หลังจากที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป ร่วมกับ ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น โปรโมตโครงการเปิดโรงหนังสำหรับสัตว์เลี้ยง หรือ i-Tail Pet Cinema มาตั้งแต่เมษายน 2566 เพื่อสร้างและเช็กกระแส ก่อนที่จะเปิดโรงหนัง i-Tail Pet Cinema จริงในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 เป็นวันแรก

เริ่มเปิด 3 โรง 3 สาขา เป็นสาขาตามศูนย์การค้าที่เป็น Pet Friendly หรือศูนย์การค้าที่เปิดให้เจ้าของพาสัตว์เลี้ยงมาใช้บริการได้ และมีแทรฟฟิกของเจ้าของที่พาสัตว์เลี้ยงเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก

ได้แก่

โรงภาพยนตร์เมกา ซีนีเพล็กซ์

อิสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์

และ เมเจอร์ ซีนีม่า โรบินสันราชพฤกษ์

โรงหนังที่ให้บริการสัตว์เลี้ยงจะติดป้าย i-Tail Pet Cinema ไว้ที่หน้าโรง

ในช่วงเปิดตัว i-Tail Pet Cinema มีกิจกรรมสร้างการรับรู้ ประสบการณ์ และการพูดถึงผ่านกิจกรรมชมหนังฟรี ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 2-3-4 ของเดือนมิถุนายน ในเรื่อง The Little Mermaid, The Flash และ Elemental ฉายสัปดาห์ละเรื่อง เมื่อเข้ามาลงทะเบียนในเว็บไซต์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์

i-Tail Pet Cinema มีรอบฉายวันเสาร์และอาทิตย์ รอบแรกของวัน วันละ 1 รอบ หนังที่เข้าฉายเป็นหนังปกติทั่วไปที่ได้รับความนิยมในเวลานั้น

จำกัดสัตว์เลี้ยงที่เข้าไปดูหนังกับเจ้าของได้ จะต้องเป็นหมา หรือแมว อายุ 4 เดือนขึ้นไป ไม่ตั้งครรภ์ และฤดูผสมพันธ์ุ น้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัมที่สามารถอยู่ในกระเป๋า Pet Cinema ที่ทำขึ้นมาเป็นพื้นที่โดยเฉพาะปูด้วยแผ่นรองซับทำความสะอาดสำหรับสัตว์เลี้ยงให้เข้าไปนั่งหรือนอนระหว่างดูหนัง

กระเป๋า Pet Cinema จะให้วางอยู่บนเก้าอี้ดูหนังปกติ และสัตว์เลี้ยงต้องอยู่ในกระเป๋าตลอดการชมหนัง

เจ้าของจะต้องมาซื้อตั๋วหนังที่หน้าโรง โดยซื้อตั๋วหนังให้กับตัวเองในราคาตั๋วหนังในราคาปกติ และซื้อตั๋วให้กับสัตว์เลี้ยงใบละ 99 บาทต่อตัว เพื่อนั่งชมตัวละ 1 ที่นั่ง ไม่จำกัดจำนวนสัตว์เลี้ยงต่อหนึ่งเจ้าของ

ตั๋วหนังสำหรับสัตว์เลี้ยง 99 บาท จะมีผ้าอ้อมสำเร็จรูปบังคับให้สัตว์เลี้ยงใส่ก่อนเข้าโรงหนังทุกครั้ง

และลูกค้าที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงสามารถเข้าชมในรอบ Pet Cinema ได้

แต่เสียงในโรงหนังรอบสัตว์เลี้ยงจะลดเสียงลงจากปกติ 30% และมีไฟสว่างมากขึ้น เพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงตื่นกลัว

หลังหนังจบมีการทำความสะอาดดูดขน ฆ่าเชื้อ ดับกลิ่น เพื่อเปิดรับลูกค้าท่านอื่น ๆ ที่มาดูหนังปกติในรอบถัดไป

 

โรงหนังสัตว์เลี้ยง i-Tail Pet Cinema พิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ให้ข้อมูลวันซอฟท์ลอนช์ว่า ถือเป็นโรงหนังสำหรับสัตว์เลี้ยงแห่งแรกของโลก ที่เป็นโรงหนังในรูปแบบโรงหนังถาวรที่มีรอบฉายเป็นประจำ

เพราะในต่างประเทศ รวมถึงไทยการเปิดรับสัตว์เลี้ยงเข้าโรงหนังจะเป็นในรูปแบบเฉพาะกิจตามอีเวนต์ต่าง ๆ หรือเหมาโรงเท่านั้น

เหตุผลของการเปิดโรงหนัง i-Tail Pet Cinema นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บมจ.  เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป ให้ข้อมูลว่า มาจากการมองเห็นโอกาสและ Pain Point ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่อยากปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองอยู่บ้านคนเดียวเป็นเวลานาน ๆ จึงเลือกที่จะไม่ดูหนังตามโรงภาพยนตร์ และหันมาดูหนังตามแพลตฟอร์มออนไลน์ที่บ้านแทน

เพราะที่ผ่านมาโรงหนังไม่เปิดให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปดูหนังในโรงได้

และการเลือกหนังรอบแรกของวันเพื่อให้เจ้าของนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปดูได้ มาจากรอบแรกของวันเป็นรอบที่มีแทรฟฟิกต่ำที่สุด ซึ่ง Pain Point นี้คือโอกาสที่น่าสนใจที่จะสร้างแทรฟฟิกให้คนมาดูหนังในโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นในรอบที่ไม่มีคนดูเท่าไรนัก นั่นหมายถึงโอกาสที่สร้างรายได้ที่มากขึ้นจากการเปิดฉายภาพยนตร์ในรอบแรกของวัน

อย่างน้อยเป็นเวลา 1 ปี ตามสัญญาความร่วมมือระหว่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เป็นผู้ Support โรงหนัง และ ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้ทำกิจกรรมการตลาด

นรุตม์ให้ข้อมูลเพิ่มว่าโมเดลนี้เป็นโมเดลที่คล้ายกับโรงหนัง Kid Cinema ที่ดึงแทรฟฟิกจากผู้ปกครองและเด็กให้เข้ามาดูหนังในรอบแรกของวัน

ซึ่งในปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด Kid Cinema สามารถขายตั๋วให้เด็กได้มากถึง 1 ล้านใบ และเมื่อรวมผู้ปกครองที่เข้าร่วมชมหนังกับลูกหรือหลานแล้ว Kid Cinema สามารถทำเงินจากการขายตั๋วได้มากถึง 3 ล้านใบ

ส่วนปัจจุบัน Kid Cinema มีสาขาทั้งหมด 12 สาขา

ส่วนโอกาสของ ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น คือ การสร้าง Awareness และประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ในเครือ

เพราะหน้าโรงหนัง i-Tail Pet Cinema นอกเหนือจากจะติดป้ายชื่อโรงหนังเป็นชื่อ i-Tail สร้างการรับรู้ สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด และสร้างความรู้สึกให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงว่า ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น คือผู้เข้าใจในผู้เลี้ยงสัตว์ ที่รักสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก หลาน หรือคนในครอบครัว และไม่ต้องการทิ้งให้สัตว์เลี้ยงอยู่ตัวเดียวเป็นเวลานาน ๆ เมื่อออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านที่ไม่สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปได้

ยังมีตู้ขายอาหารสัตว์ของ ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น ได้แก่ Bellotta, Marvo และ ChangeTer ให้เจ้าของได้เลือกซื้อให้สัตว์เลี้ยงกินระหว่างวัน และเมื่อสัตว์เลี้ยงติดใจในรสชาติโอกาสในการเป็นลูกค้าประจำมีเพิ่มตามมา

รวมถึงมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมกับเจ้าของที่พาสัตว์เลี้ยงเข้าชมหนังด้วย

เนื่องจากตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มีมูลค่ารวมมากถึง 50,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-12% เป็นการเติบโตสูงกว่าตลาดโลกที่มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% จากการที่คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับอาหารสัตว์โดยเฉพาะที่มีโภชนาการที่ดีกว่าการให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารคนเหมือนในอดีต

 

อย่างไรก็ดีตลาดสัตว์เลี้ยงถือเป็นตลาดที่เป็นเทรนด์ที่น่าสนใจ เพราะในวันนี้ผู้เลี้ยงสัตว์จะเลี้ยงหมาในขนาดตัวที่เล็กลง และเลี้ยงแมวเพิ่มขึ้น

และพวกเขาให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายไปกับสัตว์เลี้ยงต่อตัวมากถึง 10,000-20,000 บาทต่อปี

ซึ่งถ้า i-Tail Pet Cinema ทั้ง 3 สาขาให้การตอบรับดี ผู้บริหารเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ให้ข้อมูลว่ามีโอกาสในการขยายสาขาไปในศูนย์การค้าที่เป็น Pet Friendly อื่น ๆ ซึ่งในวันนี้มีศูนย์การค้าในรูปแบบนี้จำนวนมาก และนรุตม์มองว่า เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เป็นหนึ่งในทำเลที่น่าสนใจ



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online