เป็นประจำทุกปีที่ Forbes Media ต้องทำการวัดอุณหภูมิ ความรวยของ อภิมหาเศรษฐีไทย โดยใช้หลักเกณฑ์การจัดอันดับด้วยข้อมูลทางการเงินและการถือครองหุ้นในบริษัทต่างๆ รวมถึงทรัพย์สินของครอบครัวและทรัพย์สินที่ถือครองโดยสมาชิกครอบครัวในหลายรุ่น

มาดูกันว่าคนที่คุณคิด เขาจะติดอยู่อันดับที่เท่าไร 

 

ใน 10 รายชื่อที่เราได้มาอยู่ในมือมี อภิมหาเศรษฐี อยู่ถึง 4 คนเลยทีเดียว ที่เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร แล้วทำไมถึงได้รวยพีคเวอร์ขนาดนี้

Marketeer จึงหยิบนำข้อมูลเล็กๆ ว่า อภิมหาเศรษฐี 4 คนนี้เขาทำธุรกิจอะไร

อันดับ 6 กฤตย์ รัตนรักษ์ : เขาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจไทยที่โดดเด่น โดยเริ่มทำงานธนาคารกรุงศรีอยุธยาปี พ.ศ. 2515 และขึ้นเป็นประธานกรรมการปี พ.ศ. 2525

ปี พ.ศ. 2536 เขาขึ้นเป็น CEO ธนาคารและประธานบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด และ ประธานบริษัท สยามซิตี้ ซิเมนต์ จำกัด และ ประธานบริษัท ศรีอยุธยาประกันภัย จำกัด

ปัจจุบันเขาลาออกจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา และดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด และเป็นประธานกรรมการสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 มีหุ้นใหญ่ในบริษัทมีเดีย ออฟ มีเดียส์ และ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง เป็นต้น

อันดับ 7 สารัชถ์ รัตนาวะดี  : เขาคนนี้คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ (Holding Company) มากมายและส่วนมากจะถือหุ้นใหญ่เสียด้วย

โดยกลุ่มบริษัทที่เข้าไปถือหุ้นคือ กลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเย็น และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้สถานะตอนนี้ของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) คือเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่สุดของประเทศไทย

อันดับ 9 Aloke Lohia : ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเคมี มีการผลิต เส้นใยสังเคราะห์, PET โพลิเมอร์, กรด terphthalic บริสุทธิ์(PTA) และขนแกะ

โดยบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของผู้ผลิตโพลีเอสเตอร์ของโลกและเป็นผู้ผลิตเส้นด้ายขนสัตว์ชั้นนำของโลก

อันดับ 10 วานิช ไชยวรรณ : ในอดีตเขาได้เข้าไปซื้อกิจการของ บริษัท ไทยประกันชีวิต ซึ่งต่อมาเติบใหญ่จนกลายเป็นฐานให้เขาขยายไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ มากมายด้วยการเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทต่าง จนตอนนี้มีถึง 6 สายธุรกิจ

ประกอบไปด้วย สายประกันภัย, สายการเงิน, สายอุตสาหกรรมและเครื่องดื่ม. สายโบรกเกอร์ประกันภัย และสายอสังหาริมทรัพย์ รวม 18 บริษัท คิดเป็นสินทรัพย์รวมเมื่อสิ้นปี 2538 ทั้งสิ้น 64,272 ล้านบาท โดย 90% เป็นสินทรัพย์ของสายธุรกิจประกันภัยและสายการเงิน


อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer