ในวันที่ตลาดบัตรพลาสติกได้กลายเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะบัตรเดบิต ที่กลายเป็นตลาดหลักที่ธนาคารต่างทุ่มเทในการสร้างตลาด เพื่อผลักดัน (แกมบังคับ) ให้ผู้ใช้งานเอทีเอ็มแบบเดิมยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าทำบัตรและค่าธรรมเนียมรายปีที่เพิ่มขึ้น เพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ในด้านต่างๆ ทั้งฟังก์ชันนอล ในการรูดบัตรซื้อสินค้าแทนบัตรเครดิต พร้อมรับ Point สะสมเหมือนบัตรเครดิต ส่วนลดต่างๆ ที่ทางธนาคารมอบให้กับผู้ถือบัตรโดยเฉพาะ และอีโมชันนอล ในแง่ของรูปหน้าบัตรลายต่างๆ ที่ธนาคารดีไซน์มาเพื่อเอาใจโดยเฉพาะ ตลาดบัตรเดบิต ในวันนี้จึงไม่ใช่ตลาดบัตรเดบิตทั่วไปอีกต่อไป แต่มันคือตลาดของ ไลฟ์สไตล์ เดบิต

กสิกรไทย บนเส้นทางของผู้นำ ตลาดบัตรเดบิต ไลฟ์สไตล์
เรียกได้ว่า ธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารที่มีกิมมิก ลูกเล่น ทั้งลายหน้าบัตร และสิทธิประโยชน์ต่างๆ มาล่อตาล่อใจลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ให้เปิดบริการเดบิตอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน กระตุ้นให้ลูกค้านำบัตรเดบิตกสิกรเป็นบัตรเดบิตใบหลักที่ลูกค้าใช้บริการอยู่เป็นประจำบนกลยุทธ์ Univesal Debit Card ใช้บัตรเพียงใบเดียวในทุกที่และทุกเวลา
ไม่ว่าจะเป็น K My Debit บัตรเดบิตที่ออกแบบหน้าบัตรเองได้ บัตรเดบิตลายลิขสิทธิ์ต่างๆ อย่างเฮลโล คิตตี้ โดราเอมอน แองกี้เบิร์ด ไลน์ สโมสรฟุตบอล ลายเกมลิขสิทธิ์จากเอเชียชอฟท์ และอื่นๆ อีกมากมายที่เชิญชวนให้แฟนคลับยอมควักกระเป๋าทุ่มทุนเปิดบริการบัตร เพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งในของใช้ของสะสมที่สร้างคุณค่าให้กับจิตใจด้านการเงิน
รวมถึงการร่วมทำบัตรเดบิตโคแบรนด์ เช่น บัตรเดบิต K-Bank 7 Purse มีจุดเด่นของบัตรคือสามารถแตะบัตรชำระสินค้าที่ 7/11 แทนบัตร7 Card ได้ อำนวยความสะดวกในการชำระเงินกับลูกค้าที่ใช้บริการใน 7/11 เป็นประจำ และบัตรโคแบรนด์ K-Bank 7 Purse ยังเป็นบัตรที่ธนาคารกสิกรไทยคาดหวังว่าจะเป็นบัตรหลักที่จะส่งเสริมให้ลูกค้าบัตรเดบิตกสิกรไทยเพิ่มเป็น 11.8 ล้านใบ จากตลาดบัตรรวม 60 ล้านใบในสิ้นปีได้ไม่ยาก
GSB Cookie Run Gen Y Card
ถึงแม้จะเก๋าในตลาดบัญชีเงินฝากแต่ในตลาดบัตรเดบิตแล้ว ธนาคารออมสิน ถือเป็นน้องใหม่(มาก) ที่ปรับตัวเองเข้าสู่โหมด ไลฟ์สไตล์เดบิตเป็นครั้งแรก ด้วยการออกบัตรเดบิต Cookie Run ดึงลูกค้ากลุ่ม Gen Y อายุ 15-30 ปี ที่ออมสินได้สูญเสียลูกค้ากลุ่มนี้ให้กับธนาคารอื่นๆ กลับมาใช้บริการออมสินมากขึ้น
การเปิดตัวในครั้งนี้ออมสินคาดหวังว่าในสิ้นปีจะมีผู้สมัครบัตรออมสินคุกกี้รันทั้งสิ้น 3.5 ล้านใบ พร้อมกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายผ่านบัตรด้วยโปรโมชั่นจ่าย 100 บาท ในการซื้ออาหารในแมคโดนัลด์ชุดที่ร่วมรายการ ส่วนลดตั๋วหนังในเครือเมเจอร์ ซีเนเพล็กซ์ และส่วนลดค่าเกมโบว์ลิ่งใน Blu-O Rhythm & Bowl และ Major Bowl Hit ในสาขาที่ร่วมรายการ
ตลอดจนให้ความสำคัญกับCSR มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษา 10 บาท ทุกการสมัครบัตรเดบิต Cookie Run ทุก 1 ใบอีกด้วย

กรุงศรีไม่เป็นแฟนผีแต่มากับหมี Rilakkuma
ธนาคารกรุงศรีก็เป็นอีกธนาคารหนึ่งที่จับบัตรไลฟสไตล์เดบิต อย่างบัตรเดบิต แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด พร้อมแคมเปญการตลาดส่วนลดเอาใจแฟนพันธ์แท้เด็กผีโดยเฉพาะ
และล่าสุด กรุงศรีได้รุกตลาดบัตรเดบิตด้วยกลยุทธ์ Emotional / Marketing ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และผู้เริ่มต้นทำงาน อายุ 15 – 35 ปี ในรูปแบบบัตรเดบิตลายคาเรคเตอร์การ์ตูนที่ได้รับความนิยม พร้อมสมุดฝากลายเดียวกัน เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้มาเปิดบัญชีบัตรเดบิตกับธนาคารมากขึ้น และล่าสุดได้ออกบัตรลายRilakkuma ซึ่งเป็นคาเรคเตอร์การ์ตูนที่ได้รับความนิยมลายหนึ่งในประเทศไทย และทางกรุงศรีคาดหวังว่าจะมีผู้สนใจเปิดบริการบัตรเดบิต Rilakkuma มากถึง 200,000 ใบในสิ้นปีนี้
Be1 จาก Rabbit สู่เชลซี
ถึงแม้ธนาคารกรุงเทพ จะเน้นการผลักดันตลาดบัตรเดบิตด้วยเทคโนโลยี Paywave ผ่านประสบการณ์ในการใช้บริการ เช่นการร่วมมือกับ BTS จัดทำบัตร Be 1 Rabbit บัตรเดบิตที่ใช้แทนบัตรเดินทาง BTS
แต่ในปีที่ผ่านมาธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสโมสรฟุตบอลเชลซีสัญญา 5 ปี และการร่วมมือในครั้งนี้ก็ได้เป็นต้นกำเนิดในการสร้างตลาดบัตรเดบิตและเครดิตของธนาคารผ่านกลยุทธ์ Sport Marketing เป็นครั้งแรก ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังลูกค้าใหม่ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารมีฐานลูกค้าในช่วงอายุนี้เพียง 30% เท่านั้น
ในวันนี้บัตรเดบิตธนาคารกรุงเทพอาจยังไม่มีรูปนักบอล โลโก้ สโมสรเชลซีอยู่บนหน้าบัตร แต่ธนาคารก็ได้เริ่มอาศัยความเป็นพาร์ทเนอร์ชิพเชลซีสร้างสิทธิพิเศษเมื่อเป็นลูกค้าธนาคารด้วยการมอบส่วนลด 10% ให้กับลูกค้าที่ซื้อบัตรชมThe Singha Chelsea FC Celebration Match, Bangkok 30 May ผ่านบัตรเดบิตและเครดิตของธนาคาร และลุ้นรับตั๋วชมฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อสมัครและใช้จ่ายผ่านบัตร เป็นต้น
เพิ่มเติม http://marketeer.co.th/2015/08/debit-pay
Website : Marketeeronline.co /
