ในเมื่อทุกวันนี้เรื่องการสแกนจ่าย ซื้อของ ซื้อสินค้า โดยที่เราไม่ต้องจับเงินสดควักเงินออกจากกระเป๋าสักบาทไม่ใช่เรื่องใหม่ของผู้บริโภคยุคนี้อีกต่อไป
แต่ต้องยอมรับว่าการที่สังคมไทยจะก้าวเข้าสู่ Cashless Society เต็มรูปแบบที่ตั้งเป้าไว้ได้นั้นยังคงต้องใช้เวลาทำการบ้านกันอีกเยอะพอสมควร โดยเฉพาะการขยายสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยให้ครอบคลุมทั้งร้านค้าและในฝั่งของผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด
ภารกิจของ ‘True Point & Pay’ คือการสร้าง Ecosystem ให้เกิด!
หากย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว… กลยุทธ์ของทรูเริ่มเดินเกมขยายฐานรองรับการจับจ่ายในร้านค้ารายย่อยให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชันทรูเถ้าแก่ 4.0 พร้อมดึง “โป๊ป-ธนวรรธน์” ที่กำลังโด่งดังในบทบาทของ “พี่หมื่น” มาเป็นพรีเซนเตอร์หลัก แนะนำให้เจ้าของร้านเปลี่ยนมาเป็นเถ้าแก่ยุคใหม่ ตั้งป้ายรับจ่ายด้วยการสแกน QR Code ไว้ที่หน้าร้านค้า
และในช่วงต่อมา ทรูได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ทรูเถ้าแก่ 4.0 เป็น True Smart Merchant เพื่อเป็นตัวสำคัญสำหรับร้านค้ายุคใหม่ จัดการเรื่องเงินรับจ่าย สรุปยอด ได้รับการโปรโมตร้าน และเข้าร่วมโปรโมชั่นเสริมจากทรูเพื่อเร่งยอดขายได้อีกทาง เน้นโฟกัสไปในฝั่งของร้านค้าเป็นหลักเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรับจ่ายเงินด้วยการสแกนจ่ายให้กับพ่อค้าแม่ค้ายุคใหม่ ขยายจุดรับการชำเงินให้ครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“Ecosystem ของสังคมไร้เงินสดที่แข็งแรงไม่ได้จบแค่ร้านค้ารายย่อยเอาป้ายสแกนมาตั้งหน้าร้านเพียงเท่านั้น”
ที่น่าสนใจคือ โจทย์ต่อไปของทรูคือการทำอย่างไรให้ทั้งผู้ใช้และร้านค้ายินดีที่จะสนับสนุนการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดในรูปแบบของการสแกนจ่าย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการรีเฟรชแบรนด์เป็น True Point & Pay
#ได้กันแน่ๆ
หนังโฆษณาที่กำลังบอกทุกคนว่า สแกนจ่ายผ่าน True Point & Pay มีแต่ได้กับได้!
เพื่อให้ภาพของกลยุทธ์ที่ว่าชัดเจนขึ้น True Point & Pay เลือกส่งหนังโฆษณาเรื่องใหม่ “เห็นใจ” เพื่อเล่าให้เห็นภาพว่าร้านค้าและลูกค้ายุคใหม่ที่เลือกใช้จ่ายผ่าน True Point & Pay นอกจากจะสะดวกสบายแล้ว ยังได้กันทั้ง 2 ฝ่าย “ลูกค้าหนุ่มตี๋คนนี้กับแม่ค้าคนสวยจะได้อะไรบ้าง ลองคลิกดูที่วิดีโอด้านล่างก่อน…
เดี๋ยว Marketeer จะมาเล่าให้ฟังต่อ
ได้กันแน่ๆ เรื่องแรกคือ “ทรูพอยท์” โดยทุกการสแกน จ่ายด้วยทรูมันนี่ วอลเล็ท ผ่าน QR ของ True Point & Pay ทุกๆ การใช้จ่าย 25 บาท จะได้รับทรูพอยท์ ทั้งคนซื้อและเจ้าของร้านค้าสามารถนำไปแลกเป็นสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้อีกต่อ เช่น แลกซื้อหรือใช้เป็นส่วนลดกับร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ บริการเสริมความงาม รวมถึงร้านค้าที่เข้าร่วมรายการกว่า 5,000 ร้านค้า ครอบคลุมทั้งร้านอาหาร ร้านค้าชั้นนำต่างๆ เรียกได้ว่าตอบโจทย์ชีวิตทั้งคนซื้อและคนขายอย่างแท้จริง
ได้กันแน่ๆ ต่อที่ 2 กับแคมเปญ “สแกนแหลก แจกกระจาย” คือ “คนซื้อได้เงินคืน” โดยลูกค้าที่สแกนจ่ายค่าสินค้าและบริการที่ร้านที่มีป้ายสัญลักษณ์ True Point & Pay ครบ 30 บาทขึ้นไป รับเงินคืนทันทีสูงสุด 10 บาท (ครั้งที่ 1-5 รับเงินคืน 5 บาท/รายการ ครั้งที่ 6- 25 รับเงินคืน 10 บาท/รายการ รวมรับเงินคืนสูงสุด 225 บาท/เดือน)
ได้กันแน่ๆ ต่อที่ 3 “ร้านค้าได้ลุ้นรางวัล” เพียงรับชำระผ่าน True Point & Pay ด้วยแอป ทรูมันนี่ วอลเล็ทครบ 30 บาทขึ้นไป/รายการ ก็จะได้ลุ้นรางวัลประจำสัปดาห์ เช่น e-voucher แม็คโคร มูลค่า 10,000 บาท และลุ้นรางวัลประจำเดือน รถยนต์ Isuzu D-Max X-series Cab4 1.9 Ddi Speed จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ Honda Wave 110i จำนวน 25 คัน (ระยะเวลาโปรโมชั่นเริ่มตั้งเเต่วันที่ 1 ก.ย. 62-31 ต.ค. 62)
ทรู เปย์หนักเร่งความถี่ในการใช้จ่าย
แคมเปญนี้มีแต่ Win-Win-Win
สิทธิประโยชน์จากแคมเปญที่ ทรู เปย์ให้ผู้ใช้งานและฝั่งของร้านค้า คุ้มค่ากันแบบ Win-Win กัน 2 ฝ่ายแล้ว อีกหนึ่ง Win ที่สำคัญที่สุดคือการกระตุ้นให้สังคมไร้เงินสดในบ้านเราตื่นตัวด้วยแคมเปญและโปรโมชั่นที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อผู้ใช้งานมีความถี่ในการใช้จ่ายโดยไม่ใช้เงินสดกันมากขึ้นนั่นหมายถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ค่อยๆ ปรับตัวสู่สังคมไร้เงินสดที่สมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“โดยปัจจุบันร้านค้าที่เป็นร้าน True Point & Pay มีมากกว่า 260,000 ร้านค้าทั่วประเทศ พร้อมให้ผู้ใช้งานทรูมันนี่ วอลเล็ท มาร่วมสแกนแหลก แจกกระจาย ได้กันทั้งคนซื้อคนขายจนถึงสิ้นปีนี้”
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญ “สแกนแหลก แจกกระจาย” (ลูกค้า) ได้ที่: https://privilege.trueid.net/
และกฎกติกาลุ้นรางวัลใหญ่ (ร้านค้า) ที่:
https://www.trueyou.co.th/
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



