การลงทุนข้ามประเทศนั้นก่อให้เกิดผลดีมากกว่าผลเสีย ประเทศที่มีการลงทุนไหลเข้านั้นก็มีเม็ดเงินในเศฐษกิจ เกิดการจ้างงาน และเกิดการแข่งขันให้ธุรกิจในประเทศนั้นปรับตัว ตัวอย่างที่ใกล้ตัวเลยก็คือการลงทุนของญี่ปุ่นในไทย โดยฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่สร้างรายได้ การจ้างงาน ให้ไทยเป็นอย่างมาก ถ้าจะมีผลเสียก็เป็นการใช้ทรัพยากร และมลภาวะของโรงงาน

แต่การลงทุนของจีนในสหรัฐนั้นอาจเป็นคนละเคสกัน โดยก่อนที่จีนเริ่มมาลงทุนในช่วงปี 2000 ญี่ปุ่นก็ล่วงหน้ามาตั้งแต่ช่วงปี 1980 แล้ว แต่ในปี 2000-2014 นั้นจีนก็เร่งสปีดจนเป็นผู้นำด้านการลงทุน ตั้งแต่การลงทุนในเกษตรกรรม อสังหา จนไปถึงพลังงาน โดยในปี 2008 นั้นมีดีลจากจีนในสหรัฐ 339 ดีล มูลค่า 3,800 ล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 1,029 ดีล มูลค่า 47,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2014 และถือเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของรัฐบาลสหรัฐ

 

โดยข้อมูลจาก Rhodium Group นั้นแสดงให้เห็นว่ารัฐที่มีจำนวนการลงทุนจากจีนมากที่สุดนั้นได้แก่ แคลิฟอร์เนีย เท็กซัส นิวยอร์ก มิชิแกน อิลลินอยส์ และ นอร์ทแคโรไลนา ซึ่งรัฐเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะมีร้านอาหาร และสังคมคนจีน หนาแน่นกว่าที่อื่น โดยสิ้นปี 2014 มีการคำนวณว่าบริษัทจีนสร้างการจ้างงานถึง 80,000 คน เพิ่มจากเมื่อปี 2009 จำนวน 15,000 คน

 

 

แต่การลงทุนจากจีนนั้นไม่ได้ทำให้ธุรกิจในท้องถิ่นต้องหายไป เคสตัวอย่าง โรงงานแร่คอปเปอร์ที่ตั้งในเมือง Thomasville รัฐ Alabama ได้ชุบชีวิตเมืองที่มีการว่างงานมากที่สุดเมืองหนึ่งในสหรัฐ โดยจ้างงานมากกว่า 200 งาน และสามารถจ้างได้มากสุดถึง 500 งาน อีกตัวอย่างหนึ่งได้แก่ บริษัท Fuyao Glass ที่ไปซื้อโรงงานของ GM ในโอไฮโอ ที่สามารสร้างงานได้อีก 1,500 งานเลยทีเดียว

โดยภาคการลงทุนที่มีการลงทุนมากที่สุดได้แก่ พลังงาน และ ไอที ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนยังขาดอยู่ แต่สหรัฐนั้นมีพร้อมทั้งทรัพยากรมนุษย์ และเทคโนโลยี ซึ่งการที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวในช่วงระยะหลังนั้นก็อาจเกิดจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย

 

ที่มา : https://www.bloomberg.com/news/articles/2015-05-22/china-inc-is-coming-to-america

https://rhg.com/impact/china-investment-monitor/

 

 

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer