นับเป็นข่าวดีอย่างมากกับแคมเปญของ เครื่องดื่มตราช้าง หนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องดื่ม (Beverage Industry) ที่เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ “Recyclable Pack” ที่ตอบโจทย์การนำกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อชูแนวคิดเรื่องความยั่งยืนขององค์กร รณรงค์ให้เกิดพฤติกรรมการใช้ซ้ำและทิ้งให้ถูกที่ อันเป็นหัวใจของการลดขยะเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
4 ประเด็นที่น่าสนใจของแคมเปญนี้คืออะไร Marketeer พาไปชมพร้อมกัน
1. ครั้งแรกกับ ช้าง “Recyclable Pack” บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
ช้างได้หยิบ “ช้าง โคลด์ บรูว์” หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดี และมีภาพลักษณ์พรีเมียมโดนใจกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ มาปรับโฉมเป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ “ช้างโคลด์ บรูว์” Recyclable Pack ที่นอกจากจะมีรูปลักษณ์สวยงาม ทันสมัย และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าแล้ว ยังมาพร้อมแนวคิดเรื่องความยั่งยืน ด้วยจุดเด่นการสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าเห็นถึงความสำคัญของการนำกลับมา “ใช้ซ้ำ” และ “ทิ้งให้ถูกที่” ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญของการลดขยะ ที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยวางจำหน่ายแล้วจำนวน 100,000 ชิ้น ที่ร้านสะดวกซื้อ (7-Eleven) ทั่วประเทศ
2. ทิ้งที่ไหน? แค่สแกน QR Code รู้พิกัดจุดคืนทันที
ยกระดับความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดย ช้าง ร่วมมือกับพันธมิตร ได้แก่ วน และ พรีเชียสพลาสติก (Precious Plastic) พัฒนาเป็นเว็บไซต์ Bring Back Recycle (www.bringbackrecycle.com) เพื่อระบุพิกัดจุดคืนบรรจุภัณฑ์ (Drop point) ที่มีมากถึง 439 จุด
โดยทุกบรรจุภัณฑ์ของ ช้าง Recyclable Pack จะมีการวาง QR Code เอาไว้ เพียงสแกนแผนที่จุดคืนบรรจุภัณฑ์ก็จะแสดงขึ้นมา ให้ลูกค้าทุกท่านสามารถทิ้งได้อย่างถูกที่ ถูกวิธี และจะถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อนำไปสู่การนำไปรีไซเคิลได้อย่างถูกวิธีต่อไป รวมถึงการเพิ่มมูลค่าด้วยการผลิตเป็นสินค้าชนิดอื่น เพื่อเป็นการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และลดผลกระทบของบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคต่อสิ่งแวดล้อม
3. ให้ “การรีไซเคิลเป็นเรื่องใกล้ตัว” พร้อมกระตุ้นภาคธุรกิจร่วมรับผิดชอบต่อสังคม
การดำเนินการครั้งนี้ของช้าง มาจากความตั้งใจที่จะนำร่องเป็นก้าวแรกในฐานะภาคธุรกิจร่วมรับผิดชอบต่อสังคมด้วยบรรจุภัณฑ์ใหม่ ที่จะทำให้ “การรีไซเคิลเป็นเรื่องใกล้ตัว” และมีแผนที่จะวาง QR Code แสดงจุดคืนบรรจุภัณฑ์ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของเครื่องดื่มตราช้าง ต่อไป
ณรัชฏ์ วัชรเพชร์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มตราช้าง อธิบายเสริมถึงเรื่องนี้ว่า
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น โดยหลังจากการ Launch บรรจุภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว เรามีแผนที่จะวาง QR Code ที่แสดงจุดคืนบรรจุภัณฑ์ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของเครื่องดื่มตราช้าง โดยคาดหวังว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้และคัดแยกขยะของกลุ่มลูกค้า (End Consumer) อย่างชัดเจน”
นอกจากนี้ คุณณรัชฏ์ยังกล่าวเสริมว่า โครงการนี้จะสามารถดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืนจนเห็นผลลัพธ์ดังกล่าวได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ธุรกิจขนาดใหญ่ ไปจนถึงธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SME ทั่วประเทศ
แนวคิดเรื่องความยั่งยืนไม่ควรเป็นเพียงแค่เทรนด์ในสังคม หรืออยู่ในความรับผิดชอบของคนเฉพาะกลุ่ม แต่ควรเป็นหนึ่งในเป้าหมายของทุก ๆ องค์กร เหมือนเป็นอีกหนึ่ง New Normal ที่ทุกคนควรเปลี่ยน และทำมันอย่างยั่งยืน”
4. ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืนของ “ไทยเบฟ”
ที่ผ่านมา เครื่องดื่มตราช้างให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึดหลักแนวคิดเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทาง ของ “ไทยเบฟ” ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ พร้อมดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมผ่านแนวทางหลัก ได้แก่
การบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์: เพื่อลดปริมาณของเสียที่ต้องกำจัด และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไทยเบฟ และบริษัทในเครือ ดำเนินการภายใต้หลัก 3Rs ได้แก่
- Reduce การลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ ขวด PET กระป๋องอะลูมิเนียม และยังช่วยลดภาวการณ์โลกร้อน หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ที่ใช้กระบวนการย่อยตามเกณฑ์ที่กำหนด
- Reuse การนำกลับมาใช้ซ้ำ โดยนำบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคกลับมาใช้ซ้ำในกระบวนการผลิต เช่น ขวดแก้ว ซึ่งในปี 2564 ตั้งเป้าไว้ 80% ของยอดขายทั้งหมดที่จะนำกลับมาใช้ให้ได้มากที่สุด
- Recycle การนำบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคกลับมาใช้ใหม่ โดยนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต อาทิ ขวดแก้ว นำมาบดแล้วนำกลับมาใช้ใหม่, ขวดพลาสติกใส (ขวด PET) นำมาแปรรูปเป็นเม็ดโพลีเอสเตอร์ผลิตเป็นเส้นใยถักทอเป็นผืนผ้า
การให้ความสำคัญในการคัดแยกขยะ: โดยนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ โดยเริ่มต้นจากภายในองค์กรของไทยเบฟ และบริษัทในเครือ ให้พนักงานได้มีส่วนร่วมคัดแยกขยะในสำนักงาน
นอกจากนี้ ยังจัดตั้งโครงการคัดแยกขวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ยกตัวอย่างโครงการ Can 2 Can : การเก็บกระป๋องเครื่องดื่มอะลูมิเนียมจากผู้บริโภคกลับมาคัดแยก แล้วนำไปสู่กระบวนการรีไซเคิล ซึ่งในปี 2563 สามารถเก็บกระป๋องอะลูมิเนียมกลับมาได้ทั้งสิ้น 1,256 ตัน (89 ล้านใบ) หรือ 21% ของปริมาณทั้งหมดที่บริษัทจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงการนำขวดแก้วกลับมาหมุนเวียนเพื่อใช้ซ้ำและรีไซเคิลถึง 82%
รายละเอียดเพิ่มเติม www.changworld.com
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ