เซ็นทรัล รีเทล หรือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เดินหน้าสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจที่เน้นการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ชูแนวทางบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับแผนและกระบวนการธุรกิจตลอดปี 62 และในอนาคต มั่นใจพร้อมมุ่งสู่การประกอบธุรกิจค้าปลีกอันดับหนึ่งที่พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับทุกคนในระยะยาว

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ปัจจุบัน ประชาชน องค์กร และนักลงทุน ตระหนักถึงความสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น จนเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าธุรกิจจะไม่สามารถสร้างเสถียรภาพหรือเป็นที่ยอมรับได้หากมุ่งเน้นแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ด้วยเหตุนี้ เซ็นทรัล รีเทล ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกของเมืองไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล จึงมุ่งดำเนินงานที่ยึดหลักความใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (ESG) มาเป็นแกนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมกับสร้างสรรค์คุณค่าร่วมกันระหว่างธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ภาครัฐ พันธมิตร คู่ค้า ตลอดจนพนักงานทุกคน และคนในสังคมที่เราเข้าไปดำเนินกิจการ โดยเริ่มต้นจากทัศนคติและการดำเนินงานของทุกคนภายในองค์กรและขยายสู่ภายนอกเพื่อให้เกิดผลในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง”

การลงทุนและดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลเป็นสิ่งที่เซ็นทรัล รีเทล ยึดถือ และทำมาอย่างต่อเนื่อง เสมือนเป็นดีเอ็นเอขององค์กรที่ได้รับการปลูกฝังมาร่วมกลุ่มเซ็นทรัลตลอดระยะเวลา 72 ปี โดยที่ผ่านมา เซ็นทรัล รีเทล ได้จัดทำแคมเปญ รวมทั้งผลักดันโครงการวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) และการสร้างสรรค์คุณค่าร่วมกับสังคม (Creating Shared Value) ต่างๆ มากมาย ซึ่งไม่ได้เน้นที่ปริมาณ แต่คำนึงถึงคุณภาพของโครงการที่มุ่งสร้างผลกระทบที่ดีที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างแท้จริง โดยมีโครงการที่สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อหลัก ESG ดังนี้

โครงการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (Environment) ได้แก่ การลดปริมาณขยะมูลฝอยผ่านโครงการปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติก (Say No to Plastic Bags) ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 และตั้งเป้าในการลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกกว่า 150 ล้านใบภายในปีนี้ จากปริมาณปกติที่มีปริมาณการใช้ปีละกว่า 450 ร้อยล้านใบ ซึ่งคิดเป็นร้อยละกว่า 30 ของปริมาณการใช้ถุงพลาสติกทั้งหมด รวมถึงการคัดแยกและการบริหารจัดการขยะเพื่อให้เกิดทรัพยากรหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ตามลักษณะระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การจัดการกับอาหารเหลือทั้งอาหารที่รับประทานได้และรับประทานไม่ได้ เพื่อเพิ่มมูลค่าและเกิดประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีโครงการเพื่อลดปริมาณมลพิษด้วยการใช้พลังงานสะอาด เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานทดแทน ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าและช่วยลดระดับภาวะแก๊สเรือนกระจกได้ถึง 3,300 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ตลอดจนยังมีโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมและปรับภูมิทัศน์ของชุมชนที่อยู่โดยรอบศูนย์การค้าให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี อย่างเช่น โครงการเซ็นทรัลกรีน (Central Green) และโครงการฟื้นฟูปลูกป่าทั่วประเทศ เป็นต้น

ในด้านสังคม (Social) เซ็นทรัล รีเทล ได้นำเอาทรัพยากรและความรู้ความเชี่ยวชาญทางธุรกิจมาต่อยอดเพื่อสร้างคุณค่าและประโยชน์ร่วมกับชุมชน ด้วยการดำเนินธุรกิจในเชิงคุณภาพที่ตรงกับความต้องการของสังคม โดยให้ความสำคัญทั้งในด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนซึ่งรวมถึงคนพิการ การสนับสนุนการศึกษา และการสร้างรายได้ให้กับชุมชน ด้วยโครงการที่น่าสนใจ เช่น โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนากับสถาบันอาชีวะ เพื่อสนับสนุนการศึกษาของสถาบันอาชีวะให้ผลิตนักศึกษาที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของตลาด การส่งเสริมอาชีพแก่ผู้พิการเพื่อขยายโอกาสและความเท่าเทียมให้ทุกคน ด้วยการก่อตั้งศูนย์คอนแทคเซ็นเตอร์ร่วมกับมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ

ตลอดจนการสร้างรายได้ให้กับชุมชน ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสินค้าท้องถิ่น ที่ไม่เป็นเพียงแค่การสนับสนุนด้านเงินทุนเท่านั้น แต่ยังช่วยเหลือและส่งเสริมเกษตรกรและชาวบ้านตั้งแต่ต้นทางสู่ปลายทางอย่างยั่งยืน อาทิ โครงการ Farmer’s Market ที่นอกจากจะจัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าชุมชนภายในศูนย์การค้าของเครือเซ็นทรัล รีเทลแล้ว ยังมีการแบ่งปันความรู้ด้านการค้าปลีกให้กับเกษตรกร การมีส่วนร่วมในการวางแผนการผลิตสินค้า และการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าของชุมชนให้ดีเยี่ยมและตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชุมชนได้อย่างมั่นคงในระยะยาว รวมถึงโครงการ Big Brother ที่เซ็นทรัล รีเทล ทำหน้าที่เป็น ‘พี่เลี้ยง’ ผ่านการให้คำปรึกษาและถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อพัฒนาธุรกิจรายย่อย นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังดำเนินการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของชุมชน ได้แก่ การปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ผ้าทอของชุมชนนาหมื่นศรีในจังหวัดตรัง พร้อมกับการพัฒนาชุมชนดังกล่าวให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อดึงดูดจำนวนนักท่องเที่ยวและพัฒนาเศรษฐกิจภายในชุมชน เป็นต้น

“จากโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมทั้งหมดที่เซ็นทรัล รีเทลได้เข้าไปพัฒนา รวมแล้วมีจำนวนทั้งหมด 134 โรงเรียน นักเรียนจำนวน 34,890 คน และครูจำนวน 2,091 คน รวมถึงสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนจากการรับซื้อผลิตภัณฑ์จากสินค้าชุมชนซึ่งมีมูลค่า 403 ล้านบาท โดยมีจำนวนผลิตภัณฑ์รวมกว่า 4,650 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพและส่งเสริมรายได้ให้กับ 13,471 ครัวเรือน ในช่วงมกราคม – มิถุนายน 2562” ดร.ประสารกล่าวสรุป

การดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทลอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาล (Governance) ซึ่งยึดถือในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส และเป็นธรรม โดยเซ็นทรัล รีเทลให้ความสำคัญกับหลักธรรมาภิบาล เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดและไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพื่อทำหน้าที่ปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้นรายย่อย รวมถึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยนอกเหนือจากคณะกรรมการบริหาร ได้แก่ คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน และคณะกรรมการนโยบายความเสี่ยง โดยมีนโยบายการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสและมีผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานแต่ละส่วนอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำนโยบายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้พนักงานทุกระดับได้รับทราบแนวทางปฏิบัติและข้อกำหนดเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการดำเนินการที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเกิดทุจริตคอร์รัปชั่น

“จากนี้ไปเซ็นทรัล รีเทลจะยังคงเดินหน้าช่วยเหลือสังคม ยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโดยเน้นหลักธรรมาภิบาลอย่างยั่งยืน รวมถึงต่อยอดผลลัพธ์ให้เพิ่มขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างต่อเนื่อง” ดร.ประสารกล่าวสรุป


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer