ภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มปี 2565 มีการขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ ผลผลิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แรงหนุนจากพื้นที่เพาะปลูกที่เพิ่มขึ้น สภาพอากาศเอื้ออำนวย ประกอบกับราคาผลปาล์มที่จูงใจเกษตรกร ทำให้การเก็บเกี่ยวได้ผลผลิตมาก ขณะที่อุปทานในประเทศคู่แข่งลดลง ด้านราคาปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ผลจากวิกฤตความมั่นคงด้านอาหารโลก
สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในไทย เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน (อุตสาหกรรมขั้นต้น) มีจำนวนประมาณ 3.9 แสนครัวเรือนทั่วประเทศ
ซึ่งผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะนำไปใช้กลั่นเป็นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร (ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ครีมเทียม) และใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมไบโอดีเซลหรือ B100 เพื่อนำไปผสมเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์
ผู้กุมอำนาจราคาน้ำมันปาล์มโลกคือประเทศในอาเซียน
ปีที่ผ่านมาการผลิตและบริโภคน้ำมันปาล์มทั่วโลกมีปริมาณ 72.9 ล้านตัน และ 73.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 36.3% และ 36.5% ของปริมาณการผลิตและการบริโภคน้ำมันจากพืชทุกชนิด
แหล่งผลิตน้ำมันปาล์มที่สำคัญและใหญ่ที่สุดอยู่ในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังมีบทบาทกำหนดทิศทางราคาในตลาดโลก คือ อินโดนีเซีย (ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ 43.5 ล้านตัน) และมาเลเซีย (ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ 17.9 ล้านตัน) รวมกันเป็นกว่า 83.9% ของผลผลิตโลก และมีสัดส่วนส่งออกรวมกัน 89.2% ของปริมาณส่งออกน้ำมันปาล์มในตลาดโลก
ส่วนประเทศผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มที่สำคัญ ได้แก่ อินเดีย ด้วยสัดส่วน 17.7% ของปริมาณนำเข้ารวมในตลาดโลก จีน 14.3% สหภาพยุโรป 13.0% และปากีสถาน 7.2%
สัดส่วนประเภทของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
| ประเภทผลผลิตทั้งหมด | สัดส่วนจากผลผลิต Oil Product ทั้งหมด |
| น้ำมันปาล์ม | 36.3% |
| น้ำมันถั่วเหลือง | 34.2% |
| น้ำมันคาโนลา | 13.0% |
| น้ำมันเมล็ดทานตะวัน | 8.5% |
| อื่น ๆ | 8.0% |
ผลผลิตน้ำมันปาล์มทั่วโลกปี 2564
| ประเทศ | สัดส่วนการส่งออกน้ำมันปาล์ม |
| อินโดนีเซีย | 59.7% |
| มาเลเซีย | 24.5% |
| ไทย | 3.8% |
| โคลอมเบีย | 2.1% |
| ไนจีเรีย | 1.8% |
| อื่น ๆ | 8.1% |
สุราษฎร์ธานีครองจังหวัดที่ผลิตน้ำมันปาล์มมากที่สุด
พื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันและโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบของไทย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้สูงถึง 86.1% ของพื้นที่เก็บเกี่ยวปาล์มน้ำมันทั่วประเทศ (Harvested Area) ซึ่งทั้งหมดนั้นมีพื้นที่ให้ผลผลิต (Harvested_Area) อยู่ที่ 5.1 ล้านไร่ (+3.5%) ให้ผลผลิตราว 16.8 ล้านตัน (+7.3%) และมีการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ 3.0 ล้านตัน
จังหวัดที่มีผลผลิตน้ำมันปาล์มมากที่สุด
| จังหวัด | ผลผลิต (ตัน) |
| 1. สุราษฎร์ธานี | 3,691,436 |
| 2. กระบี่ | 3,263,915 |
| 3. ชุมพร | 2,731,352 |
| 4. นครศรีธรรมราช | 1,734,345 |
| 5. ตรัง | 686,155 |
ในปี 2564 ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 75% ถูกใช้เพื่อการบริโภคในประเทศ แบ่งออกเป็นใช้สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร 52% อาทิ ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมข้นหวาน มาการีน ไอศกรีม เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 6.0% คิดเป็นประมาณ 1.24 ล้านตัน เนื่องมาจากการซื้อของกักตุนช่วงโควิดของผู้บริโภค
ไทยมีผลผลิตปาล์มสดและน้ำมันปาล์มดิบสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในปี 2564 พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ให้ผลผลิตอยู่ที่ 6.08 ล้านไร่ (+3.5%) โดยให้ผลผลิตปาล์มสดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 16.8 ล้านตัน (+7.3%) เทียบกับกับปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 15.7 ล้านตัน ทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันต่อไร่เพิ่มขึ้นเป็น 2,761 กิโลกรัม
สำหรับการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบในแต่ละปี จะมีความมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับผลผลิตส่วนเกินในแต่ละช่วงเวลา หากมีอุปทานส่วนเกินในประเทศ รัฐจะช่วยสนับสนุนเรื่องการส่งออก
ปริมาณการส่งออกขยายตัวสูง 165% มูลค่าเพิ่มขึ้น 346%
ปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มในปี 2564 ขยายตัวสูงขึ้น 165.2% ปริมาณ 7.9 แสนตัน มูลค่า 941.6 ล้านดอลลาร์ (มูลค่าเพิ่มขึ้น 346.4% จากปีก่อน)
การส่งออกเร่งตัวได้มากถึง 4 แสนตัน เติบโต 131.6% YoY เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงทางอาหารเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างอินเดียและมาเลเซียเร่งการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบต่อเนื่อง ประกอบกับอินเดียที่เป็นตลาดหลักของไทยปรับลดภาษีนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบลงเหลือ 5% ทำให้ยอดส่งออกไปอินเดียเติบโต 169.8% YoY
ทิศทางอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในอนาคต
วิจัยกรุงศรีมองว่า ปี 2565 ภาพรวมอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของไทยมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง จากพื้นที่เพาะปลูกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 1-2 แสนไร่ สภาพอากาศเอื้ออำนวย เพราะฝนภาคใต้มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปรากฏการณ์ลานีญา ประกอบกับประเทศคู่ค้าเร่งสต๊อกเพื่อควบคุมราคาน้ำมันพืชสำหรับบริโภคภายในประเทศ
ด้านการบริโภคน้ำมันปาล์มดิบของอุตสาหกรรมในประเทศ คาดว่าจะหดตัวราว -7% ถึง-8% จากระดับราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าขั้นปลายน้ำลดลง จากอุปทานที่เพิ่มสูงกว่าอุปสงค์ ส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศมีแนวโน้มปรับลดลงแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 9-11 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ ยังคงต้องระวังปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ได้แก่
- ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มของไทยยังสูงกว่าประเทศคู่แข่ง อย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย แต่อัตราการใช้กำลังการผลิตไทยยังต่ำ ส่งผลให้เสียเปรียบด้านต้นทุนต่อหน่วย ความสามารถด้านการแข่งขันราคา เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในตลาดโลก
- มาตรการ Non-Tariff Barriers ของสหภาพยุโรป (หนึ่งในผู้บริโภคน้ำมันปาล์มหลักของโลก) กำหนดให้ประเทศสมาชิกทยอยลดการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากปาล์มน้ำมันซึ่งเป็นพืชที่มีความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดการสร้างคาร์บอน
- แนวโน้มการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ที่อาจส่งผลให้ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพลดลง
อ้างอิง: Krungsri
–

