เซ็นทารา ทำไมเบนเข็มจับลูกค้าตะวันออกกลางแทนจีน-รัสเซีย ?
เครือเซ็นทารา เผยภาพรวมธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ว่าแม้ผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ยังไม่หายไป แต่ดีขึ้นได้ด้วยจำนวนคนที่ส่วนมากได้รับวัคซีนแล้ว รอแค่เปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง อีกทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เคยเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่หาย ความหวังใหม่จึงเป็นการขยายฐานลูกค้า และจัดตั้งโรงแรมในแถบตะวันออกกลาง
ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารากล่าวว่า ผลประกอบการสำหรับปี 2564 ว่ามีรายได้รวม 11,635 ล้านบาท ลดลง 12% จากปี 2563 ทว่าในไตรมาส 4 ปี 2564 นั้นมีรายได้ถึง 3,748 ล้านบาท มีกำไรกว่า 152 ล้านบาท
สำหรับรายได้ของเครือเซ็นทาราในช่วงเริ่มไตรมาส 1 ของปี 2565 ถือว่าน่าพอใจกว่าที่ตั้งไว้พอสมควร แม้จะเสียรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวบางประเทศไป เช่น ประเทศจีนที่ยังมีมาตรการคุมเข้มภายใน, รัสเซียที่มีประเด็นสงครามกับยูเครน ทว่าก็ได้นักท่องเที่ยวอินเดีย, ออสเตรเลียเข้ามาหนุน และที่เด่นชัดสุดคือรายได้จากภายในประเทศไทย ประกอบกับโรงแรมในดูไบและมัลดีฟส์ที่สร้างรายได้มากถึง 5,900 ล้านบาท
เซ็นทารา เติบโตด้วยแผนขยายตลาดสู่ที่ใหม่ ๆ
สำหรับแผนการขยายธุรกิจ กันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายในห้าปีนับจากนี้ ตั้งเป้าลงทุน Property ให้ถึง 100 แห่ง ทั้งที่เป็นการร่วมบริหารและเป็นเจ้าของเอง ซึ่งในจำนวนนี้นับเป็นทั้งในประเทศ เช่น ในโคราช กรุงเทพฯ กระบี่ ที่กำลังก่อสร้างและกำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนั้น คือการขยายตลาดในต่างประเทศ ได้แก่ การดีลกับบริษัทท้องถิ่นในญี่ปุ่นและดูไบเพื่อเปิดโรงแรมในเครือเซ็นทาราที่นั่น โดยปัจจุบันโรงแรมที่โอซากา ประเทศญี่ปุ่น กำลังสร้างด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ดำเนินการไปแล้วกว่า 38% โดยทั้งสองแห่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2565
ในส่วนของลูกค้ารัสเซียซึ่งเคยเป็นตลาดสำคัญหนึ่งของเครือเซ็นทารา ธีระยุทธ์ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันยังมีลูกค้าชาวรัสเซียตกค้างที่ภูเก็ตประมาณ 10% และยังไม่มียอดเลิกการจองเข้ามา ทว่าในระยะยาวนั้นเล็งเห็นถึงปัญหา จึงต้องพยายามหาฐานลูกค้าอื่นมาทดแทน
โดยได้มีการเล็งประเทศที่น่าสนใจไว้อีกหลายแห่ง เช่น กาตาร์ โอมาน เวียดนาม รวมถึงลาวและเมียนมา ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ทางการเมืองก่อน และที่น่าสนใจคือตลาดซาอุดีอาระเบีย ที่ดูเป็นตลาดที่มั่งคั่งทั้งในด้านการเมืองและลูกค้า ซึ่งเป็นแผนที่ต้องรอดูกันต่อไปในอนาคต
เซ็นทาราคาดการณ์ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจและธุรกิจในทุกภาคส่วนจะกลับมาเป็นเหมือนช่วงก่อนโควิด ในอีก 3 ปี คือปี 2568 ซึ่งเป็นการคาดในช่วงเวลาที่ ‘น่าจะ’ เร็วที่สุด ทว่าก็ยังช้าไปถ้าเทียบกับความต้องการของทุกคนที่อยากให้ทุกอย่างกลับเป็นปกติให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
สำหรับสิ่งที่อยากให้รัฐบาลเข้าช่วยเหลือคือ ออกนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกันให้ไปถึงปลายปีนี้ โดยในช่วงที่ผ่านมารายได้จากโครงการเราเที่ยวด้วยกันนับเป็น 20% ของเซ็นทาราเลยทีเดียว นอกจากนั้น มาตรการ Test&Go ก็เป็นสิ่งที่อยากให้ยกเลิก เพราะในปัจจุบันแม้โควิดจะยังไม่หายไป ทว่าอาการก็ไม่รุนแรงมากเพราะคนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้ว อีกทั้งยังทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทำได้เร็วขึ้นอีกด้วย
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



