GrabExpress บริการรับ-ส่งของด่วนที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ? (รีวิว)

ด้วยบริการที่หลากหลายจาก Grab มอบประสบการณ์ความสะดวกสบายให้กับคนใช้อย่างเรา ๆ มากมายหลายรูปแบบ อาทิ หิวก็เรียกแกร็บฟู้ดให้มาส่งเมนูเด็ดได้ถึงบ้าน หรือจะไปไหนมาไหนก็เรียกแกร็บคาร์ แกร็บไบค์ (วิน) ได้ตลอดเวลา

นอกจากนั้น แกร็บยังมีบริการ GrabExpress บริการรับ-ส่งของด่วน  ในรูปแบบ “ออนดีมานด์” ซึ่งคือบริการส่งด่วนแบบตามสั่ง พร้อมรับ-ส่งของถึงหน้าประตูได้ทุกที่ ตลอด 24 ชั่วโมง และจัดส่งถึงที่ภายใน 40 นาที*

ครอบคลุมสินค้าแบบทุกไซส์ ตั้งแต่เอกสารหรือของชิ้นเล็ก ๆ ที่สามารถส่งด้วย มอเตอร์ไซค์GrabExpress (Bike) หรือของไซส์ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เป็นกล่องเป็นลัง หรือของที่ต้องการการทะนุถนอมเป็นพิเศษ​ ต้องได้รับการปกป้องจากสภาพอากาศ​ เช่น ฝนตกก็สามารถเลือกส่งด้วย รถยนต์GrabExpress (Car) หรือ บรรทุกด้วย รถปิ๊กอัพGrabExpress (Pick-up) ที่บรรทุกน้ำหนักได้สูงสุดถึง 300 กก.

“ข้อได้เปรียบของ GrabExpress ที่เปิดให้บริการมาพักใหญ่ในไทย คือการมีฐานไรเดอร์หรือคนขับรถที่เป็นพาร์ตเนอร์กับแกร็บจำนวนมากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ประจำอยู่แทบทั่วหัวมุมถนนทั้งในกรุงเทพฯ เขตชานเมือง รวมถึงหัวเมืองหลักทั่วประเทศ”

ทำให้ไม่ต้องฝ่าแดด ฝ่าฝน ฝ่ารถติด เพื่อนำสิ่งของ สินค้า หรือเอกสารของเราไปส่งด้วยตัวเองแล้ว แถมยังช่วยประหยัดเวลาได้ตั้งแต่ขั้นตอนเรียกใช้งาน

โดยทางGrabExpressระบุว่าจะสามารถส่งคนขับไปรับถึงหน้าบ้าน หน้าออฟฟิศ ได้ภายใน 10 นาที และส่งของถึงที่หมายได้ภายใน 40 นาที ในช่วงระยะทางเฉลี่ย 15 กิโลเมตร

เเละสามารถคำนวณราคาค่าส่งได้ตั้งแต่กดเรียก ซึ่งราคาเริ่มต้นเพียง 40 บาท และวางใจได้ด้วย ฟีเจอร์ติดตามของที่เราส่งออกไปเเบบเรียลไทม์ เช็กได้บนเเอปฯ ตลอดเวลา

รวมถึงมี ประกันการส่งสินค้าที่ 5,000 บาท สำหรับ GrabExpress (Bike) เเละ 10,000 บาท สำหรับGrabExpress (Car) และGrabExpress (Pick-up) ต่อการจัดส่งแต่ละครั้งอีกด้วย

 

ทดสอบจริงจะได้รู้ว่าสะดวกแค่ไหน!?

เพื่อให้เห็นภาพ Marketeer จึงได้ลองทดสอบใช้งานจริงเพื่อให้รู้ถึงขั้นตอนการใช้งานรวมถึงประสบการณ์ในการใช้งานจริง โดยเลือกส่งของผ่านGrabExpress (Bike) และGrabExpress (Car) 2 บริการหลัก ๆ ที่น่าจะเหมาะกับทั้งบริษัท ห้างร้าน คนทำงานออฟฟิศ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในยุคนี้

ก่อนอื่นต้องเริ่มจากเปิดแอป Grab แอปเดียวกับที่เราเรียกรถและสั่งอาหาร และเลือกไปที่เมนู ‘Delivery หรือ ส่งของ’

หลังจากนั้นก็กำหนดจุดที่ให้GrabExpressมารับ และปลายทางพร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบถ้วน

โดยเราเลือกส่งของขวัญไปเซอร์ไพรส์คนพิเศษ ด้วยบริการGrabExpress (Bike) มอเตอร์ไซค์ ของที่ส่งเป็นถุงขนมเล็ก ๆ และกล่องของขวัญชิ้นไม่ใหญ่

ส่วนอีกหนึ่งกล่องเป็นเอกสารกล่องใหญ่และซองอีกหนึ่งซองใหญ่ จึงเลือกGrabExpress (Car) แบบรถยนต์เพื่อได้มีที่วางมากพอ

เมื่อกำหนดรายละเอียดของ ผู้ส่ง ผู้รับ เลือกประเภทรถที่จะส่งเรียบร้อยแล้ว GrabExpressจะประเมินราคาได้แบบก่อนส่ง โดยคำนวณจากระยะทาง ขนาดสินค้า และน้ำหนัก ให้อัตโนมัติ

(สามารถเช็กรายละเอียดการคำนวณราคาค่าส่ง เพิ่มเติมได้ที่ https://www.grab.com/th/express/)

สำหรับของขวัญที่เราเลือกสั่งผ่านGrabExpress (Bike) และกล่องเอกสารใหญ่ด้วย GrabExpress (Car)

หลังจากกดเรียกออเดอร์ไป (ต้นทางวงเวียนใหญ่) มีไรเดอร์จากแกร็บกดรับงานทันที รวมถึงมีการโทรคอนเฟิร์มสถานที่รับ และรอไม่เกิน 2 นาทีก็มารับของ พร้อมกับถ่ายรูปสินค้าก่อนนำไปส่ง 1 รอบ

จากการสอบถามไรเดอร์ว่าทำไมถึงมารับออเดอร์รวดเร็วขนาดนี้… พี่คนขับตอบว่า

“ปกติวิ่งรับงานย่านนี้เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะมีทั้งร้านอาหารเยอะ รวมถึงตึกออฟฟิศตั้งอยู่ด้วย ทำให้ได้งานทั้งส่งอาหารและส่งของสลับกันไปทั้งวัน”

ที่สำคัญเลยในระหว่างการจัดส่งของให้กับเรานั้น ทั้งคนส่งและคนรับ ยังสามารถกดติดตามออเดอร์ของเราได้แบบเรียลไทม์ เช็กได้ว่าถึงไหนผ่าน ลิงก์ที่ถูกส่งไปยัง Inbox บนแอป Grab ได้ตลอดเวลา ซึ่งสะดวกทั้งคนส่งและคนรับในการคำนวณเวลา และอุ่นใจว่าของที่เราส่งไปถึงปลายทางอย่างปลอดภัย

และเมื่อสินค้าถึงมือผู้รับจะมีการเตือนเพื่อยืนยันว่า ของที่ส่งถึงมือผู้รับเรียบร้อย แสดงชื่อผู้รับ และภาพสินค้าก่อนที่จะยื่นให้กับมือปลายทางอีกด้วย

 

ผลการทดสอบ

GrabExpress(Bike) ใช้เวลาเดินทางในการส่งสินค้าระยะทาง 4.3 กม. รถติดมาก แต่ใช้เวลาเพียง 9 นาที ราคา 72 บาท
(เมื่อเทียบกับเวลาที่ Google Map ระบุหากต้องขับรถไปส่งเองต้องใช้เวลาไปกลับรวมร่วม 30 นาทีเลยทีเดียว)

สำหรับGrabExpress (Car)  ใช้เวลาเดินทาง 12 กม. รถติดไม่มาก ใช้เวลาเดินทาง 28 นาที ราคา 256 บาท
(เมื่อเทียบกับเวลาที่ Google Map ระบุว่าหากต้องขับรถไปส่งเอง ต้องใช้เวลาไปกลับรวม 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย)

ในเเง่ของความคุ้มค่า อย่างเเรกเลยคือเราไม่ต้องเสียทั้งเวลา เสียค่าน้ำมันรถไปกลับ รวมถึงเสียอารมณ์กับรถติด ๆ ในกรุงเทพ

เเละที่สำคัญบริการGrabExpressยังสามารถเรียกใช้บริการส่งของได้พร้อมกันถึง 10 คัน เเม่ค้าออนไลน์กดเลิฟให้เเน่นอน เเละยังรวมถึงในเเต่ละครั้งที่เรียกยังกำหนดปลายทางได้หลายสถานที่ (Multiple stops) ที่ให้คนขับ drop-off พัสดุได้สูงสุด 5 จุดต่อการเรียก 1 คัน

สรุป

นอกจากเรื่องความสะดวกสบาย ที่เราแทบไม่ต้องเดินออกจากรั้วบ้านหรือเต็มที่ก็เดินออกไปหน้าออฟฟิศก็สามารถส่งของไปให้กับลูกค้าหรือใครก็ตามในเวลาอันรวดเร็วแล้ว

พอมาบวกลบคิดคำนวณ ค่าน้ำมัน ค่าเสียเวลา หากคิดจะไปส่งด้วยตัวเอง GrabExpress ก็ดูเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า หากเซฟเวลาตรงนี้ได้ ก็สามารถเอาเวลาไปเคลียร์งานอย่างอื่นหรือรับออเดอร์รับลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่ม เพียงเท่านี้ธุรกิจหรืองานที่ทำก็ลื่นไหล ชีวิตก็สะดวกขึ้นอีกเยอะ!

 

สามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริการ GrabExpress ได้ที่: http://www.grab.com/th/express/

รวมถึง GrabExpress เพื่อธุรกิจ ลงทะเบียนรอการติดต่อกลับได้ที่นี่: http://www.grab.com/th/express/business/

#GrabExpressTH #GrabTH

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 

 

 

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer