บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ หลายแห่งที่ขยายตัวในช่วงการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิดกำลังพับเก็บโปรเจกต์หลายอย่างในช่วงนี้ เลิกจ้างพนักงานและไม่รับพนักงานใหม่ จั่วหัวมาแบบนี้ผู้อ่านหลายคนคงตกใจว่า ทำไมในช่วงที่ผ่านมาหลายบริษัทเทคเติบโตมาก อย่าง Zoom ในช่วง Work From Home เติมโตกว่า 400%

ทำไมตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทเหล่านี้ถึงกับต้องลดคนเลยหรือ และถ้าจริงมีเรื่องอะไรที่เราต้องรู้บ้าง สาเหตุของการเริ่มเลย์ออฟคืออะไร แล้วมันน่ากลัวขนาดที่เราต้องระวังตัวเองหรือไม่ รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านได้จากบทความนี้

การเติบโตแบบชั่วคราวสร้างภาพลวงตาให้บริษัทเทคทุ่มเงินไปมหาศาลกับการจ้างงาน

ผู้บริหารของ Coinbase แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอเรนซีชื่อดังของอเมริกา บอกว่ากำลังลดจำนวนพนักงานลง 18% หรือประมาณ 1,100 คน โดย CEO Brian Armstrong ย้ำเตือนถึงจุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจว่า “ดูเหมือนว่าเราจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เฟื่องฟูกว่า 10 ปี”

เขาเสริมว่าบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีมูลค่าตลาดมากกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ เติบโตเร็วเกินไปในปี 2021 บริษัทเหล่านี้สเกลอัปบริษัทเพิ่มขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากกระแสความนิยมในการลงทุนคริปโทที่บูมมากเมื่อปีที่แล้ว

การตกต่ำลงของรายได้ส่งผลกระทบต่อหลายบริษัท การลดจำนวนพนักงานของ Coinbase เกิดขึ้น 1 วันหลังจาก BlockFi ซึ่งเป็นบริษัทคริปโทเคอเรนซี ที่เติบโตเกือบ 6 เท่าในปี 2021 ประกาศว่า กำลังเลิกจ้างพนักงานประมาณ 250 คน

เช่นเดียวกับ OneTrust บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับความปลอดภัยทางด้านเทคโนโลยีและการตลาด ที่เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ทำการเลิกจ้างพนักงานกว่า 950 คน ส่วนบริษัท Stitch Fix เลิกจ้างไป 330 คน และ ID.me ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบยืนยันตัวตน เลิกจ้างไป 130 คน บริษัทขนส่ง Bird เฉือนพนักงานออกไปพอ ๆ กับ ID.me ตัวเลขที่คล้ายกัน และในขณะที่ PolicyGenius ยื่นซองขาวให้พนักงานเป็นจำนวนกว่า 170 คน และนั่นเป็นเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้าเดือนสิงหาคมนี้เอง

Dan Patterson นักข่าวเทคโนโลยี CBS News กล่าวว่า บริษัทเหล่านั้นกำลังประสบปัญหาหลังจากรับพนักงานในช่วงการระบาดของโควิด-19 บริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากกำลังรวมตัวกันคิดว่าจะเอายังไงดีกับตลาดแรงงาน

จากข้อมูลของ Layoffs.fyi ที่ติดตามการลดจำนวนงานในแต่ละอุตสาหกรรม ระบุว่าตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 เป็นต้นมา บริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกทำการเลิกจ้างพนักงานไปแล้วกว่า 35,000 คน และอีกหลายแห่งกำลังเปลี่ยนแผนในการจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทคริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจนผิดปกติในช่วงปีที่ผ่านมา

“บริษัทเหล่านี้ไม่เพียงแต่เลิกจ้างพนักงานเท่านั้น แต่พวกเขายังยกเลิกแผนการในการรีครูตคนเพิ่มแบบไม่มีกำหนดด้วย”

ตามรายงานจาก Vice ระบุว่า ก่อนที่ Coinbase จะเลิกจ้างพนักงานผู้บริหารได้ปัดตกตำแหน่งงานของแคนดิเดตที่บริษัทกำลังจะจ้างเข้ามาใหม่กว่า 300 ตำแหน่ง  โดยมีเคสว่าพนักงานด้านเทคนิคคนหนึ่งที่กำลังตกงานอยู่ในตอนนี้ และ “กำลังจะ” ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยข้อเสนอตำแหน่งงานที่มีค่าจ้างสูงกว่า 300,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งตอนนี้มีแนวโน้มว่าเขาจะไม่ได้ทำงานนี้แล้ว

ด้วยความที่มูลค่าของ Bitcoin, Ethereum และสกุลเงินยอดนิยมอื่น ๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว บริษัทสตาร์ตอัปหลายแห่งที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนคริปโทเคอเรนซี (cryptocurrency) จึงเป็นธุรกิจอันดับต้น ๆ ที่มีความเสี่ยงจึงอยู่ในระดับแถวหน้าของการเลิกจ้าง แต่การชะลอตัวธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหญ่กว่านั้นมาก ดัชนี NASDAQ มูลค่าติดลบไปกว่า 30% นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการติดลบครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007 ที่ในตอนนั้นร่วงลงกว่า 48%

บริษัทสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีจำนวนมากที่มีการเติบโตอย่างมากในปี 2020 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) การเงิน (Fintech) และขนส่ง (Delivery) เริ่มเห็นการชะลอตัวของผู้ใช้

Andrew Challenger รองประธานอาวุโสของบริษัทช่วยคนหางานหลังถูกเลิกจ้าง Challenger, Grey & Christmas กล่าวในแถลงการณ์ถึงความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นกำลังกระตุ้นให้หลาย ๆ คน “ลดต้นทุนของบริษัทและระดมทุนเพิ่ม”

การถดถอยของบริษัทเทคโนโลยีเปรียบเทียบกับฟองสบู่ดอตคอมในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ซึ่งเราเห็นดัชนี Nasdaq สูญเสียมูลค่าถึง 2 ใน 3 ระหว่างเดือนพฤศจิกายนปี 1999 ถึงพฤษภาคม 2002

Scott Miners ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Guggenheim Partners คาดการณ์ว่าดัชนี Nasdaq อาจลดลงมากถึง 75% ในช่วงหลายปีต่อจากนี้ Jeremy Grantham นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) ในตำนานกล่าวว่าดัชนี S&P 500 อาจลดลงได้ถึง 40%

“บริษัทจำนวนมากอาจจะหายไป” Axel Lehmann ประธานของ Credit Suisse กล่าวในงานอีเวนต์ของ CNBC เมื่อเดือนที่แล้ว

เป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนว่าช่วงเวลานี้จะมาถึง แต่ปี 2022 ก็เป็นปีที่ทำให้อุตสาหกรรมไฮเทคถึงกับไปไม่เป็น หลังจากหลายปีแห่งความรุ่งเรืองของการใช้จ่ายเงินโดยไม่มีข้อจำกัดในการสรรหาพนักงาน การได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ในสถานที่ในฝัน การปรับปรุงทัศนียภาพและงานเลี้ยงที่หรูหรา บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ถูกบีบให้ต้องเบรกอย่างกะทันหันและหาเส้นทางใหม่อย่างรวดเร็ว

แรงกดดันแรกมาจาก “คนที่มีเงิน” ซึ่งบางคนเป็นคนที่มีประสบการณ์มากมายผ่านวิกฤตมานับไม่ถ้วน เช่น กองทุนยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง Sequoia ซึ่งต้องการให้บริษัทต่าง ๆ เริ่มลดค่าใช้จ่ายทันทีและปรับตัวให้เข้ากับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

บริษัทไฮเทคในสหรัฐอเมริกาตอบสนองต่อแนวโน้มที่จะเกิดภาวะถดถอยอย่างรวดเร็ว และไล่พนักงานออกไปแล้วประมาณ 20,000 คนในเวลาอันรวดเร็ว บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Robinhood (เทรดหุ้น) และ Coinbase (เทรดคริปโท) ซึ่งอยู่ในรอยต่อระหว่างเทคโนโลยีชั้นสูงกับตลาดทุน ไล่พนักงานออกหลายพันคนในหนึ่งวัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Meta และ Intel ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องความมั่นคง ประกาศหยุดการสรรหาบุคลากรด้วยเช่นกัน

การเลิกจ้างในสหรัฐฯ มาพร้อมกับการลงทุนที่ลดลงและความวิตกกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น แม้แต่ Elon Musk ก็ทวีตว่าบริษัทที่เขาตั้งใจจะซื้อ (Twitter) จะต้องลดจำนวนพนักงานลงอย่างรวดเร็ว ต่อมา ตามปกติแล้วหลังการประกาศอะไรที่สุดขั้วเขาก็มักจะรีบออกมาให้ข่าวในเชิงที่ทำให้ทุกคนสงบลง แต่ข้อความดักล่าวที่เขาทวิตออกไปทำให้บรรดาพนักงานต้องอกสั่นขวัญแขวน

สาเหตุที่บริษัท Tech ต้อง Lay Off พนักงาน

1. นักลงทุนกำลังกดดันบริษัทและบริษัทก็ต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ทำอะไรบ้างเพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึง

นักลงทุนชอบที่จะเห็นว่าบริษัทที่พวกเขาลงทุนมีความคิดริเริ่มที่จะทำอะไรบางอย่างและไม่เฉยเมยเมื่อเผชิญกับวิกฤตแม้ว่าเงินในคลังจะเต็มไปด้วยเงินสดก็ตาม อย่างบริษัท OpenWeb ของอิสราเอลซึ่งมีผู้บริหารอยู่ในสหรัฐฯ และมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับนักลงทุนของบริษัทมาก เป็นตัวอย่างหนึ่งของนโยบายเลิกจ้าง

แม้บริษัทนี้จะสามารถระดมทุนได้กว่า 150 ล้านดอลลาร์เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมานี้เอง และบริษัทเองก็ไม่ได้ขาดเงินสด แต่ก็ยังเลิกจ้างพนักงานฝ่ายวิจัยและพัฒนาถึง 14 คน แถมลดเงินเดือนพนักงานลงประมาณ 20%

ที่จริงแล้วการเลิกจ้างพนักงานแค่ 14 คน แทบไม่ได้ช่วยเรื่องเงินของบริษัทเท่าไร แถมไม่ส่งผลกระทบต่องบดุลอย่างมีนัยสำคัญด้วยซ้ำ แต่ถ้าหาก OpenWeb ประสบปัญหาจริง จำนวนพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบคน

แล้วมันมีโอกาสเกิดขึ้นไหม ในกรณีนี้ปัจจัยหลักการเคลื่อนไหวในลักษณะการเลิกจ้างของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา ซึ่งระดับเงินทุนนั้นหนากว่าของอิสราเอลมาก จึงเชื่อได้ว่าถ้าบริษัทเทคฯ ในอเมริกาล้ม บริษัทเทคฯ ที่อื่นๆ ในโลกคงอยู่เฉยไม่ได้ การลงมือปรับพนักงานออกอย่างรวดเร็วเป็นหลักฐานที่ฃี้ว่าบริษัทมีอำนาจในการควบคุมและบริหารจัดการเพื่อรับมือกับวิกฤต และยังมีอำนาจในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

2. ไขมันส่วนเกิน (มีกำลังคนมากเกินจำเป็น) และตอนนี้คือโอกาสในการทบทวนทิศทางของธุรกิจอีกครั้ง

หลายบริษัทสะสมไขมัน (ลงทุนเกินความสามารถ) ไว้ค่อนข้างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างฝ่ายการตลาดเต็มไปด้วยพนักงาน ที่ปรึกษา ผู้ช่วย คอนเทนต์ สตาร์ตอัป จ้างคนแม้ในเวลาที่ไม่ต้องการใช้คนในทันที แต่จ้างเพียงเพราะความต้องการและแข่งขันในการแย่งชิงตัวคนเก่ง ๆ พวกเขารู้สึกว่ากำลังต่อสู้กับบริษัทอื่น ๆ ทั้งหมดทุกบริษัทในวงการ และจ้างพนักงานทุกคนที่สามารถจ้างได้ก่อนที่คู่แข่งจะแย่งตัวไป

ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ หลายบริษัทจากที่มีพนักงานไม่กี่สิบคนกลายเป็นหลายร้อยคนในเวลาอันสั้น ส่งผลให้บางคนประสบปัญหาในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรหรือหลอมรวมกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ ซึ่งเกิดขึ้นกับบริษัทที่มีอัตราการจ้างงานที่สูงเกินจริง

วิกฤตในขณะนี้ช่วยให้พวกเขาไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งว่าการจ้างคนที่เกิดขึ้นแล้ว จะสามารถลดพนักงานในส่วนที่ไม่สำคัญลงได้หรือไม่ โดยต้องไม่กระทบกับภาพรวมของบริษัท ยกตัวอย่างเช่น Elementor ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกที่พัฒนาเว็บไซต์ WordPress ได้เลิกจ้างพนักงานประมาณ 50 คน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ในแถลงการณ์ที่ออกโดยบริษัทเน้นย้ำว่า ส่วนใหญ่แล้วคนที่ถูกเลย์ออฟเป็นฝ่ายการตลาดและไม่ใช่ฝ่ายพัฒนา ซึ่งในกรณีของ Elementor ธุรกิจหลักนั้นยังคงไปได้เรื่อย ๆ และลดอัตราเร่งในการขยายธุรกิจลง เนื่องจากเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

3. ผู้บริหารยังไม่มั่นใจว่าจะพาบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้หรือไม่ ซึ่งเท่ากับส่งสัญญาณไปหานักลงทุนในอนาคตถึงความไม่แน่นอน

Cybereason เป็นหนึ่งในบริษัทไซเบอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอิสราเอล อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาบริษัทตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานในต่างประเทศ คนวงในของบริษัทชี้แจงอย่างชัดเจนว่าการเลิกจ้างเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการของ Cybereason สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ที่จะเกิดขึ้น

บริษัทส่งเอกสารไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาในปีนี้แล้ว และระหว่างที่รอการ IPO ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก การเลิกจ้างในวัน IPO เป็นขั้นตอนที่คนในวงการทำกันอยู่แล้วและเป็นขั้นตอนที่ส่งสัญญาณให้นักลงทุนที่จะมาลงทุนในอนาคตรู้ว่าบริษัทของพวกเขาจะเลือกคนที่เหมาะสมและคนที่ดีที่สุดเท่านั้น

4. บริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ได้กลัวการถดถอย แต่เข้าใจว่าอารมณ์ในตลาดกำลังจะเปลี่ยนไป

ในอิสราเอล มีศูนย์พัฒนาบริษัททางเทคโนโลยีข้ามชาติกว่า 350 แห่ง อันที่จริง บริษัทที่มีชื่อเสียงใด ๆ ในซิลิคอนแวลลีย์ นิวยอร์ก หรือยุโรป มีศูนย์นวัตกรรม ศูนย์พัฒนา และแม้แต่ศูนย์ธุรกิจอยู่ที่นี่แทบทั้งนั้น ศูนย์เหล่านี้มีหน้าที่จ้างงานประมาณ 50% ของอุตสาหกรรมไฮเทคในอิสราเอล และในความเห็นของหลาย ๆ คน บริษัทก็มีส่วนในการรับผิดชอบต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของคนงานด้วย

บริษัทต่าง ๆ อย่างเช่น Google, Meta, Amazon หรือ Intel สามารถเสนอเงินเดือนในระดับสูงให้กับพนักงาน ซึ่งมีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถเสนอแบบนี้ได้ และต้องบอกว่าการแข่งขันทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่เพิ่มพนักงานหลายพันคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ก็ยังตระหนักดีว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอาจจะไม่ง่ายแล้ว Intel ประกาศหยุดรับสมัครพนักงานชั่วคราวในบางแผนก ในขณะที่ Meta ก็ประกาศหยุดรับพนักงาน และบริษัทอื่น ๆ กำลังชะลออัตราการรับสมัครพนักงานใหม่

พวกเขาจะเลิกจ้างพนักงานด้วยหรือเปล่า? เบื้องต้นคือมันไม่น่าจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนั้น หลายบริษัทส่วนใหญ่จะมีปัญหาในการสรรหาพนักงานใหม่ในอนาคต และการเลิกจ้างก็มีต้นทุนภายในองค์กรที่สูงมาก (ค่าชดเชย)

5. อนาคตที่ยังไม่แน่นอน ดังนั้นใครล่ะจะกล้าเอาเงินมาเผาทิ้ง

บริษัทเทคโนโลยีจะชอบลดงบประมาณสวัสดิการหรือลดเงินเดือนพนักงานและผู้บริหารชั่วคราว ดังนั้น การเลิกจ้างและการปิดบริษัทจำนวนมากจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อบริษัทที่คิดแต่เรื่องผลกำไรเป็นหลักเริ่มจะเจออุปสรรค และพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลดจำนวนพนักงาน

แต่พวกเขายังคงรับสมัครงานต่อไป เนื่องจากพนักงานที่เก่งจะยังคงหายาก และแม้หลังจากนี้การสรรหาคนทำงานด้านเทคโนโลยีก็ไม่คาดว่าจะหยุดลง พนักงาน R&D ที่มีคุณภาพก็มีอยู่น้อยมาก และพนักงานขายที่ดีจะยังคงว่างงานเป็นเวลานาน

 

อ้างอิง

 

calcalistech.com

The end of a second straight month of layoffs in tech

channelnewsasia.com

cbsnews.com



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online