เวลากาแฟ/วิรัตน์ แสงทองคำ

ในบางเส้นทาง บางเวลา คอกาแฟควรทำตัวเองให้เล็ก และอ่อนน้อมถ่อมตนกว่าที่เคย

อย่างที่ว่า “กักตัวอยู่บ้านยิ่งนานวัน ยิ่งคิดถึงการเดินทาง” เมื่อสถานการณ์เป็นใจ การเดินทางครั้งใหม่จึงเปิดฉาก จากจุดเชื่อมเล็ก ๆ แต่ยาวไกลพอสมควร

ราว ๆ 2 ทศวรรษมาแล้ว แถว ๆ สวนพริก และ ลุมพลี ชุมชนนอกเกาะเมืองกรุงเก่า ทางทิศเหนือจรดตะวันตกเฉียงเหนือ ภาพหนึ่งกระตุ้นความสนใจ ชายเลยวัยกลางคนนุ่งผ้าขาวม้า ก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรสักอย่าง ที่ที่ควันไฟบางเบาฟุ้งขึ้นฟ้าไม่ขาดสาย

ด้วยบทสนทนาแบบคนกันเองจึงได้ความ งานทำมือจากคลุกดินโคลนก่อรูปร่างเป็นก้อน ตากแดดอีกพักใหญ่ ไปจบที่เตาเผาแบบดั้งเดิม เป็นไปอย่างช้า ๆ และเรียบง่าย แท้จริงเป็นชิ้นส่วนของงานใหญ่ ตามออเดอร์เฉพาะของกรมศิลปากรเพื่อใช้บูรณะโบราณสถานอยุธยา

และแล้วอิฐอยุธยาบางส่วนได้เดินทางต่างออกไป มายังบ้านหลังเล็กชานกรุงเทพฯ มีส่วนให้สวนมีสไตล์ มีวิญญาณ และมีชีวิต ไม่เพียงสะท้อนสีสันที่แตกต่างตามฤดูกาลอย่างหน้าฝนดังภาพที่เห็นและเป็นอยู่ (ภาพ 1) หากเชื่อมโยงจินตนาการของผู้คนให้กว้างและไกลยิ่งขึ้น

ภาพ 1

เชื่อมต่อสู่เรื่องราวยิ่งใหญ่อย่างเหลือเชื่อ กับซีรีส์คุณภาพที่เพิ่งชม ตั้งใจให้ภาพ 5 ศตวรรษก่อน เกี่ยวกับ เมืองนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สารคดี The Mark Of Empire โดย Channel NewsAsia (cna) แห่งสิงคโปร์ ให้ความสำคัญนำเสนอตอนแรก (Ep 1) เรื่อง Ayutthaya (3 พฤษภาคม 2562) สัมพันธ์กับมุมมองใหม่ประวัติศาสตร์อยุธยา แตกต่างจากแบบเรียนที่น่าเบื่อ โดยเฉพาะกับหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งทรงอิทธิพลระดับนานาชาติ A History of Ayutthaya: Siam in the Early Modern World (Cambridge University Press, July 2017) โดย Chris Baker และ ดร. ผาสุก พงษ์ไพจิตร งานชิ้นสำคัญแห่งยุคสมัย กับแนวความคิดเชิงสรุปอย่างเป็นจริง “Early European visitors placed Ayutthaya alongside China and India as the great powers of Asia.”

ในบางฉากย่อย ๆ Channel NewsAsia ได้นำเสนอเรื่องราวและร่องรอยอิฐอยุธยา ว่ายังอยู่มายาวนาน จากชิ้นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ในภารกิจสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ สู่บทบาทใหม่ในเมืองมรดกโลก

อันที่จริงมิได้มีเพียงแค่นั้น แม้อาณาจักรล่มสลายไปแล้ว ทว่าอยุธยายังคงอยู่ในจินตนาการแห่งยุคสร้างกรุงเทพฯ ด้วยนัยและพยายาม รื้อฟื้นความเป็นอยุธยา ขึ้นใหม่ อิฐได้ซ่อนอยู่ในนั้น หลาย ๆ คนรู้จากเรื่องเล่า การเคลื่อนย้ายอิฐในซากปรักหักพัง จาก“กรุงเก่า” มายังราชธานีใหม่ เป็นไปไม่ขาดระยะ ไม่ว่าการสร้างป้อมค่าย กำแพงวัง หรือปราสาท ฯลฯ สำหรับคนกรุงเทพยุคต้น การรื้ออิฐจากอยุธยามาสร้างกรุงเทพฯ จึงไม่ใช่การทำลายโบราณวัตถุสถาน หากเป็นการทำลายสิ่งนั้น เพื่อมาสร้างสิ่งนั้นเองในสถานที่ใหม่ นักประวัติศาสตร์ไทยว่าไว้อย่างจับใจ (ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ ในสารคดีชุด “อยุธยาที่ไม่รู้จัก” ทางไทยพีบีเอส (เผยแพร่ครั้งแรก สิงหาคม 2560 ซึ่งสามารถชมย้อนหลังได้)

จากจินตนาการสู่การเดินทางที่เป็นจริง ตามเส้นทางขับรถจากกรุงเทพฯ เมื่อเข้าเขตอยุธยา เพิ่งผ่านย่านประตูน้ำพระอินทร์ ข้างทางมีร้านกาแฟ Starbucks สถาปัตยกรรมอิฐแดงเอกลักษณ์เมืองโบราณ ดูโดดเด่นเห็นแต่ไกล นับเป็นจุดปะทะแรก ๆ ภาพพลวัตแห่งจินตนาการปะทุปะทะต่อไปตลอดเส้นทาง ร่องรอยชุมชนเกษตรกรรมดั้งเดิมที่ราบลุ่มเจ้าพระยา “อู่ข้าวอู่น้ำ” ผ่านสู่ยุคส่งออกข้าว มาถึงอีกยุค ดูจะเป็นไปอย่างเงียบ ๆ หากไม่มีภาพอันตกตะลึง เมื่อเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 รถยนต์ญี่ปุ่นหลายร้อยคันจมอยู่ในน้ำ พร้อม ๆ กับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งที่มีโรงงานญี่ปุ่นอยู่ในนั้นมากกว่า 300 แห่ง

ช่างบังเอิญ เมื่อเดินทางเข้าสู่เกาะเมืองเก่า ก่อนเข้าเขตอุทยานประวัติศาสตร์ไม่กี่ร้อยเมตร อาคารศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา อยู่ที่นั่นด้วย ประหนึ่งเป็นหน้าด่านการต้อนรับ เท่าที่รู้ก่อตั้งด้วยเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อ 3 ทศวรรษที่แล้ว ช่วงเวลาเดียวกับโรงงานญี่ปุ่นค่อย ๆ ผุดขึ้นรอบนอก

 

มาถึงในช่วงสาย ๆ ใช้เวลาพักชั่วครู่ ณ ตึกแถว ตกแต่งภายในแบบ Minimal อิทธิพล Nordic style ตามกระแสและแบบฉบับร้านกาแฟพวก Startup (ภาพ 2, 4) มีชั้นวางโชว์อย่างตั้งใจอุปกรณ์ทำกาแฟมีดีไซน์แบรนด์ KINTO แห่งญี่ปุ่น (ภาพ 3) ขณะข้างนอกปรากฏฉากตัดกันด้วยโบราณสถานอย่างตื่นตา (ดูคลิป)วัดราชบูรณะ จุดตั้งต้นตามโปรแกรมเยือนอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา รวมทั้งเปิดโฉมหน้าอันยิ่งใหญ่แท้จริงของอิฐอยุธยาด้วย คราวนี้ดูจะเข้าถึงได้มากกว่าการมาเยือนครั้งก่อน ๆ คงมีส่วนมาจากหนังสือและซีรีส์ (อ้างข้างต้น) ได้เติมแต่งและปูพื้นไว้ให้

ภาพ 2
ภาพ 3
ภาพ 4

คั่นเวลาด้วยมื้อกลางวัน เดินผ่านฉากอิฐแบบใหม่ พอจะมีกลิ่นอายเชื่อมระหว่างยุค ณ บ้านไทยสมัยใหม่ ผลงานลูกหลาน ปรับโฉมบ้านเก่าบ้านเกิด ของบรรพบุรุษ ที่อยู่อาศัยใช้ชีวิตสัมพันธ์อย่างไม่แปลกแยกกับเมืองโบราณ ให้กลายมาเป็น Cafe ใน Gallery เข้ากับยุคสมัยและกระแสท่องเที่ยว ให้เล่าเรื่องกรุงเก่าบางมิติอย่างมีสีสัน หลากหลายและร่วมสมัยมากขึ้น (ภาพ 5-6)

ภาพ 5
ภาพ 6

มาถึงที่พักตอนบ่าย ในช่วงเวลาแดดค่อนข้างร้อน พักผ่อนสักพัก บ่ายคล้อยค่อยเดินทางสู่อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา เป็นตอนต่อ

ทางเข้าแคบ ๆ เดินผ่านกำแพงอิฐสูงสู่ฉากแกลเลอรีประดับงานศิลปะและเครื่องถ้วยสมัยอยุธยา ดูละลานตา (ภาพ 7-8) ก่อนจะเข้าไปสู่สถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย ซึ่งซ่อนตัว ณ ริมน้ำ ในมุมและทำเลมองเห็น วัดพุทไธศวรรย์ อยู่ฝั่งตรงข้ามเจ้าพระยา ยิ่งเวลากลางคืน ความงามจากแสงและเงาปรางค์ประธานแบบขอม สะท้อนผิวน้ำ เป็นฉากหาชมไม่ได้ หากไม่ค้างอยุธยาสักคืน (ภาพ 9) เข้าจังหวะกับห้วงจินตนาการ เชื่อมโยงประวัติศาสตร์กับยุคสมัยใหม่ สะท้อนเรื่องราวอย่างเข้าถึงไปอีก ในห้องพัก ออกแบบอย่างเจาะจงให้เข้ากับพื้นเพภูมิหลังตัวละครหลายเชื้อชาติ บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ไม่ว่า Chin Chantu, Constantine Phaulkon หรือ Yamada Nagamasa

ภาพ 7
ภาพ 8
ภาพ 9

แล้วก็มาถึงปิดท้ายทริปด้วย “เวลากาแฟ” (ภาพ 10) ชิ้นส่วนเศษเสี้ยวพอจะแทรกตัวอยู่ได้

ภาพ 10


อ่าน “เวลากาแฟ” ครบทุกตอนที่นี่


วิรัตน์ แสงทองคำ คอลัมนิสต์ ธุรกิจอิสระ ด้วยวัตรปฏิบัติ 4 ทศวรรษกับผลงานนับพันชิ้น งานบางส่วนปรากฏใน https://viratts.wordpress.com/และ https://www.facebook.com/วิรัตน์-แสงทองคำ เบื้องหลังฉาก “เวลากาแฟ” ดำเนินไปเป็นกิจวัตร ด้วยเรื่องราวและความคิดที่แตกต่าง เพิ่งจะเปิดสู่วงกว้างครั้งแรก @Marketeer online


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer