ระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศขนาดเล็กในอเมริกากลางเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ โดยรัฐสภา เอล ซัลวาดอร์ ได้อนุมัติให้ Bitcoin ใช้แทนเงินสดและทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ถูกต้องตามกฎหมายเป็นประเทศแรกในโลก เพื่อลดข้อติดขัดต่าง ๆ ในการโอนเงินข้ามประเทศตามนโยบายของประธานาธิบดี Nayip Bukele 


นโยบายนี้เดินหน้าได้แบบราบรื่นและรวดเร็วเพราะพรรค Nuevas Ideas ของประธานาธิบดี Nayip Bukele ครองเสียงข้างมากในรัฐสภา โดยประธานาธิบดีกล่าวว่า Bitcoin จะเป็นประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยว การลงทุน และยังสร้างภาพลักษณ์ประเทศนวัตกรรมให้เอล ซัลวาดอร์ อีกด้วย
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีหลายประเด็นให้ตามต่อ โดยแม้ตัดความยุ่งยากในการโอนเงินข้ามประเทศจากคนไปทำงานต่างแดน ซึ่งมากถึงปีละ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 186,000 ล้านบาท)
ทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามาในระบบได้เร็วขึ้น และช่วยให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่มีบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารมีเงินไปจับจ่ายใช้สอย
แต่ก็เป็นการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ ชาติมหาอำนาจในทวีปอเมริกา เอื้อให้เกิดการเลี่ยงภาษีและหลบเลี่ยงกฎระเบียบจนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แสดงความกังวล
และอาจตัดสินใจระงับการช่วยเหลือต่อเอล ซัลวาดอร์ ก็เป็นได้ ขณะที่ตัวประธานาธิบดี Nayip Bukele ก็ถูกวิจารณ์ว่าเริ่มกลายเป็นเผด็จการ
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี Nayip Bukele วัย 39 ปีดูจะไม่สนใจกระแสวิจารณ์ต่าง ๆ เห็นได้จากประกาศเดินหน้าลงทุนพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคมให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองแถบชนบทและพัฒนาระบบ Blockchain ที่จำเป็นต่อ Bitcoin/reuters
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ