำไร 6,319 ล้านบาท เติบโต 36%
ธนวงษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทวางโพซิชั่นให้เป็น Total Packaging Solutions Provider หรือคู่คิดทางธุรกิจ เพื่อรับมือกับการแข่งขันในตลาดปี 2562

โดยปีนี้ กลุ่มธุรกิจแพจเกจจิ้งตั้งเป้าการเติบโตที่ 5 – 7% เอสซีจีจะใช้ 3 กลยุทธ์ ได้แก่ (1) การขยายฐานการผลิต (2) ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี และ (3) ทำธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circulay Economy) มีรายละเอียด ดังนี้
(1) ในด้านการขยายฐานการผลิต ธนวงษ์ ให้ข้อมูลว่า ช่วงสองปีที่ผ่านมา (2560 – 2561) บริษัทได้ลงทุนเพิ่มฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์และงานพิมพ์คุณภาพสูงและฐานการผลิตแพคเกจจิ้งพลาสติกแบบแข็ง (Rigid Plastic Packaging) ในประเทศไทย ได้สร้างฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษในประเทศอินโดนีเซีย และฐานการผลิต Food Packaging ในประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ บริษัทยังขยายฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยภายใต้แบรนด์ Fest อีก 2 โรงงาน
(2) ด้านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี บริษัทนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน เช่น การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ Value Chain (Data Visibility) และการใช้เทคโนโลยี MARs (Mechanization, Automation, Robotics) ฯลฯ เพื่อทำให้กระบวนการผลิตในโรงงานเป็น Smart Factory
(3) เศรษฐกิจหมุนเวียน ภายใต้แนวปฏิบัติ SCG Circular Way โดยมีแนวคิดคือ ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด ใช้ให้น้อย ใช้ให้นาน หรือนำกลับมาใช้ซ้ำ และสามารถนำกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตซ้ำได้ครบวงจร (Close-loop Packaging) อาทิ ถุงกระดาษรีไซเคิล หรือบรรจุภัณฑ์พลาสติก (R-1)

อีกทั้ง บริษังยังเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บขยะกระดาษและพลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ โดยใช้เครือข่ายโรงงานอัดเศษกระดาษในการเก็บขยะพลาสติกเพื่อนำมาผลิตซ้ำ และการร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีก รวมถึงให้ความเข้าใจกับผู้บริโภคเรื่องการใช้บรรจุภัณฑ์และการจัดการขยะหลังใช้งานแล้ว
ธนวงษ์ คาดการณ์ว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์ในไทยปีนี้จะเติบโตได้ตามการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4% และอุตสาหกรรมในภูมิภาคจะเติบโตแตกต่างกันตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
