จากข่าวกำหนดฉาย “How Do You Live?” ภาพยนตร์แอนิเมชันจากค่าย Studio Ghibli ในวันที่ 14 กรกฎาคมที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายของ Hayao Miyazaki ผู้ถางทางให้ภาพยนตร์แอนิเมชันโลดเเล่นในระดับโลก
เป็นผลงานที่แฟน ๆ ของ Studio Ghibli ต่างตั้งตารอ
วันนี้ Marketeer จะพาย้อนกลับไปถึงวันเเรกของ Studio Ghibli และ Miyazaki ตลอดระยะเวลาหกทศวรรษที่ผ่านมา จากวันเเรกของการเริ่มต้น สู่บทสรุปสุดท้ายของชายวัย 82 ปี ผู้พลิกหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไปอย่างสิ้นเชิง
Studio Ghibli พื้นที่แห่งความฝันของแอนิเมเตอร์ที่อยากถ่ายทอดผลงานดี ๆ
เเม้ไม่โด่งดังเท่า Pixar ภาพยนตร์แอนิเมชัน แต่ Studio Ghibli นำเสนอผลงานภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด เป็นที่รู้จักในด้านคุณภาพการสร้างภาพยนตร์และศิลปะ สร้างแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์แอนิเมชันอีกมากมาย
Studio Ghibli ผลิตภาพยนตร์อนิเมะที่ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นมากถึง 15 เรื่อง พร้อมรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และรางวัลก็อลเดอเนอร์แบร์ เป็นเครื่องการันตีความยิ่งใหญ่
แต่หากย้อนกลับไปพูดถึงในยุคเเรก ไม่ง่ายที่แอนิเมชันจะผงาดคว้ารางวัลใหญ่ระดับโลก เเละสร้างรายได้มหาศาลได้เท่าภาพยนตร์หลัก
เเต่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับแอนิเมเตอร์ชาวญี่ปุ่นอย่าง “Hayao Miyazaki” แอนิเมเตอร์ ผู้กำกับ ผู้ผลิต นักเขียนบท เเละนักวาดการ์ตูน ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันเเละความเชื่อที่ว่า แอนิเมชันสามารถถ่ายทอดเรื่องราวลึกซึ้งผ่านลายเส้น เเละพลิกหน้าประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ได้
ดังเช่นความหมายของคำว่า “ghibli” (จิบุริ) ที่แปลว่า “ลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทรายซาฮาร่า” เพื่อพัดพากระแสใหม่มาสู่อุตสาหกรรมอนิเมะ ขณะเดียวกัน Ghibli ยังเป็นชื่อของเครื่องบินรบอิตาลี สะท้อนความหลงใหลในเครื่องบินของมิยาซากิหนึ่งในผู้ก่อตั้งสตูดิโอเเห่งนี้
เส้นทางก่อนการก่อตั้งจะเริ่มขึ้น. . .
เริ่มต้น Miyazaki พร้อมด้วยเพื่อนในทีม Takahata และ Toshio Suzuki ทำงานด้วยกันที่ Toei Animation
ภาพยนตร์เรื่องแรกที่มิยาซากิกำกับคือ “Lupin III: The Castle of Cagliostro” ตอนปราสาทของคาริออสโตร ออกฉายปี 1979 ขณะนั้นสตูดิโอส่วนใหญ่มักจะผลิตเฉพาะภาพยนตร์แอนิเมชันสำหรับละคร ในสื่อทีวีเป็นหลัก เพราะการผลิตภาพยนตร์เลยมีความเสี่ยงเกินไป รับประกันความสำเร็จได้ยาก
เเต่ขณะที่สร้างละครโทรทัศน์ไป Miyazaki เเละเพื่อนในทีมเล็งเห็นว่าสื่อโทรทัศนมีงบประมาณและเวลาจำกัด ทำให้ผู้ผลิตต้องเร่งทำงาน ผลงานที่ออกมาจึงขาดความเสมือนจริง คุณภาพน้อย ขาดความลึกของเรื่องราว เป็นที่มาให้ตัดสินใจสร้างสตูดิโอผลิตผลงานของตัวเองขึ้น
เเละเมื่อปล่อยผลงานแจ้งเกิดในวงการ อย่าง “Nausicaä of the Valley of Wind” ปี 1984 สร้างจากนิยายภาพที่ Miyazakiเป็นผู้แต่ง เเละกำกับโดย Miyazaki อำนวยการสร้างโดย Takahata เเละ Suzuki เป็นคณะกรรมการการผลิต สามารถสร้างรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศ ผู้ชมมากถึง 915,000 คน
ความสำเร็จนั้นช่วยให้ก่อตั้ง Studio GHIBLI ขึ้นในปี 1985 ได้ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัทสำนักพิมพ์ Tokuma Shoten ในโตเกียว
ช่วงเเรกของ Studio Ghibli เป็นเวลาที่แอนิเมชันยังถูกลดคุณค่าจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ อนิเมะไม่ได้เป็นกระแสหลักเหมือนในปัจจุบัน จำนวนโรงฉายภาพยนตร์และผู้ชมยังเป็น Niche Market
ปี 1986 Studio Ghibli เปิดตัวภาพยนตร์สารคดีชื่อ Laputa: Castle in the Sky มีผู้ชมกว่า 775,000 คน ได้รับเสียงชื่นชมอย่างถล่มทลาย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สตูดิโอก็ดำเนินการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชัน ที่ส่วนใหญ่เขียนบทและกำกับโดย Miyazaki
Hayao Miyazaki ผู้สร้างจิตวิญญาณให้ Studio Ghibli
Miyazaki ชายในวัย 81 ปี เป็นนักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นและผู้กำกับภาพยนตร์ดัง ทำงานในวงการนี้มากว่าหกทศวรรษ ได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งญี่ปุ่นเเละนานาชาติ
เคยถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดจากนิตยสารไทม์ เทียบเท่าแอนิเมเตอร์ชาวอเมริกัน อย่าง Walt Disney, Nick Park รวมถึง Robert Zemeckis ผู้บุกเบิกแอนิเมชัน Motion Capture
Miyazaki คือลูกของวิศวกรการบิน เขาเกิดในช่วงเผชิญสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้ชีวิตวัยมัธยมหมดไปกับการอ่านมังงะ ด้วยความหลงใหลในการ์ตูน เเม้มหาวิทยาลัยจะต้องเรียนด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์
เเต่หลังจบการศึกษาเขาก็ตรงไปเริ่มงาน กับ Toei Animation ยักษ์ใหญ่แห่งวงการแอนิเมชันญี่ปุ่น จนได้ทำงานเป็นหัวหน้าแอนิเมเตอร์และผู้ออกแบบฉากในเรื่อง “Hols: Prince of the Sun”
ก่อนที่ Miyazaki จะทำงานให้กับ Ghibli เขาได้กำกับภาพยนตร์มาแล้ว 2-3 เรื่อง เช่น Lupin the Third: The Castle of Cagliostro, โคนัน เด็กชายในอนาคต เเละ Nausicaa of the Valley of the Wind ปี 1984 ที่เขาได้กำกับอย่างเต็มตัว
ภาพยนตร์เรื่องแรกของสตูดิโอที่ออกฉาย คือ Laputa: Castle in the Sky กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันรายได้สูงสุดในญี่ปุ่น มากกว่า 500 ล้านเยน จากการขายตั๋วภายในระยะเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ดี Laputa มีลายเซ็นที่บ่งบอกความเป็น Miyazaki อย่างชัดเจน ทั้งความหลงใหลในการบินและแนวคิดสัจนิยม ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจการบิน ในชื่อ สายการบินมิยาซากิ
ภาพยนตร์ของ Miyazaki มักจะรวมเอาประเด็นต่างๆ เช่น ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติและเทคโนโลยี ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ แฝงความเป็นสตรีนิยม สังเกตได้จากตัวละครเอกในผลงานมักเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็ง รักอิสระ
Miyazaki เคยหยุดพักงานไปช่วงหนึ่ง ก่อนกลับมากำกับเรื่อง “Spirited Away” 2003 ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำรายได้ 200,000,000 ดอลลาร์ก่อนเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา เเซงหน้าภาพยนตร์ดัง Titanic ได้ และได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมในปี 2002 (เป็นเรื่องเดียวที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ)
มากไปกว่านั้น ยังคว้ารางวัล “ก็อลเดอเนอร์แบร์” หรือหมีทองคำในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินอีกด้วย
อีกทั้งภาพยนตร์เรื่อง “Howl’s Moving Castle” ที่ออกฉายเวลาไล่เลี่ยกัน ก็ประสบความสำเร็จ ได้ฉายในสหรัฐฯ ทำให้มิยาซากิถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2006
ผลงานส่วนใหญ่ของเขาประสบความสำเร็จทั้งในด้านรายได้และคำชื่นชมมาโดยตลอด
จุดเปลี่ยน จากญี่ปุ่น ไประดับโลก พุ่งทะยานสู่นิวไฮ
ผลงาน ของ Studio Ghibli รวมภาพยนตร์สารคดีมากกว่า 22 เรื่อง ทั้งภาพยนตร์โทรทัศน์ ภาพยนตร์สั้น โฆษณาทางโทรทัศน์ รวมถึงภาพยนตร์สารคดี
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ Studio Ghibli เติบโตอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาได้ คือ ภายยนตร์เรื่อง “Movie Kiki’s Delivery Service” ปี 1989 จากโฆษณาทางทีวีเป็นหลัก เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นปีนั้น จน Walt Disney Studios ขอซื้อลิขสิทธิ์จัดจำหน่าย
ในปี 1988 Studio Ghibli ปล่อย ภาพยนตร์สองเรื่องพร้อมกัน ได้แก่ Grave of the Fireflies และ My Neighbor Totoro ของมิยาซากิ เเต่ทั้งสองเรื่องค่อนข้างเงียบ เมื่อเทียบกับหนังเรื่องก่อนหน้า เนื่องจากความล่าช้าไม่ได้ฉายในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นไฮซีซันสำหรับหนังญี่ปุ่น เเต่คุณภาพงานก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณศิลป์ชั้นเยี่ยม ทำให้สตูดิโอเป็นที่รู้จักขึ้นมา
อีกทั้งสินค้า Totoro ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนสามารถชดเชยการขาดดุลในต้นทุนการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง Totoro ยังถูกนำมาใช้เป็นโลโก้ของบริษัทอีกด้วย
ตามมาด้วย “Princess Mononoke” กำกับโดย Miyazakiออกฉายปี 1997 เเม้ทำผลงานได้ไม่ดีในบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาเหนือ แต่ก็ขายดีในรูปแบบดีวีดีและวิดีโอ เปิดประตูบานแรกให้สตูดิโอก้าวสู่ระดับโลก ส่งผลให้ชื่อของ Miyazaki กลายเป็นที่รู้จักในนานาประเทศ
ตัวอย่างผลงานของ Hayao Miyazaki
- Laputa Castle in the Sky (1986) ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศญี่ปุ่น
- My Neighbor Totoro (1988) 20th Century Fox นำไปเผยแพร่โฮมวิดีโอของตน ซึ่งขายได้มากกว่า 560,000 รายการ
- Kiki’s Delivery Service (1989) กำกับโดยมิยาซากิ กวาดผู้ชมได้ 2.64 ล้านคน แซงหน้าภาพยนตร์ของ GHIBLI ที่ออกฉายก่อนหน้า ทั้งในด้านรายได้และจำนวนบ็อกซ์ออฟฟิศ
- Porco Rosso (1992) รายได้แซงหน้า “Hook” ของสปีลเบิร์ก และ “the Beauty and the Beast” ของดิสนีย์
- Whisper of the Heart (1995) ภาพยนตร์แอนิเมชันแนว Coming of Age เขียนบทโดยมิยาซากิ
- Princess Mononoke (1997) ทำรายได้ 169,785,629 ดอลลาร์
- Spirited Away (2001) – 355,467,076 ดอลลาร์
- Howl’s Moving Castle (2004) ภาพยนตร์เรื่องที่สอง ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ทำรายได้ 236,212,992 ดอลลาร์
- The Secret World Of Arrietty (2010) – 149,184,563 ดอลลาร์
- The Secret World of Arrietty แม้ไม่ดังในสหรัฐฯ เท่ากับเรื่องอื่น ๆ ของสตูดิโอ เเต่รายได้รวมทั่วโลกยังดี 149,184,563 ดอลลาร์
- The Secret World of Arrietty และ From Up on Poppy Hill มิยาซากิเป็นผู้เขียนบท ให้ลูกชายกำกับ
- Ponyo โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย ทำรายได้กลับมาให้สตูดิโออีกครั้ง หลังกระแสตอบรับไม่ดี จากภาพยนตร์ที่กำกับโดยลูกชายมิยาซากิ รายได้ 203,204,882 ดอลลาร์
- The Wind Rises (2013) สร้างจากมังงะชื่อเดียวกันของมิยาซากิ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2014 กวาดรายได้ 136,454,220 ดอลลาร์
ภาพยนตร์หลายเรื่องของ Studio Ghibli ก็ประสบความสำเร็จทั้งในตลาดญี่ปุ่น และทั่วโลก ภาพยนตร์ 9 เรื่อง เป็นอนิเมะที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลใน 20 อันดับแรก เเละเป็นผลงานของมิยาซากิกว่า 8 เรื่อง
อันดับ 1 Spirited Away, อันดับ 2 Howl’s Moving Castle, อันดับ 3 Ponyo, อันดับ 5 Princess Mononoke, อันดับ 6 Arrietty, อันดับ 7 The Wind Rises, อันดับ 12 Tales from Earthsea, อันดับ 14 From Up on Poppy Hill และ อันดับ 19 The Cat Returns
ปัจจุบันสตูดิโอร่วมกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ อาทิ Netflix และ HBO Max เพิ่มช่องทางการรับชมภาพยนตร์สำหรับเเฟนของสตูดิโอ เเต่ยังคงให้ความสำคัญกับการฉายในโรงภาพยนตร์มาก่อนเป็นอันดับเเรก
ในปี 2014 Miyazaki ประกาศเกษียณชั่วคราว เเต่ยังทำงานใน Studio Ghibli อยู่ เพียงหลบให้นักเขียนและผู้กำกับอนิเมะคนอื่น ๆ ได้โชว์ฝีมือ
ก่อนที่ 2017 Miyazaki จะประกาศกำกับภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “How Do You Live?” เป็นเรื่องสุดท้ายของเขา เป็นเรื่องราวที่สร้างจากนวนิยายของนักเขียน Genzaburō Yoshin บอกเล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ต้องรับมือกับความยากจน
มีกำหนดเข้าฉายในญี่ปุ่น 14 กรกฎาคมนี้ โดยจะไม่มีการปล่อยตัวอย่าง และไม่ทำการโปรโมต หรือปล่อยข้อมูลภาพยนตร์ จนกว่าหนังจะเข้าฉาย เเต่ยังไม่มีการประกาศฉายในต่างประเทศ
“How Do You Live?” จะเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายของ Miyazaki ที่จะตอกย้ำฐานะผู้กำกับแอนิเมชันชั้นนำของโลก ยืนยันความสามารถอันล้นเหลือของ Hayao Miyazaki ในฐานะนักเล่าเรื่อง ศิลปินสากลผู้สร้างแอนิเมชัน ส่งท้ายบทสรุปชีวิตบนเส้นทางการทำงานตลอด 60 ปี
อ้างอิง: theguardian, screenrant, nausicaa, britannica, celticenglish, empireonline, Oscars.org, concreteplayground, nationaltoday, Wired, faroutmagazine, oxfordbibliographies, IMDB, 25rottentomatoes
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ