หาดทิพย์ เป็นใคร สำคัญแค่ไหนสำหรับตลาดโค้กในประเทศไทย ?
เราได้เห็นอยู่เสมอว่า แคมเปญการตลาดของโค้กจะไม่ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
เหตุผลง่าย ๆ คือ 14 จังหวัดภาคใต้ไม่ได้ทำตลาดโดยไทยน้ำทิพย์ แต่เป็นหาดทิพย์ ผู้ถือลิขสิทธิ์ โค้ก และสินค้าในเครือในจังหวัดภาคใต้ทั้งหมด
เท่ากับว่าเครื่องดื่มโค้กและสินค้าในเครือของโคคา-โคล่า ประเทศไทย มีผู้ทำตลาดถึง 2 ราย ได้แก่ ไทยน้ำทิพย์ ทำตลาดทั่วประเทศไทย ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้ และหาดทิพย์ดูแล 14 จังหวัดภาคใต้เท่านั้น
และเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างจากเครื่องดื่มน้ำอัดลมอื่น ๆ ทั้งเป๊ปซี่ เอส บิ๊กโคลา ที่มีผู้ผลิตและจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทยเท่านั้น
เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เป๊ปซี่ และสินค้าในเครือ
เสริมสุข เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เอส โคล่า และสินค้าในเครือ
อาเจ ไทย เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย บิ๊ก โคล่า และสินค้าในเครือ
สิ่งที่เป็นต้นกำเนิดให้โค้กมีผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถึง 2 รายมาจาก
ในปี 2512 บริษัท นครทิพย์ ซื้อลิขสิทธิ์ผลิตและจัดจำหน่ายโค้กจากโคคา-โคล่า คัมปะนี สหรัฐอเมริกา เข้ามาทำธุรกิจเครื่องดื่มโค้ก ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา สตูล และยะลา จากการมองเห็นโอกาสการตลาดและการกระจายสินค้าที่ไทยน้ำทิพย์ผู้รับสิขสิทธิ์จำหน่ายโค้กในประเทศไทย กระจายตลาดไปไม่ถึง
โดยไทยน้ำทิพย์เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโค้กในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2502 จากซื้อธุรกิจต่อจากพันตรี รักษ์ ปันยารชุน ผู้บุกเบิกเครื่องดื่มโค้กในประเทศไทย จำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2492 ในรูปแบบหุ้นส่วนกับพาร์ตเนอร์ต่างชาติสองคนได้แก่ Bill Davis และ Ray Derrick
เหตุผลที่รักษ์ขายธุรกิจให้กับไทยน้ำทิพย์ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นเพื่อนสนิทที่ชื่อว่า พจน์ สารสิน มาจากกระแสทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวโยงในการทำธุรกิจ เนื่องจากรักษ์เป็นบุตรเขยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม
กลับมาในส่วนของหาดทิพย์ หลังจากนครทิพย์ซื้อลิขสิทธิ์โค้กทำตลาดใน 3 จังหวัดภาคใต้จนถึงปี 2521 ได้จับมือกับบริษัท ไทยธนา จำกัด จัดตั้ง บริษัท หาดทิพย์ ร่วมกัน
และขอซื้อลิขสิทธิ์ผลิตและจัดจำหน่ายโค้กโคคา-โคล่า คัมปะนี สหรัฐอเมริกา เพิ่มเติม จาก 3 จังหวัด เป็น 14 จังหวัดให้ครอบคลุมจังหวัดภาคใต้ทั้งหมด
บริษัท ไทยธนา เป็นบริษัทที่เข้ามาร่วมกับ นครทิพย์ ในฐานะผู้บริหารงานตั้งแต่ปี 2517 ซึ่งในเวลานั้นไทยธนา มี ไพโรจน์ รัตนกุล เป็นกรรมการผู้จัดการและคณะกรรมการ และพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา เป็นองค์ประธาน
ปัจจุบันหาดทิพย์มีพลตรี พัชร รัตตกุล บุตรไพโรจน์ รัตนกุล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
การทำธุรกิจของหาดทิพย์ใน 14 จังหวัดภาคใต้ในวันนี้ยังคงซื้อลิขสิทธิ์จากบริษัท โคคา-โคล่า คัมปะนี ในรูปแบบลิขสิทธิ์ต่อสัญญาทุก 5 ปี
สัญญาปัจจุบันสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2566
เพื่อผลิตและจัดจำหน่าย โค้ก แฟนต้า สไปร์ท ชเวปส์ เอแอนด์ดับบลิว ในกลุ่มน้ำอัดลม และ น้ำทิพย์ บอนอควา มินิทเมด ฟิวส์ที ในกลุ่มไม่อัดลม

ในตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 58,000 ล้านบาท ในปัจจุบัน แม้หาดทิพย์จะทำตลาดให้กับโค้กเพียง 14 จังหวัดภาคใต้
แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้โค้กยังคงเป็นผู้นำในตลาดน้ำอัดลมได้อย่างน่าสนใจ
อ้างอิงจากไตรมาสครึ่งปีแรก 2565 เครื่องดื่มน้ำอัดลมภายใต้การทำตลาดของหาดทิพย์มีส่วนแบ่งตลาด 81.2% ในตลาดน้ำอัดลมภาคใต้
ส่วนปีที่ผ่านมาหาดทิพย์มีส่วนแบ่งตลาดในน้ำอัดลมภาคใต้ 81.5%
และเป็นส่วนแบ่งตลาดที่สูงกว่าส่วนแบ่งตลาดของน้ำอัดลมในเครือโค้กทั้งประเทศ
สำหรับรายได้ของหาดทิพย์แม้จะไม่ได้มาจากเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือโค้กทั้งหมด เนื่องจากหาดทิพย์ยังมีการร่วมทุนกับบริษัทต่าง ๆ เพื่อทำธุรกิจในภาคใต้ เช่น ล่าสุดร่วมมือกับเซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จัดตั้งบริษัทใหม่ ที่ชื่อ กินดีอยู่ดี 2020 ทำธุรกิจ ร้านเขียง ในภาคใต้
รวมถึงต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ ในภาคใต้ เช่น ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขวดพลาสติก ตัวแทนจำหน่ายสินค้า FMCG หรือ Fast Moving Consumer Goods, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม
แต่รายได้มากกว่า 90% ยังคงมาจากเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือโค้ก
รายได้ของ หาดทิพย์ ในปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 6,544.55 ล้านบาท
มาจาก
น้ำอัดลม 6,033.80 ล้านบาท
น้ำไม่อัดลม 324.27 ล้านบาท
อื่น ๆ 186.38 ล้านบาท
แม้หาดทิพย์จะเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือโค้กเพียงพื้นที่ภาคใต้ แต่พลังของหาดทิพย์เป็นหนึ่งที่ช่วยให้โค้กเติบโตเป็นอย่างดี
ผ่านกลยุทธ์ สองบริษัทแยกกันเดิน แต่ตีตลาดร่วมกัน
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
