วิกฤตยังไม่จางหาย วันนี้เราอยู่ในจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง และ AP อยู่ในจุดไหนของธุรกิจ
เราจะ Move On ไปต่อท่ามกลางพายุนี้ได้อีกไกลหรือไม่
เชื่อว่า คำถามข้างต้นเป็นคำถามที่อยู่ภายในใจของพนักงานของทุกองค์กร ไม่ใช่ เฉพาะคนของ AP เท่านั้น
ครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ 2 พี่ใหญ่แห่งบ้าน AP คือ พี่อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) และพี่พิเชษฐ วิภวศุภกร กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ จัดยูทูบไลฟ์คุยกับพนักงานทุกคนภายใต้หัวข้อ AP THAI NEXTERDAY TALK by TOP 2

การสื่อสารในช่วงวิกฤตให้พนักงานทุกคนได้เข้าใจตรงกัน เพื่อสร้างพลังในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ จึงเป็นเหตุผลหลักในการจัดไลฟ์สดครั้งนี้
“เราจะรอดไม่รอด เรือลำนี้จะฝ่ามรสุมไปได้หรือไม่ จิตใจของน้อง ๆ ทุกคนในเรือลำนี้สำคัญที่สุด”
วันนี้ AP กำลังอยู่จุดไหนของธุรกิจ
เรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่พนักงานต้องการรู้ก็คือ วันนี้ฐานะการเงินของบริษัทที่ตัวเองทำอยู่เป็นอย่างไร
ซึ่งเรื่องนี้พี่อนุพงษ์ “รู้ใจ” รีบเอามาพูดคุยเพื่อสร้างความมั่นใจเป็นประเด็นแรกกันเลยทีเดียว
เขากล่าวว่าสงครามโควิด-19 ครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมาก แต่ท่ามกลางความหนักหนาสาหัสนั้น คนที่ฉลาดและก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปได้จะต้องรู้จักตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนกเพื่อวางแผนในการสู้ต่อไป
เช่นเดียวกับ AP
“AP คือเรือลำหนึ่งที่อยู่กลางทะเลกำลังเจอกับมรสุม มีคลื่นพายุลูกใหญ่ซัดเข้าหาลูกแล้วลูกเล่า แต่ทุก ๆ คนบนเรือก็มีสติ คิดหาทางช่วยกันทำให้เรือลำนี้แล่นไปสู่เป้าหมายข้างหน้าได้”
การร่วมแรงร่วมใจช่วยกันทำงานเมื่อมาผนึกรวมกับการตัดสินใจปรับโครงสร้างองค์กร ปรับวิธีการทำงาน และวางกลยุทธ์ใหม่ ๆ เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมากลายเป็นดอกผลที่น่าชื่นใจในวันนี้

ความแข็งแรง สวนกระแสของตลาด ที่เกิดขึ้นกับ AP ในช่วงวิกฤต คือ
ในช่วงครึ่งปีแรก 2564 บริษัทมีรายได้ทั้งหมดถึง 20,506 ล้านบาท เป็นอันดับหนึ่งในการทำรายได้สูงสุดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย และยังเป็น New Record ใหม่ที่น่าภูมิใจ
ส่วนกำไรครึ่งปีแรกก็มากถึง 2,518 ล้าน บาท และในปี 2564 นี้ยังเตรียมเงินไว้สำหรับซื้อที่ดินเพื่อเก็บไว้ทำโครงการต่ออีกประมาณ 10,000-12,000 ล้าน
“วันนี้บริษัทเราแข็งแรงมากครับ แต่พี่อยากเตือนน้อง ๆ ทุกคนว่าเราดีใจ ภูมิใจกับการเป็นที่ 1 ได้ แต่เราสบายใจ นอนใจหรือประมาทกับตำแหน่งที่ 1 นี้ไม่ได้”
การแข่งขันเกิดขึ้นได้เสมอและมีคนพร้อมที่จะแซงเราได้ตลอดเวลา ดังนั้นเราต้องพยายามพลิกหาโอกาสบนความแข็งแรงที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะทำให้ AP ก้าวผ่านคู่แข่งออกไปให้ไกลที่สุดเช่นกัน
“ต้องจำไว้เสมอว่า แค่วิ่งช้า เราก็ถอยหลังแล้ว”
เมื่อสุขภาพของบริษัทแข็งแรง สุขภาพของน้อง ๆ ต้องแข็งแรงกว่า
“พี่ห่วงน้อง” ไม่ใช่แค่คำพูดสวย ๆ วันนี้ AP ได้เตรียมและทำอะไรให้พนักงานแล้วบ้าง
พิเชษฐอธิบายว่า เราพยายามสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพนักงานอย่างรวดเร็วและมากที่สุด
วันนี้บริษัทฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้พนักงานครบ 100% ของคนที่สมัครใจฉีดแล้ว
แค่ดูแลบุคลากรของ AP ให้ปลอดภัยอย่างเดียวไม่พอ บริษัทยังดูแลไปถึงครอบครัวของพนักงานด้วย โดยการจัดหาวัคซีนซิโนฟาร์มเข้ามาประมาณ 2 พันโดส เพื่อฉีดให้กับญาติพี่น้องผู้ใกล้ชิดกับพนักงาน

และยังจองวัคซีนโมเดอร์นาอีก 3 พันโดสเพื่อเป็นวัคซีนตัวที่ 3 ช่วยกระตุ้นภูมิ นอกจากนั้น ยังมีประกันสุขภาพประเภท เจอ จ่าย จบ ให้กับพนักงานทุกคนอีกด้วย
AP ยังดูแลไปยังคู่ค้าซึ่งเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีคนประมาณ 8 พันกว่าคน รวมทั้งคนของผู้รับเหมารายย่อยต่าง ๆ โดยได้จัดหาวัคซีนให้บุคคลเหล่านี้ผ่านทุกช่องทางที่ได้รับการจัดสรรวัคซีน

ตลอดจนได้มีการจัดเตรียมชุดตรวจโควิด-19 ให้ผู้รับเหมาเพื่อนำเอาไปตรวจคนงานเป็นประจำ รวมถึงการสนับสนุนความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัย ภายใต้มาตรการที่รัดกุม เพื่อให้ทุกคนผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน

ทางด้านสังคม AP ยังมีโปรเจกต์ SAVE LIVES PROTECT PEOPLE “เอพีเซฟชีวิต เซฟสังคม” เพื่อช่วยเหลือพระสงฆ์ รวมทั้งชุมชนต่าง ๆ รอบวัดที่ได้รับความเดือดร้อน
และล่าสุดกับการบริจาคเครื่องผลิตออกซิเจนด้วยอัตราการไหลสูง (High Flow Oxygen Therapy) อุปกรณ์จำเป็นและสำคัญยิ่งในขณะนี้ เพื่อช่วยเหลือและรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ขั้นรุนแรง ให้กับโรงพยาบาลรัฐในพื้นที่สีแดงเข้ม

AP จะพาทุกคนฝ่าวิกฤตโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง
อนุพงษ์กล่าวอีกว่า รอบนี้เหมือนกับเราวิ่งมาราธอน ยังไม่รู้เลยว่าปลายทางหรือเส้นชัยอยู่ตรงจุดไหน แต่จะท้อไม่ได้ กลัวไม่ได้ ถ้าท้อ ถ้ากลัวเมื่อไหร่เราโดนทิ้งไว้ข้างหลังทันที
วันนี้ขอย้ำให้น้อง ๆ ฟังอีกครั้งว่า
พี่ ๆ ไม่เคยทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงวันนี้พี่ไม่เคยไล่คนออก เนื่องจากสถานการณ์ไม่ดีของเศรษฐกิจ
“เราไม่ลดเงินเดือน ไม่ลดคนแน่นอน การลดคน ลดเงินเดือนจะเกิดขึ้นต่อเมื่อบริษัทไม่มีเงินจ่าย ย้ำนะครับ เมื่อบริษัทไม่มีเงินจ่าย ไม่ใช่เมื่อบริษัทไม่มีกำไร ถึงแม้ขาดทุนแต่ยังมี cash flow อยู่ เราก็ยังจ่ายเงินเดือนและไม่ลดคนแน่นอน”
เขาย้ำว่า
“ถ้าต้องมานั่งกลัวว่าเมื่อไหร่จะโดนโยนทิ้งจากเรือไปเพื่อให้เรือเบา เพื่อให้เรือวิ่งได้ดีขึ้นพี่ว่าบริษัทไหนคิดอย่างนั้นพี่ว่าคิดผิด เพราะจะทำให้น้องทุกคนคิดว่าเรือลำนี้ไม่มั่นคงปลอดภัยแล้ว ไม่มีแรงไม่มีพลังในการที่จะทำหน้าที่ของตนเองในเรือลำนี้แล้ว”

อย่างไรก็ตาม แม้องค์กรพร้อม คนพร้อม แต่เรือต้องมีเข็มทิศนำทาง และต้องมีเครื่องมือที่พร้อมและทันสมัยเพื่อไปถึงเป้าหมาย
สิ่งที่อนุพงษ์ย้ำกับน้อง ๆ ทุกคนเสมอก็คือ เข็มทิศหรือพันธกิจของ AP คือการตั้งอยู่เพื่อการตอบโจทย์คำว่า EMPOWER LIVING หมายถึงการสร้างสินค้าและบริการที่เกื้อหนุนให้ลูกค้า รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับ AP สามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ดีในแบบที่ต้องการด้วยตัวเอง

สำหรับเครื่องมือสำคัญที่จะนำพาทุกคนไปยังจุดนั้นได้+ให้ความสำคัญใน 3 เรื่องคือ
- Independent Responsible Leaders หรือผู้นำที่มีอิสระในการรับผิดชอบเรื่องการตัดสินใจ
- Innovative Culture การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นองค์กรนวัตกรรม
- Everything Digital พลิกเกมธุรกิจ ทรานส์ฟอร์มทุกมิติด้วยดิจิทัล
กลยุทธ์ทั้ง 3 มาจากการผสมผสาน 2 แนวคิดหลักคือ Outward Mindset และ Design Thinking ที่ AP ให้ความสำคัญและศึกษามานานหลายปี
โดยถูกแปลงให้สั้นและง่ายเข้าเป็น Core Value เป็นวัฒนธรรมองค์กร 5 ตัว ที่อนุพงษ์เฝ้าย้ำให้น้อง ๆ ทุกคนต้องจำและทำให้ได้คือ
- put people first มองคนรอบข้างอย่างเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือคนในองค์กร
- build together รับผิดชอบและทำงานร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข
- progress with purpose ทำงานอย่างรู้จุดมุ่งหมายของตนเองและหน่วยงาน
- go beyond มุ่งพัฒนาให้เหนือกว่าจุดมุ่งหมายที่วางไว้
- be innovative คือ ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้
“พี่ยังย้ำนะครับ เรายังเน้นเรื่องนี้อยู่ พี่อยากให้คนของเอพีมี Outward Mindset และ Design Thinking ฝึกสร้างให้เป็นนิสัย เพื่อให้เกิดบริการและสินค้าที่เป็นนวัตกรรมขึ้น”
สุดท้ายใน section ของการถามตอบ
มีคำถามว่าในอนาคตหมดโควิด-19 องค์กรจะมีนโยบายให้มีการ Work From Anywhere เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นหรือไม่นั้นเขาบอกว่า
“ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยสนใจเลยว่า ใครจะมาทำงานกี่โมง กลับกี่โมง ทำอย่างไร ทำที่ไหน พี่สนใจอยู่เรื่องเดียว Independent Responsible Leaders คุณมีความรับผิดชอบต้องส่งมอบงานอะไรเมื่อไหร่ ต้องทำให้ดีและทำให้เสร็จ”

แต่ถ้าไม่เข้าออฟฟิศเลยคงต้องคุยว่าต้องมีมาตรการใหม่ ๆ แบบไหนเกิดขึ้น ไม่คุยไม่เจอกันเลยอาจจะเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่านิวนอร์มอลของแต่ละหน่วยงาน ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แล้วในที่สุดก็มาถึงคำถามที่น่าจะโดนใจพนักงานทั้งเกือบ 3 พันคนว่า
ปีนี้จะมีโบนัสหรือไม่?
พี่ใหญ่ใจดีคนนี้ตอบทันทีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า
“เรื่องนี้ไม่ต้องถาม พี่คิดว่าทุกคนก็ตอบได้เมื่อเราร่วมแรงร่วมใจกันขนาดนี้ และตัวเลขเรากำไรมาแล้วครึ่งปี และคิดว่าครึ่งปีหลังก็เช่นกัน โบนัสเป็นเรื่องที่คาดหวังได้เลย”
เชื่อว่าคำตอบนี้เรียก “รอยยิ้มกว้าง ๆ” พร้อมกับ “ใจที่ฟูขึ้น” ของพนักงานทุก ๆ คนแน่นอน
–
