การบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ จึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการโลจิสติกส์ โดยจัดสัมมนา “เจาะลึกเส้นทางสู่ความเป็นเลิศของโลจิสติกส์ไทย” ขึ้นในระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ ห้องแชมเบอร์ โรงแรมเอส 31 สุขุมวิท กรุงเทพฯ

การสัมมนาครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้ให้บริการโลจิสติกส์และผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศที่ตอบรับเข้าร่วมฟังแนวทางการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การบริหารจัดการตามหลักมาตรฐานระดับสากล โดยมีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นสำคัญ 7 ด้าน ได้แก่ 1) ยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ทางธุรกิจ และการนำองค์กร 2) การวางแผนและการปฏิบัติงานด้านโลจิสติกส์ 3) การให้ความสำคัญกับลูกค้าและการตลาด 4) การใช้ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีที่สนับสนุนกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ 5) การให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ 6) การจัดการกระบวนการโลจิสติกส์ และ 7) สมรรถนะและผลลัพธ์ทางธุรกิจ

ภายในงานได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ (ELMA) มาร่วมถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์จริง โดย นายณัฐภูมิ เปาวรัตน์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งได้รับรางวัล ELMA ประจำปี 2552 2554 และ 2555 ให้มุมมองเกี่ยวกับแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจโลจิสติกส์ ภายใต้วิสัยทัศน์ และความเป็นผู้นำ พร้อมแนะเทคนิคบริหารโลจิสติกส์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า ว่า กุญแจสำคัญในการบริหารธุรกิจ คือ ต้องประเมินศักยภาพขององค์กรและวางเป้าหมายให้ตอบโจทย์ธุรกิจ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพของบุคลากร สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการ เน้นเชื่อมโยงเครือข่ายคู่ค้าที่แข็งแกร่งครบวงจร วางแผนทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความพึงพอใจสูงสุด และปรับกระบวนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงทั้งปัจจัยภายในและภายนอกอยู่เสมอ

“การทำธุรกิจต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องมีกลยุทธ์การบริหารจัดการความเสี่ยง ทั้งในด้านการเงิน การปฏิบัติงาน กฎหมาย กฎระเบียบ และยุทธศาสตร์ เพื่อป้องกันหรือลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับองค์กร ลูกค้า และสังคม โดยกระบวนการจัดการความเสี่ยงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจสภาพแวดล้อมขององค์กร ประเมินความเสี่ยง และกำหนดวิธีจัดการที่เหมาะสม จึงจะสามารถควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่รับได้ ซึ่งความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงไม่เพียงส่งผลดีต่อองค์กรเท่านั้น แต่ยังเป็นบริบทที่สร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการทำงานที่ดีในสายตาลูกค้าอีกด้วย” นายณัฐภูมิ กล่าว

ด้าน นายราชันทร์ ชัยวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและปฏิบัติการโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการพิจารณารางวัล ELMA ได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า “การกำหนดวิสัยทัศน์เป็นสิ่งสำคัญและต้องทำได้จริง โดยจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลรอบด้าน ทั้งจากการวิเคราะห์องค์กร การสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า การศึกษาแนวโน้มตลาด ความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งโครงการประกวด ELMA ถือเป็นเวทีที่ช่วยให้ผู้ประกอบการได้เห็นหลักเกณฑ์ที่มีมาตรฐาน สามารถนำไปใช้ประเมินสถานการณ์ของธุรกิจตนเอง เพื่อกำหนดวิสัยทัศน์และแนวทางการให้บริการที่มีคุณภาพ ช่วยยกระดับการให้บริการที่มีมาตรฐาน เพิ่มความเชื่อมั่นและสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าในระยะยาว”

อีกหนึ่งหัวข้อที่น่าสนใจ คือ เรื่องการเปลี่ยนกระบวนทัศน์โลจิสติกส์ยุคใหม่สู่ความเป็นเลิศ ซึ่ง ดร.ชุมพล สายเชื้อ เลขาธิการสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการพิจารณารางวัล ELMA ได้สะท้อนมุมมองให้เห็นถึงสถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจบริการโลจิสติกส์ที่มีบริษัทข้ามชาติเข้ามาชิงตลาดจากผู้ประกอบการไทยมากขึ้น โดยใช้ความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีและเครือข่ายที่เชื่อมโยงทั่วโลก

“อุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังก้าวไปสู่การเป็นโกลบอลแวลูเชนที่มีบริการครบวงจร ลูกค้าต้องการผู้ให้บริการที่มีมาตรฐาน มีเครือข่ายในหลายประเทศ และสามารถให้บริการได้จากทั่วโลก ถือเป็นจุดพลิกผันที่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยต้องปรับตัวให้พร้อมรองรับการแข่งขัน โดยพัฒนาตนเองควบคู่ไปกับการสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบทางธุรกิจ ซึ่งการประกวดรางวัล ELMA ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการยกระดับคุณภาพ  และเพิ่มขีดความสามารถอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยหลักเกณฑ์ที่ได้มาตรฐานเทียบเท่าสากล ครอบคลุมทุกองค์ประกอบของการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการจะได้รับประโยชน์มากกว่ารางวัลการันตีคุณภาพ แต่ยังได้รู้แนวทางเสริมจุดแข็ง แก้ไขจุดอ่อน และวางกลยุทธ์สู่เป้าหมายความสำเร็จ” ดร.ชุมพล สายเชื้อ

ขณะเดียวกัน นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในฐานะเจ้าของรางวัล ELMA ประจำปี 2559 ว่า “รางวัล ELMA มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เนื่องจากการได้ทำ Self-Assessment ประเมินสถานการณ์และประเมินตนแบบเจาะลึกทุกแง่มุมอย่างชัดเจน นำไปสู่การวางแผนธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว ผลักดันให้บริษัทประสบความสำเร็จในการก้าวไปสู่เป้าหมาย คือ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร (Solution Provider) ที่มีเครือข่ายธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก สามารถให้บริการทั้งนำเข้า ส่งออก บริการด้านพิธีการศุลกากร การขนส่งในประเทศ และคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญ ELMA ยังเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและเลือกใช้บริการลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถยืนหยัดในเวทีการแข่งขันทางการค้าได้อย่างมั่นคง”

สำหรับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่สนใจเข้าร่วมประกวดรางวัล ELMA ประจำปี 2561 สามารถค้นหาข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ http://www.tilog-logistix.com  สมัครได้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน – 8 มิถุนายน 2561



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online