ความหวังว่าปัญหาข้าวยากหมากแพงจากสถานการณ์โลกจะทุเลาลงบ้าง มีอันต้องริบหรี่หลังประเทศที่เสนอตัวมาช่วยกลับลำ
ดัชนีราคาข้าวสาลีในตลาดโลกขึ้นมา 5.9% สูงสุดในรอบสองเดือน หลังอินเดียประเทศที่เป็นแหล่งเพาะปลูกใหญ่อันดับรองจากยูเครนกับยูเครนลงมา สั่งระงับการส่งออก เพื่อคลายปัญหาอาหารและผลผลิตการเกษตรราคาแพงในประเทศ ซึ่งมีข้าวสาลีรวมอยู่ด้วย อันมีสาเหตุมาจากอุณหภูมิที่ร้อนจัด
สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ลากยาวมาหลายเดือนบานปลายจนกระทบต่อปากท้องคนทั่วโลก เพราะการส่งออกข้าวสาลีจากทั้งสองประเทศที่ต่างก็ติดอยู่สงครามนี้ต้องหยุดชะงักไป นี่ทำให้ราคาอาหารประเภทต่างๆ ทำจากแป้งสาลี ตั้งแต่ขนมปังไปจนถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแพงขึ้น
ราวกลางเมษายน อินเดียที่เป็นแหล่งเพาะปลูกแหล่งใหญ่ถัดจากรัสเซียกับยูเครน เสนอตัวเข้ามาช่วย โดย ณ ขณะ
นั้นนายกรัฐมนตรี Narendra Modi กล่าวว่า อินเดียมีปริมาณข้าวสาสีเพียงพอสำหรับเลี้ยงดูประชากรทั้ง 1,400 ล้านคนในประเทศ และสามารถส่งออกไปเพื่อทดแทนส่วนของรัสเซียกับยูเครนที่หายไปจากตลาดโลกได้
ทว่าเค้าลางว่าอินเดียอาจไม่ได้เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมากู้สถานการณ์เริ่มปรากฏ โดยพอต้นพฤษภาคม อินเดียเผชิญคลื่นความร้อนที่ทำให้น้ำแล้งส่งผลโดยตรงต่อการเพาะปลูกข้าวสาลี ท่ามกลางคาดการณ์ว่าปริมาณเก็บเกี่ยวข้าวสาลีอินเดียปีนี้จะลดจาก111.3 ล้านตัน ลงมาอยู่ที่ 105 ล้านตัน และอาจทำให้ต้องพับแผนช่วยโลกไป
ที่สุดฝันร้ายก็กลายเป็นจริงโดยอินเดียสั่งระงับการส่งออกข้าวสาลีไปต่างประเทศ ยกเว้นเฉพาะในส่วนที่ทำสัญญาตกลงพร้อมจ่ายเงินไปแล้ว และจะเป็นแค่ชั่วคราว
การกลับลำดังกล่าวทำให้ ดัชนีราคาข้าวสาลีในตลาดโลกขึ้นมา 5.9% สูงสุดในรอบสองเดือน และทำให้ประเทศที่ซื้อข้าวสาลีส่วนใหญ่จากอินเดีย เช่น บังคลาเทศ อินโดนีเซีย เนปาลและตุรกี ต้องเร่งหันไปซื้อข้าวสาลีจากประเทศอื่น อย่างประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป หรือออสเตรเลีย
แต่งานนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายและคงไม่ได้ปริมาณมากเท่าที่ต้องการ เพราะบรรดาประเทศที่เพาะปลูกข้าวสาลีต่างกำลังประสบปัญหา โดยยุโรปกับทวีปอเมริกาเหนือเจอกับภัยแล้ง
ด้านออสเตรเลียข้าวสาลีส่วนที่เก็บเกี่ยวได้ก็บางส่วนไม่ได้มาตรฐานและผลผลิตที่ได้มาตรฐาน และที่เก็บเกี่ยวแล้วและได้มาตรฐานก็ปิดดีลซื้อขายแล้วและอยู่ระหว่างรอการขนส่ง / reuters, bbc, cna
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ