ผ่านไปแล้วกับการแข่งขันชิงแชมป์บาริสต้าระดับประเทศ THAILAND CREATIVE BARISTA CHALLENGE EPISODE 2 ที่ บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อความสำเร็จจากการประกวดครั้งแรก สร้างการแข่งขันที่เป็นเสมือน “จุดรวมตัวของคนที่มีแพชชั่นเหมือนกัน โดยเปิดโอกาสให้บาริสต้าทั้งไทยและต่างชาติให้มีโอกาสได้ร่วมแสดงศักยภาพอย่างไม่ปิดกั้น และเป็นการส่งเสริมให้บาริสต้าไทยได้พัฒนาฝีมือสู่ความเป็นมืออาชีพระดับสากล ยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟของไทยให้ก้าวไกลระดับโลก

จากการแข่งขันรอบชิงแชมป์ภูมิภาคที่เปิดเวทีประลองฝีมือเพื่อเฟ้นหาตัวแทนบาริสต้าจาก 4 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย ทั้งเชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ พัทยา มาสู่รอบชิงชนะเลิศ 20 คนสุดท้าย ที่ลาน Eden @Central World กรุงเทพฯ ชิงรางวัลใหญ่ เครื่องทำกาแฟ La Marzocco Linea Mini และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท วันนี้ได้ ผู้ชนะเลิศ ได้แก่ นโรดม อ่อนศรี ที่มากับ Signature Drink ชื่อว่า Zero Waste โดยมี ชัยรินทร์​ จิตพิพัฒน์​สกุล และ พงศ์​ธร สีระสา คว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ ซึ่งทั้งสามท่านได้ให้สัมภาษณ์กับ Marketeer เพื่อถ่ายทอดความรู้สึก แรงบันดาลใจ และประสบการณ์ล้ำค่าที่ได้รับจากการประกวดครั้งนี้

นโรดม อ่อนศรี

ปรับปรุงข้อผิดพลาดพัฒนาตัวเองเพื่อตำแหน่งแชมป์

“ผมกลับมาครั้งนี้เพื่อล้างตาในปีที่แล้ว”

นโรดม เปิดเผยกับเราถึงที่มาที่ไปของการมาสมัครประกวดครั้งนี้ ซึ่งหากฉายภาพย้อนกลับไปในปีที่แล้ว ผู้ชายคนนี้ได้ลงฟันฝ่าการแข่งขันตั้งแต่ระดับภาคเช่นเดียวกับในปีนี้ เพียงแต่ภาพตอนจบแตกต่าง เพราะครั้งนี้เขาคือแชมป์คนที่สองของประเทศในการแข่งขัน THAILAND CREATIVE BARISTA CHALLENGE 

“ปีแรกผมลงสมัครมาแล้วได้ที่ 2 ของภาค และได้เข้ามาถึงรอบชิง แต่ตอนนั้นไม่ติด 1 ใน 5 เลย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ว่า ผมต้องพัฒนาตัวเอง และกลับมาสมัครใหม่ในปีนี้

หลังจากที่พลาดในปีที่แล้ว ผมก็ใช้ข้อผิดพลาดครั้งนั้นมาปรับปรุงแก้ไข พัฒนาทักษะด้านต่างๆ ฝึกซ้อมอย่างหนัก โดยวางแผนการซ้อมให้ดี วางโปรแกรมเวลาให้เป๊ะๆ เพื่อให้สามารถเก็บคะแนนได้เยอะๆ โดยใช้ประสบการณ์จากครั้งที่แล้วเข้ามาช่วย และเป็นจุดที่นำพาให้ผมมาได้รางวัลในปีนี้นั่นเอง”

จากวิศวกรพลิกผันสู่บาริสต้าระดับประเทศ

เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจในการเป็นบาริสต้า เราได้คำตอบที่น่าสนใจว่า เส้นทางที่เริ่มต้นไม่ใช่จุดสุดท้ายของปลายชีวิต ตราบใดที่งานนั้นไม่ใช่งานที่เป็นตัวเรา

“เมื่อก่อนผมทำงานเป็น วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ แต่ทำแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเรา เพราะผมไม่ชอบแรงกดดัน ไม่ชอบสภาวะที่ถูกบีบ จนเราเริ่มเบื่องานเลยออกมาเป็นพาร์ตไทม์บาริสต้า พอเริ่มได้ทำก็รู้สึกชอบ โดยเฉพาะกับการได้ทำลาเต้อาร์ต มันสนุกมันอิสระแบบที่เราชอบ ทำแล้วมีความสุข รักงานนี้มากขึ้น จนมาเปิดร้านของเราเอง ต่อยอดจากแรงบันดาลใจนั้น

ส่วนแรงบันดาลใจในการที่ลงสมัครแข่งขันรายการ THAILAND CREATIVE BARISTA CHALLENGE นั้นเริ่มจากได้ดูพี่ๆ ที่รู้จักลงแข่งขัน ได้เห็นขั้นตอนการฝึกฝน ได้ฟังประสบการณ์ดีๆ จากพี่ๆ แล้วดูว่าพวกพี่ๆ เขาเท่ดีจังเลย เลยอยากทำบ้าง ก็เลยลองลงสมัครบ้าง นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของผม”

Zero Waste

Signature Drink สะท้อนตัวตนและปัญหาใหญ่ของโลก

“ผมตั้งใจที่จะนำเสนอการนำวัตถุดิบทุกอย่างในบาร์ที่คนไม่เห็นค่าและถูกนำทิ้งไป แล้วเรานำกลับมาใหม่ทุกอย่างเลย ตั้งแต่ไซรัป หรือเปลือกส้มที่ถูกทิ้งไป ก็นำมา Infused เป็นแนวของเราเอง สร้างวัตถุดิบเหลือใช้ให้มีเรื่องราว”

Zero Waste คือ Signature Drink ที่ได้แรงบันดาลใจจาก ‘ขยะอาหาร’ (Food waste) ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อโลก และเป็นหนึ่งในปัญหาที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ นโรดม นำหลักการ Zero Waste มาออกแบบเมนูใหม่ที่หมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ขยะเหลือศูนย์

“โดยเมนูนี้จะมีส่วนผสมของทั้งกาแฟและแอลกอฮอล์ผสมกัน ซึ่งมันบ่งบอกความเป็นตัวตนของผมได้ชัดเจน คือผมถนัดทั้งสองด้าน โดยที่ร้านผมจะมีทั้งสองอย่างเลย ที่เรียกตามหลักสากลกันว่า Coffee in Good Spirits ซึ่งมันลงตัว มีสองสายอาชีพที่มารวมตัวกันเลย คือ บาริสต้า กับ บาร์เทนเดอร์ ซึ่งเป็นการทำอะไรที่มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มเหมือนกัน มันเป็นตัวผมมากๆ”

การประกวด TCBC ช่วยยกระดับตัวเองและต่อยอดในสายอาชีพ

ต้องขอบคุณเวที THAILAND CREATIVE BARISTA CHALLENGE (TCBC) ที่ให้อะไรกับผมเยอะมาก ทั้งผลักดันตัวผมและสายอาชีพของผม เริ่มตั้งแต่การพัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาเรื่อยๆ ได้รู้ข้อผิดพลาด ตรงไหนไม่ดีก็พัฒนาขึ้นมา ได้พิสูจน์ตัวเองจนกลับมาประสบความสำเร็จในปีนี้ ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าถ้าปีนี้ไม่ได้ก็จะพัฒนาตัวเองต่อไป แล้วกลับมาใหม่ปีหน้า เหมือนปลุกให้ผมพยายามและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งพัฒนาฝีมือ และพัฒนาตนเองด้วย

รางวัลที่ได้รับนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ชนะ นับว่ามีคุณค่ากับผมมากๆ เพราะรายการนี้เป็นการแข่งขันที่ผมยกให้เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้ รวมคนเก่งๆ ของทุกภาคมาไว้ที่นี่ การที่เราได้รับรางวัลนับว่าน่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ก็อยากจะขอบคุณทีม Looper and Co. เพื่อนๆ ที่เป็นหุ้นส่วนกัน ครอบครัว และแฟนที่คอยสนับสนุนกันมาตลอด รางวัลนี้จะทำให้ผมต่อยอดในอาชีพได้อีกมาก อนาคตอาจจะพัฒนาเรื่องสูตรของที่ร้าน แล้วก็เปิดร้านเพิ่มอีกสาขา ก็จะต่อยอดแบบนั้น พัฒนาเมนูให้ดีขึ้นต่อไป”

ชัยรินทร์​ จิตพิพัฒน์​สกุล

เปิดใจอีก 2 สุดยอดบาริสต้าไทยสาย CREATIVE

ชัยรินทร์​ จิตพิพัฒน์​สกุล รองอันดับ 1 เปิดใจกับเราว่าจุดเริ่มต้นที่ได้มาแข่งรายการนี้นั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าของร้าน ที่เข้ามาแข่งรายการนี้เมื่อปีที่แล้ว และได้รางวัลรองอันดับ 1 เหมือนผมในปีนี้ เลยเป็นเหมือนตัวจุดประกายให้กับเรา และพอพี่เขาเห็นศักยภาพของเรา เลยลองถามว่าอยากลงแข่งไหม ผมเลยไม่ปฏิเสธครับ”

ส่วน พงศ์​ธร สีระสา รองอันดับ 2 กล่าวถึงที่มาที่ไปในการลงสมัครเข้าแข่งขันว่าที่ร้านแนะนำให้มาสมัครดู ผมก็ชั่งใจอยู่ เพราะจริงๆ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไร แต่เวทีนี้ทำให้ผมสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดความกลัวของตัวเองไปได้ด้วย ที่สำคัญต้องขอบคุณทีมงานที่ร้านที่เป็นแรงบันดาลใจทำให้ผมมีวันนี้ได้

จุดเริ่มต้นแตกต่าง แต่ปลายทางเดียวกัน

“ผมเริ่มจากความชอบดื่มกาแฟก่อน” ชัยรินทร์ เปิดเผยถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เริ่มต้นอาชีพนี้ “พอชอบดื่มกาแฟก็เริ่มมีโอกาสในการได้ทำกาแฟ พอเรารู้จักได้เริ่มเรียนรู้กับมัน ก็เริ่มสนุกกับมันมากขึ้น เลยทำให้เราสามารถต่อยอดเกี่ยวกับการทำงานสายนี้ไปได้เรื่อยๆ เหมือนเรามีแพชชั่นไปกับมัน”

“แต่ผมชอบในความเท่ ในความดูดีของบาริสต้า” พงศ์​ธร เล่าต่อถึงแรงบันดาลใจในมุมของตัวเอง “เห็นพี่ๆ เขาทำกันแล้วเท่มาก แต่งตัวก็เท่ก็เลยชอบแล้วเริ่มอยากทำบ้าง แต่เอาจริงแล้วต้องฝึกฝน ต้องมีความพยายามอย่างมาก ไม่ใช่ว่ามาถึงแล้วจะได้เป็นบาริสต้าเลย ต้องเริ่มตั้งแต่เสิร์ฟ ล้างแก้ว กว่าที่จะมาเป็นคนชงได้ ต้องเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้น ต้องมุ่งมั่น ซึ่งพอเราทำไปเรายิ่งชอบยิ่งรักมากขึ้น และส่วนตัวผมชอบงานบริการอยู่แล้วด้วย ยิ่งรู้สึกดีใจมีความสุขกับสิ่งที่เราได้ทำ เหมือนเราเป็นศิลปินส่งมอบงานของเราให้กับลูกค้า เหมือนการคิด Signature Drink สักแก้วหนึ่งให้ลูกค้าดื่ม แล้วลูกค้ารู้สึกชื่นชอบ เราก็รู้สึกดีใจ มีแรงผลักดันมากขึ้น”

สมฤดี ย้อนเวลา

Signature Drink บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง

‘สมฤดี ย้อนเวลา แค่เห็นชื่อเมนู Signature Drink ของ ชัยรินทร์ เราก็แอบอมยิ้มมุมปาก พร้อมจินตนาการถึงความสนุกที่ได้สัมผัสจากในแก้วแล้ว

“ผมได้แรงบันดาลใจจากการที่เราคิดถึงช่วงเวลาในอดีต โดยการที่เราอยากหยิบยกพวกขนม ของรับประทานเล่น การละเล่นหรืออะไรที่เราคุ้นเคยหรือเคยพบเจอกันมา มารังสรรค์เป็นเมนูที่สามารถทำให้ทุกคนคิดถึงช่วงเวลาของเราในอดีต บ่งบอกความเป็นตัวตนของผมคือ ความสนุกสนานขี้เล่น ผมชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ชอบคิด ชอบหาอะไรมาดัดแปลง”

พงศ์​ธร สีระสา

ขณะที่ เมนู Passion Shot ของ พงศ์ธร คือความลงตัวของสมุนไพรที่ให้ความสดชื่นในทุกอณู “Signature Drink ของผมจะเป็นช็อตที่น่าหลงใหล โดยผมนำสมุนไพรไทยที่ผมชื่นชอบอยู่แล้ว อย่างว่านหางจระเข้ ซึ่งหาได้ง่าย ได้ทั้งประโยชน์และความอร่อย มามิกซ์กับตัวกาแฟเครซ คาเฟ่ จากเคนยา และเสริมด้วยวอดก้าลงไป ซึ่งวอดก้าที่ผมเลือกใช้นั้นจะช่วยขับให้วัตถุดิบต่างๆ ที่เรานำมาผสมให้มันชัดเจนขึ้นมาอีก ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก มันทำให้ทุกอย่างโดดเด่นขึ้นมาแบบไม่น่าเชื่อ ซึ่งเมนูนี้บ่งบอกความเป็นตัวผมออกมาได้มาก เพราะผมเป็นคนที่รักสมุนไพรไทยมากๆ”

Passion Shot

ขอบคุณการแข่งขันที่ทำให้ข้ามขีดจำกัดของตัวเอง

“เวทีนี้เป็นเวทีแข่งขันเวทีแรกในชีวิตของผม มันทำให้เราข้ามขีดจำกัดของตัวเองไป โดยการที่เราได้กล้าทำอะไรมากขึ้น ได้ซ้อมเยอะขึ้น ได้พัฒนาตัวเองเยอะขึ้น ได้แบ่งปันกับคนอื่นมากขึ้น ไม่ใช่การที่คิดอยู่แค่ตัวเองคนเดียว นอกจากนี้ รายการนี้ค่อนข้างเปิดกว้าง เราสามารถหยิบอะไรมาใส่ก็ได้ ได้พยายาม ได้ทดลอง ซึ่งทำให้สามารถถ่ายทอดความเป็นตัวเราได้มากที่สุด ก็คงนำสกิลและประสบการณ์ที่ได้ไปพัฒนาชีวิตการทำงาน ต่อยอดกับอาชีพในอนาคตต่อไป” ชัยรินทร์ ทิ้งท้ายกับเราถึงสิ่งดีๆ ที่ได้รับจากการแข่งขัน THAILAND CREATIVE BARISTA CHALLENGE EPISODE 2 by Boncafe

เช่นเดียวกับ พงศ์ธร ที่เล่าว่า การประกวดครั้งนี้คือการข้ามขีดจำกัดของตัวเองอย่างแท้จริง “อย่างที่บอกไว้ว่า ก่อนนี้ผมไม่ค่อยกล้าพูด เวทีนี้ทำให้ผมข้ามผ่านความกลัวของตัวเองไปได้ ซึ่งก่อนจะลงสมัคร ผมตั้งเป้าหมายก่อนว่าจะแข่งขันเวทีนี้ ก็เริ่มมีการฝึกฝนฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผมได้สกิลบาริสต้ากับตัวเองเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีความมุ่งมั่นและความพยายามในการฝึกซ้อมเพิ่มขึ้นมากๆ ทำให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นมามาก ซึ่งรางวัลนี้ก็ถือว่าทำให้หายเหนื่อย เราฝึกซ้อมกันมานานหลายเดือน ถือว่าเป็นรางวัลประจำปีเลยก็ได้ อยากจะขอบคุณครอบครัวและทีมงานร้านลมเย็นและร้านนิปปอนที่ช่วยสนับสนุนผมมาโดยตลอดก็จะนำเทคนิคการทำงานบาร์และทักษะที่ได้จากการฝึกฝนดังกล่าว ไปพัฒนาต่อยอดขึ้นไปทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เพื่อต่อยอดกับอาชีพต่อไป ต้องขอบคุณรางวัลนี้ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้กับผมในทุกๆ อย่าง”

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม และภาพการแข่งขันได้ที่

www.facebook.com/boncafetcbc

www.boncafe.co.th



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online