จดหมายฉบับนี้เกิดขึ้นได้ ก็เพราะว่า Warren Buffet เพื่อนซี้ของ Bill Gates ทวงถามเขาว่า เงินที่ฉันให้นายไปสร้างมูลนิธิในปี 2006 ได้อะไรกลับมาบ้าง

Bill ตอบ Warren ในจดหมายว่า 10 ปีที่แล้ว เราได้ของขวัญจำนวนมหาศาลจากคุณ น่าจะเป็นจำนวนที่มหาศาลที่คนหนึ่งคนจะให้ของขวัญกับเพื่อนได้ น่าเสียดายที่สิ่งที่เราทำไม่สามารถแสดงออกมาเป็นกำไรหรือยอดขายได้ แต่มีหลายตัวเลขที่น่าสนใจ และยืนยันว่าสิ่งที่เราทำนั้น กำลังช่วยโลกจริงๆ

เรามาดูตัวเลขไปพร้อมๆ กัน

122 ล้านคนคือจำนวนเด็กที่ถูกช่วยชีวิตตั้งแต่ปี 1990

ในทุกปี UN จะประกาศ อัตราการเสียชีวิตของเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี (Mortality Rate) ซึ่งหากในปี 1990 เราไม่ทำอะไรเลย อัตราการเสียชีวิตสะสมตลอด 26 ปี จะอยู่ที่ 122 ล้านคน แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกคน เราสามารถช่วยชีวิตของเด็ก ไม่ให้เสียชีวิตก่อน 5 ขวบได้ถึง 122 ล้านคน

 

86% คืออัตราการเข้าถึงวัคซีนพื้นฐานของเด็กทั่วโลก

ในปี 1980 อัตราการเข้าถึงวัคซีนอยู่ที่ 20% เท่านั้น นั่นหมายความว่า 80% ที่เหลือต้องผเชิญกับความเสี่ยงของโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็นโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน ซึ่งจากการคำนวณเงินลงทุนในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า “1 ดอลลาร์ที่ลงทุนไปกับวัคซีน ช่วยสร้างให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น 44 ดอลลาร์”

แต่ยังมีเด็กอีก 19 ล้านคน ที่อยู่ในที่ห่างไกล และเข้าไม่ถึง เป้าหมายของเราคือ ในปี 2030 เด็กที่ไม่ได้วัคซีนต้องต่ำกว่า 3 ล้านคน

 

 

มีเด็กทารก 1 ล้านคน ที่เสียชีวิตตั้งแต่วันแรกที่คลอด

ปีที่ผ่านมา มีเด็กทารก 1 ล้านคน ที่เสียชีวิตตั้งแต่วันแรกที่คลอด และถ้ารวม 1 เดือนแรกที่เกิด คิดเป็น 2.5 ล้านคน ซึ่งจากปี 1990 อัตราการเสียชีวิตของทารกใน 1 เดือนแรกลดลง แต่อัตราการเสียชีวิตในวันแรกไม่ค่อยเปลี่ยน ทำให้เป็นโจทย์ใหญ่ว่าทำอย่างไรถึงจะช่วยทารกได้

ในรวันดาอัตราการเสียชีวิตของทารกในเดือนแรก ลดลง 30% ตั้งแต่ปี 2008-2015 ด้วยวิธีการเหล่านี้ 1.ป้อนทารกด้วยนมแม่ 2.ตัดสายสะดือด้วยวิธีที่สะอาด 3.อุ้มทารกกับผิวหนัง ซึ่งช่วยให้อัตราการเต้นหัวใจคงที่ ปรับอุณหภูมิในร่างกายทารก และพัฒนาการของสมอง

 

45% ของสาเหตุการเสียชีวิตในเด็ก เกี่ยวข้องกับภาวะขาดสารอาหาร

ภาวะการขาดสารอาหารนั้นต่างจากความหิวโหย เพราะถึงแม้ว่าจะกินอิ่มแค่ไหน แต่หากได้วิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารสำคัญไม่เพียงพอ การเกิดโรค การเจ็บป่วยก็จะตามมาในที่สุด

นี่คือโจทย์สำคัญที่ทั่วโลกต้องช่วยกัน วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยผลิตสารอาหารให้พอเพียงความต้องการของประเทศที่ยากจนได้

 

ผู้หญิง 300 ล้านคนในประเทศกำลังพัฒนา ใช้วิธีคุมกำเนิด

การคุมกำเนิดช่วยให้ทารกเกิดมาด้วยความพร้อม และหากคุณแม่เว้นระยะตั้งครรภ์ 3 ปี ลูกของเธอจะมีโอกาสรอดอย่างมาก เราใช้เวลาหลายสิบปีเพื่อแตะ 200 ล้านคน แต่เราใช้เพียง 13 ปี เพื่อเพิ่มจาก 200 ล้านคน เป็น 300 ล้านคน

เป้าหมายคือการเพิ่มจำนวนให้เป็น 420 ล้านคนในปี 2020 ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญ คือ ทวีปอาเซียน ซึ่งคุมกำเนิดเพียง 1 ใน 3 และทวีปแอฟริกา ที่คุมกำเนิดเพียง 1 ใน 5

 

 

มีคนเพียง 1 % เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

จากการสำรวจของ Glocalities มีเพียง 1% เท่านั้นที่เชื่อว่าความยากจนขั้นรุนแรง (Extreme Poverty) ลดลงต่ำกว่าครึ่งจากปี 1990 ถึงปัจจุบัน ในขณะที่ 70% เชื่อว่าความยากจนเพิ่มขึ้นมากกว่า 25%

 

การสำรวจนี้ไม่ใช่แค่การวัดความรู้ แต่เป็นการวัดทัศนคติของคนด้วยว่า พวกเขามองโลกในแง่ดี หรือแง่ร้ายมากกว่ากัน การนำเสนอข่าวด้านลบได้รับความน่าสนใจมากกว่าด้านบวกเสมอ แต่สำหรับเรา เราเชื่อว่าทุกคนสามารถช่วยให้โลกดีขึ้นได้ หากร่วมมือกัน

 

 

เลข ศูนย์ คือเป้าหมายของเรา

ในทุกปีเราอยากให้หลายตัวเลขกลายเป็นศูนย์มากๆ โรคมาลาเรียเป็นศูนย์ HIV เป็นศูนย์ โรคขาดสารอาหารเป็นศูนย์ หรือแม้แต่ความเหลื่อมล้ำเป็นศูนย์

หากดูจากตัวเลขในปี 2016 มีรายงานโรคโปลิโอเพียง 37 เคสเท่านั้น เทียบกับ 350,000 เคส ในปี 1988 .. เรากำลังเข้าใกล้ ศูนย์เรื่อยๆ

ในการทำธุรกิจทั่วไป เราอยากสร้างกำไร เราอยากเป็นผู้นำให้นานที่สุด แต่สำหรับเรื่องนี้ ยิ่งเราจบภารกิจของเราได้เร็วเท่าไหร่ เรายิ่งมีความสุขเท่านั้น

เราคงบอกเวลาที่ชัดเจนกับคุณไม่ได้ Warren แต่เรามั่นใจอย่างหนึ่งคือ อนาคตที่กำลังจะมาถึง จะทำให้คนที่มองโลกในแง่ร้ายประหลาดใจ

 

ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวเรา เราจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง Warren
Bill & Melinda Gates

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer