Sakuma Drops แบรนด์ลูกอมญี่ปุ่นอายุเกินร้อยที่อวสานจากพิษเศรษฐกิจ
ด้วยการเปิดประเทศเพื่อรับเอาวิทยาการต่าง ๆ ของตะวันตกมาปรับใช้ก่อนหลายประเทศในเอเชีย การบริหารด้วยความรอบคอบ และปัจจัยบวกอื่น ๆ ญี่ปุ่นจึงมีบริษัท มีธุรกิจมากมายทัดเทียมกับนานาประเทศ
Sakuma Drops
ขณะเดียวกัน ก็มีแบรนด์มีบริษัทญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่อายุเกินร้อยปี ซึ่ง Sakuma Dropsคือหนึ่งในนั้น โดยแบรนด์ลูกอมผลไม้ที่บรรจุอยู่ในกล่องสังกะสีสีแดงขนาด 4 คูณ 3.5 นิ้ว ผลิตโดยบริษัท Sakumaiseika เริ่มวางตลาดมาตั้งแต่ปี 1908 ในราคาเพียง 100 เยน (ราว 25 บาท ตามค่าเงินปัจจุบัน)
ซึ่งเป็นช่วงปลายยุคเมจิที่ญี่ปุ่นเดินหน้าปฏิรูปประเทศ และจากนั้นผ่านเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มามากมาย
ญี่ปุ่นในยุคเมจิ
หนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่ลูกอมSakuma Dropsผ่านมาคือสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งว่ากันว่า ช่วงนั้น โซจิโระ ซาคุมะ ผู้ก่อตั้ง Sakumaiseika ถึงขนาดต้องปั๊มลูกอมไปพร้อใกับคอยหลบการทิ้งระเบิดของเครื่องบินสหรัฐฯ ที่มาโจมตีญี่ปุ่นไปด้วย
การผ่านช่วงเวลายากลำบากดังกล่าวมาได้ทำให้Sakuma Dropsถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากใน Grave of the Fireflies อนิเมะเรื่องดังของสตูดิโอ จิบลิ โดยตัวกล่องกับลูกอมปรากฏให้เห็นหลายครั้ง
ในบางฉากก็ถึงขนาดทำให้ผู้ชมน้ำตาไหลออกมา เพราะถือได้ว่าแทบเป็นตัวละครสำคัญ และสื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง แต่ที่สุดก็จบลงด้วยความเศร้า เพราะผลกระทบของสงครามนั่นเอง
การปรากฏอยู่ในอนิเมะเรื่องนี้ที่ใช้ชื่อไทยแบบแปลตรง ๆ ว่า สุสานหิ่งห้อย ยังทำให้Sakuma Dropsเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และบริษัทก็มีการทำกล่องสกรีนภาพจากอนิเมะออกมา เพื่อกระตุ้นยอดขายในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาญี่ปุ่นอีกด้วย
ต่อมาลูกอมแบรนด์นี้ ที่วางตลาดปีเดียวกับที่ Ford เปิดตัว Model T เครื่องยนต์ของรถรุ่นแรก ๆ และ Rexona แบรนด์สเปรย์ระงับกลิ่นกายดังระดับโลกก่อตั้งแบรนด์ ก็ยังประคองตัวข้ามยุคสมัยมาได้ แต่ก็ต้องทยอยลดขนาดบริษัทจนเหลือพนักงานเพียงหลักร้อย และทำแทบไม่ได้ขึ้นราคาเลย
นี่ทำให้Sakuma Dropsเป็นลูกอมอยู่คู่ร้านขายของชำญี่ปุ่น และยังพอหาซื้อได้ในปัจจุบันที่มีลูกอมและขนมให้เลือกกินมากมาย แม้ลูกค้าประจำของแบรนด์จะเป็นคนรุ่นเก่าวัยกลางคนขึ้นไปก็ตาม
ทว่าเค้าลางว่า บริษัทร้อยปีเจ้าของแบรนด์ลูกอมเก่าแก่และเปี่ยมเรื่องราวอาจไม่ได้ไปต่อก็เริ่มปรากฏ โดยต้นปี 2022 Umaibo ขนมข้าวโพดอบกรอบทรงกระบอกที่วางขายมาตั้งแต่ปี 1979 ประกาศขึ้นราคาจาก 10 เยนเป็น 12 เยน (จากราว 2 บาท เป็น 3 บาท ตามลำดับ) ถือเป็นการขึ้นราคาครั้งแรก ตามราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อ
Umaibo
ถัดจากนั้นวิกฤตในยุโรปก็ทำให้ราคาอาหาร วัตถุดิบและต้นทุนในการผลิตสินค้าทุกอย่าง รวมไปถึงอาหารแพงขึ้น โดยมีข่าวออกมาเป็นระยะ ๆ ว่า กระทบต่ออาหารมากมายในญี่ปุ่น ไล่ตั้งแต่ ซูชิ ราเมง จนมาถึงขนมต่าง ๆ ที่ก็แบกรับต้นทุนไม่ไหวต้องขึ้นราคาตาม
ที่สุดก็กระทบมาถึงSakuma Dropsโดยในปีงบประมาณล่าสุด โดย Sakumaiseika ขาดทุน 150 ล้านเยน (ราว 38 ล้านบาท) จนไปต่อไปไหว ต้องปิดแบรนด์และบริษัทในมกราคมปี 2023
ข่าวนี้สร้างความเสียใจและเสียดายให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะบรรดาผู้ใหญ่ที่เห็นแบรนด์นี้มาตั้งแต่ยังเด็ก และเจ้าของร้านของชำรุ่นเก่า ๆ ที่สินค้าเก่าแก่ต้องหายไป
ด้าน สตูดิโอ จิบลิ ที่ผูกพันกับSakuma Drop ผ่านอนิเมะ นิทานหิ่งห้อย ก็ร่วมแสดงความเสียดายผ่านการโพสต์ Twitter
อย่างไรก็ตาม Sakuma Drops ก็ไม่ได้หายไปจากตลาด เพราะยังมีวางขายอยู่ในชื่อเดียวกันแต่ในกระป๋องสีเขียว จาก Sakuma Confectionary บริษัทคู่แข่งที่แยกตัวออกจากบริษัทเดิม
เรื่องของ Sakuma Drops ไม่ต่างจากเหรียญสองด้าน โดยด้านหนึ่งคือการเป็นแบรนด์อายุ 114 ปี ผ่านมาได้หลายยุคหลายสมัย และผูกพันกับคนหลายรุ่น จึงเป็นหนึ่งในแบรนด์ในความทรงจำของชาวญี่ปุ่น ที่เตือนถึงความสุข-ทุกข์ ของผู้คนที่ได้เคยลิ้มรสลูกอมแบรนด์นี้ แม่ในช่วงที่ประเทศเผชิญความยากลำบาก
ส่วนอีกด้านคือ บทเรียนของการไม่ปรับตัว จนที่สุดก็ต้องถึงคราวอวสานท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและพิษต้นทุน ซึ่งยังสามารถเชื่อมกับการตกต่ำของแบรนด์ญี่ปุ่นในปัจจุบันได้อีกด้วย
บริษัทที่กำลังมองกรณีของSakuma Dropsอย่างตั้งใจและใช้เป็นบทเรียนมากที่สุดคือ Sakuma Confectionary ที่ยอมว่ากำลังรีบปรับตัว เพราะไม่อยากต้องปิดตัวตามกันไปนั่นเอง/japantoday
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ