AAI ทำไมจึงมาลุยสร้างแบรนด์เพื่อรุกตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเต็มตัว
AAI ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและประกอบธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าสำหรับผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า เพื่อการจำหน่ายและส่งออก ได้ตัดสินใจ Spin-Off ออกมา (จากเดิมอยู่ภายใต้การดูแลของ เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น) และกำลังเตรียมเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้
โดย AAI เป็นผู้ผลิตให้กับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดระดับโลกอยู่แล้ว และให้บริการแบบ One Stop Service เริ่มตั้งแต่ออกไอเดียจนถึงออกตัวผลิตภัณฑ์ แต่ล่าสุดหันมาสร้างแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในตลาด และเห็นข้อได้เปรียบของตนจากประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงนี้มา 17 ปีแล้ว
วรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง คือในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี การใช้จ่ายฝืดเคือง สิ่งที่จะลดเป็นลำดับสุดท้ายคือตลาดอาหารทารก ตลาดถัดมาคืออาหารสัตว์เลี้ยง ถัดมาจึงจะเป็นตลาดคน แสดงให้เห็นว่า คนยอมลดอาหารตัวเอง แล้วค่อยยอมลดอาหารสัตว์เลี้ยงเนื่องจากเป็นห่วงเรื่องคุณค่าทางโภชนาการที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงของตน
ภาพรวมสัดส่วนรายได้
ในช่วงโควิดที่ผ่านมาหลายธุรกิจเผชิญวิกฤตจากการแพร่ระบาด แต่AAIกลับมีตัวเลขรายได้ที่ค่อนข้างน่าพอใจ ซึ่งรายได้ของAAIตั้งแต่ปี 2562-2564 มีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 18% โดยที่ปี 2562 มีรายได้อยู่ที่ 3,588 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2564 สูงถึง 4,985 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงมากถึง 82%
ในส่วนของอัตรากำไร พบว่า หลังจากปรับโมเดลธุรกิจจับอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นพอร์ตหลัก อัตรากำไรของAAIปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งอัตรากำไร Gross Profit ในช่วงสามปีขึ้นมาที่ 21.5% และแม้ในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ที่อุตสาหกรรมมีความท้าทายมากขึ้น แต่อัตรากำไรยังคงถือว่าทำออกมาได้ดีอยู่ที่ 17.3% ในขณะที่ Net Profit จากที่อยู่แค่ 4.6% ขึ้นมาสูงถึง 12.7%
ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมูลค่าราว 110,000 ล้านดอลลาร์ มีแนวโน้มการเติบโต 5%
ภาพรวมอัตราการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงระดับ Global
2018 86%
2019 91%
2020 100%
2021 111%
2022 116%
2023 121%
2024 127%
:
2029 164%
_________________
2018-2021 CAGR 8.6%
2021-2029 CAGR 5.0%
*North America เป็นตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 38%
ประเทศที่ส่งออกอาหารสุนัข & แมวมากที่สุด
เยอรมนี 13%
สหรัฐฯ 10%
ไทย 10%
ฝรั่งเศส 10%
โปแลนด์ 8%
อื่น ๆ 49%
ตลาดส่งออกอาหารสุนัข & แมวของไทย
สหรัฐฯ 29%
ญี่ปุ่น 15%
มาเลเซีย 7%
อิตาลี 7%
ออสเตรเลีย 6%
อื่น ๆ 36%
โดยที่มีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดนี้ ได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงของประชากรจาก Millennials สู่ Baby Boomer
- การเพิ่มขึ้นของครอบครัวเดี่ยว
- เทรนด์การมีบุตรลดน้อยลง
- เทรนด์การมองสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในครอบครัว
อย่างไรก็ตาม AAI ต้องดูแลตัวเองในการ Spin-Off โดยจะใช้กลยุทธ์ “Level up AAI” ประกอบด้วย 4 เรื่อง
Level up AAI Organization มุ่งยกระดับองค์กรให้ทัดเทียมสากล พัฒนาบุคลากร และเตรียมขยายธุรกิจ ลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าและกำลังการผลิตในประเทศ
Level up Co-developer position ต้องการยกระดับตนจาก Co-developer เป็น Strategic Suppliers
ส่วน Level up Own Brand หันมาทำแบรนด์ของตน พัฒนาแบรนด์ให้ครอบคลุมทุก Market Segments ตั้งแต่ high-end ไปจนถึง low-end markets
และ Level up Care with C-H-E-E-R-S! Consumers/Human Development/Efficiency/Environment/Rights of Human/Stakeholder
ทั้งนี้ ในอนาคตAAIจะขยายธุรกิจ ลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าและกำลังการผลิตในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียกจากเดิม 4,200 ตัน ให้เพิ่มขึ้น 2 เท่า ภายใน 4 ปีข้างหน้า รองรับออเดอร์ในอนาคต รวมถึงพัฒนาแบรนด์ให้ครอบคลุมทุก Market Segments ตั้งแต่ high-end ไปจนถึง low-end markets และตั้งเป้าให้แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของAAIสร้างรายได้อยู่ที่ 10%
สำหรับเรื่องการระดมทุนของAAI วรัญรัชต์กล่าวว่า จะสามารถทำได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ แต่ยังคงต้องรอดูปัจจัยภายนอกที่จะเข้ามาด้วย เรื่องนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ โดยจะแจ้งข้อมูลที่แน่ชัดให้ทราบในภายหลัง
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ