กัมพูชา (Cambodia) ลาว (Laos) เมียนมาร์ (Myanmar) และเวียดนาม (Vietnam) หรือที่เรียกย่อๆ ว่า CLMV เป็นกลุ่มประเทศที่น่าจับตามองที่สุดในโลกขณะนี้ เพราะนอกจากการเจริญเติบโตเฉลี่ยที่มากถึง 8% และสามารถก้าวไปหลัก 10% ได้นั้น CLMV ยังมีทรัพยากรอีกมากทั้งแรงงาน และสิ่งแวดล้อม… แค่เหตุผลนี้ข้อเดียวก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ทุกประเทศทั่วโลกจ้องตาเป็นมัน

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเทศไทยคือประเทศที่อยู่กลาง CLMV แต่เรากลับช้ามากในแง่ของการลงทุนในประเทศเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบัน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ กำลังรุกมาอย่างต่อเนื่อง (รวมถึงประเทศอื่นๆ ในยุโรป) ฉะนั้นประเทศไทยจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งสปีดให้เร็วที่สุด ฉะนั้นเรามาดูกันว่า 10 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนไปลงทุน และทำธุรกิจใน CLMV มีอะไรบ้าง

1.สินค้าไทยคือของดี

ในสายตาคนไทยอาจมองว่าของจากอเมริกา หรือยุโรป เป็นของคุณภาพสูง แต่ในสายตาประเทศเพื่อนบ้านเรา ของที่ทำในประเทศไทยคือของดี มีคุณภาพ สาเหตุก็มาจากความค้นเคยกับคนไทย วัฒนธรรมไทยมากกว่านั่นเอง ยกตัวอย่างแบรนด์ถังน้ำของไทยที่ครองส่วนแบ่งตลาดในลาวเกือบ 100% แบรนด์จีนอันอื่นถ้าอยากจะขายได้นั้น จำเป็นต้องเลียนแบบให้เหมือนแบรนด์ไทย

2.Infrastructure ที่มองไม่เห็น

ถ้าพูดถึงโครงสร้างพื้นฐานใน CLMV ต้องบอกว่ามีความพร้อมที่จะเดินทางเข้าหาไปมาหาสู่กันแล้ว แต่ สิ่งที่เราต้องระวังก็คือเรื่องกฏระเบียบที่เราอาจไม่รู้มาก่อน เช่น ภาษีการนำเข้าสินค้า ยานพาหนะ รวมไปถึงด่านยิบย่อย เป็นต้น ยกตัวอย่าง ประเทศกัมพูชาที่มักจะมีด่านตามชนบท ทำให้เราต้องเสียค่าผ่านทางหลายต่อ หรือ การขออณุญาติผ่านเขตในเมียนมาร์ เมื่อต้องข้ามเขตการปกครอง เป็นต้น ดังนั้นการลงพื้นที่จริง มีคนท้องถิ่นหรือคนไทยที่อยู่ที่นู่นเป็นพันธมิตรเป็นสิ่งสำคัญ

3.Activity Marketing

ในบางประเทศอย่างเมียนมาร์ ที่ไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุม การทำการตลาดจึงจำเป็นต้องทำแบบ Below The Line ไม่ว่าจะเป็นการจัดอีเว้นท์ กิจกรรม หรือการทำการตลาด ณ จุดขาย จะได้ผลมากกว่า Above The Line

4.งานบริการยังไม่แข็งแรง

โอกาสที่ไทยได้เปรียบมากๆ คือ งานบริการ เพราะประเทศเหล่านี้ (ยกเว้นเวียดนาม) เพิ่งมีการลงทุนในด้านโรงแรม การท่องเที่ยว และการบริการอย่างจริงจัง ทำให้ยังไม่ชำนาญเท่าไทย ดังนั้นหากนักลงทุนที่มี Know How เหล่านี้อยู่แล้ว อย่าลังเลที่จะเข้าไปลงทุน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นบริการจากไทยแล้ว ทั้งคนท้องถื่นและต่างชาติก็ให้การยอมรับ

5. การเริ่มต้นของ ตลาดเงินและตลาดทุน

ถึงแม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของ 4 ประเทศนี้ จะก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว แต่ตลาดเงินยังถือว่าพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น โดยประเทศที่เปิดตลาดหุ้นอย่าง กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ก็มีบริษัทที่จดทะเบียนไม่ถึงสิบบริษัทเท่านั้น ในขณะที่ไทยมีมากกว่า 600 บริษัทไปแล้ว นั่นหมายถึงว่าการเติบโตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเกิดจากเม็ดเงินจากเศรษฐกิจจริงทั้งสิ้น และในอีก 5-10 ปีข้างหน้า วันที่ตลาดเงินมีกาารเติบโตมากกว่านี้ เราคงได้เห็นการเติบโตของ GDP แบบ Double Digit ได้ไม่ยาก

6. มองฐานการผลิตเป็นหลัก

การเข้ามาตั้งร้านค้าในกลุ่ม CLMVนั้นอาจทำได้ยาก เนื่องจากค่าที่ดิน ค่าเช่าในเขตเศรษฐกิจนั้นค่อนข้างสูง SMEs ทั้งหลายอาจพิจารณาจากการค้านะหว่างชายแดนก่อน แต่สำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ นี่คือโอกาสทองที่ห้ามพลาด เพราะด้วยทรัพยากรที่ยังสมบูรณ์ แรงงานที่ค่าแรงยังไม่มาก

7. การแข่งขันด้านราคา

การปรับค่าแรงขั้นต่ำของไทยอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนการผลิตของสินค้าที่ผลิตในไทยสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประเทศที่กำลังจะเข้ามาลงทุนก็หันไปยังประเทศที่ค่าแรงถูกกว่า ฉะนั้นแล้วหากประเทศไทยยังแข่งขันด้านราคาอยู่ เราก็จะแพ้ภัยตนเอง เพราะค่าแรงในประเทศ CLMVถูกกว่าไทยหลายเท่านัก แรงงานไทยจึงต้องปรับตัวไปสู่แรงงานที่เน้นใช้ทักษะมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด

8. กำลังซื้อที่ไม่ได้น้อยอย่างที่คิด

ถึงแม้ว่าประเทศ CLMVจะมีรายได้ต่อหัว (GDP Per Capita) น้อยกว่าไทยหลายเท่า แต่โอกาสในการจับจ่ายใช้สอยนั้นก็ไม่ได้มากเช่นกัน ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเมื่อมีร้านอาหาร ร้านไอติม โรงหนัง และห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่ ประชาชนในประเทศเหล่านี้ก็พร้อมจับจ่ายใช้สอยเต็มที่ สังเกตได้จากโรงภาพยนตร์ที่ฝั่งลาวกับฝั่งไทยที่มีราคาตั๋วเท่ากัน แต่คนก็ยังคงมาหนาแน่น

9. ข้อมูลที่มี กับ สิ่งที่ต้องเจอ

ประเทศไทยเองก็มีหน่วยงานที่ช่วยนักลงทุนอย่าง BOI หรือ TBAM แต่ต้องบอกว่าข้อมูลที่องค์กรเหล่านี้ให้นั้น ไม่สามารถเทียบได้เลยกับการไปดูตลาดของจริง ทั้งพฤติกรรม ความเป็นอยู่ วิถิชีวิตของผู้คน เพราะฉะนั้นก่อนจะเข้าไปลงทุนในประเทศ CLMVอย่าเพิ่งเชื่อข้อมูลทั้งหลายที่ได้รับมา แต่ให้ลองไปศึกษา และทำตลาดซัก 1-3 เดือน แล้วคุณจะรู้ว่าธุรกิจของคุณจะไปรอดมั้ยในประเทศนั้นๆ

10. CLMVป๊อปสุดในโรงเรียน

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มั่นใจได้เลยว่า กลุ่มประเทศ CLMVเป็นกลุ่มประเทศที่ยังไม่มีคนสนใจมากนัก แต่หลังจากที่เวียดนามพัฒนาทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา ทำให้ภูมิภาคนี้เริ่มกลับมาอีกครั้ง ตามหลังด้วยลาว และกัมพูชา ที่เริ่มเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น สุดท้ายการเปิด AEC และการเปิดประเทศของเมียนมาร์ คือจิ๊กซอว์สองชิ้นสุดท้าย ที่ทำให้ CLMVกลายเป็นกลุ่มที่ป๊อปที่สุดในโรงเรียน ทั้งด้านทรัพยากร เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน

สุดท้ายแล้วถ้าพิจารณาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ เราคงต้องยอมรับความจริงที่ว่า “CLMV ขาดไทยได้ แต่ไทยขาด CLMVไม่ได้”

ติดตามบทความเจาะลึก AEC ได้ในนิตยสาร Marketeer ฉบับเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2558
ที่มา : สมาคมเศรษฐศาสตร์ “ยุทธศาสต์ไทย ก้าวไกลไปกับCLMV”

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer