แบรนด์ Marimekko เข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อปี 2558 โดยกลุ่มธนจิรา กรุ๊ป เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ และไทยเป็นประเทศที่เปิด Marimekko อันดับท้าย ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัจจุบันแบรนด์ Marimekko มีสาขาในไทย 13 สาขา และจะเปิดสาขาเพิ่มในเชียงใหม่ในไซซ์เล็ก

สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Marimekko  มีสาขาในประเทศต่าง ๆ ได้แก่

เกาหลีใต้

จีน

ไต้หวัน

ฮ่องกง

และญี่ปุ่น

 

โดยสิงคโปร์ในอดีตเคยมีแบรนด์ Marimekko เข้ามาทำตลาดเป็นประเทศแรก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนที่จะปิดตัวลงเพียง 2 ปี

การพาแบรนด์ Marimekko เข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา มีความท้าทายในเรื่องที่คนไทยยังรู้จักแบรนด์ Marimekko ไม่มากนัก บางคนคิดว่าเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น เพราะชื่อของแบรนด์มีความคล้ายกับภาษาญี่ปุ่น

และผู้บริโภคมองแบรนด์ Marimekko ไม่ออกว่า เป็นแบรนด์ที่ขายสินค้าอะไร

สาขาแรกของ Marimekko ในประเทศไทยจึงเป็นเหมือนการมองหาจุดเชื่อมโยงผู้บริโภคไทยกับแบรนด์

ซึ่งในช่วงเวลาเปิดตัวช็อปแรก Marimekko ตกแต่งร้านในสไตล์ที่ได้รับจากบริษัทแม่ที่ฟินแลนด์ จนค้นพบกลยุทธ์ในการเข้าถึงลูกค้า และสร้าง Awareness ให้เป็นที่รู้จักผ่านเสื้อผ้า และกระเป๋า

ทำให้ 2 ปีหลังจากเปิดตัวในไทย กลุ่ม ธนจิรา กรุ๊ป ปรับโฉมช็อปที่เซ็นทรัลเวิลด์ใหม่ มีการใช้หุ่นใส่เสื้อผ้าเป็นดิสเพลย์นำเสนอให้กับลูกค้าที่พบเห็น และนำช็อปของแบรนด์เข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่จำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น

พร้อมกับสร้างตลาดให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นผ่านถุงผ้าพิมพ์ลาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Marimekko ที่มีราคาไม่สูงมากในการเปิดประสบการณ์ผู้บริโภคกับแบรนด์

และกลยุทธ์ทำความรู้จักกับลูกค้าของแบรนด์ Marimekko ในไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และพาสัญลักษณ์ ดอกอูนิกโกะที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้รู้จักและพบเห็นในวงกว้าง จนในปัจจุบันถุงผ้า Marimekko เป็นที่นิยมในกลุ่มเด็กนักเรียน เช่น เด็กนักเรียนโรงเรียนโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย, เซนต์โยเซฟ และอื่น ๆ และคนรุ่นใหม่ที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

ก่อนที่จะต่อยอดการขายไปยังสินค้าอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นเสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน และอื่น ๆ

 

จนปัจจุบัน Marimekko ในไทยมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้า

Ready to Wear 49%

Bag & Accessories 30%

Home Collection 20%

 

ต่างจาก Marimekko ประเทศอื่น ๆ ที่สัดส่วนยอดขายส่วนใหญ่มาจาก Home Collection

นอกจากนี้ การที่ Marimekko บริษัทแม่ ตัดสินใจ Collab กับแบรนด์อย่าง ยูนิโคล และอดิดาส ยังเป็นหนึ่งในแนวทางส่งเสริมให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์ Marimekko เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง

ในปัจจุบัน Marimekko ประเทศไทย วางกลยุทธ์จับกลุ่มเป้าหมายหลักคือ YWN

Y = Young คนรุ่นใหม่

W = Woman ผู้หญิง

N = Netizen ชาวเน็ต

 

และเป็นแบรนด์ที่สร้างรายได้เป็นอันดับสองให้กับกลุ่มธนจิรา กรุ๊ป  แม้ราคาของ Marimekko ในไทยจะสูงกว่าที่ฟินแลนด์ประมาณ 30% จากภาษีนำเข้า

จากข้อมูลหนังสือชี้ชวนการลงทุนของ บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พบว่า Marimekko ไทยมีรายได้ ย้อนหลัง และมีสัดส่วนรายได้ให้กลุ่มธนจิรา กรุ๊ป ดังนี้

2563 รายได้ 150.19 ล้านบาท สัดส่วน 16.33%

2564 รายได้ 146.63 ล้านบาท สัดส่วน 18.73%

2565 รายได้ 216.07 ล้านบาท สัดส่วน 16.77%

โดยกลุ่มธนจิรา กรุ๊ป มีรายได้จากการขายสินค้าผ่านแบรนด์หลัก 4 แบรนด์ได้แก่ Pandora, Marimekko, Cath Kidston และ HARNN

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากลุ่มธนจิรา กรุ๊ป มีสัดส่วนการขายสินค้ามาจาก

2563

Pandora รายได้ 467.16 ล้านบาท สัดส่วน 50.79%

Cath Kidston รายได้ 197.03 ล้านบาท สัดส่วน 21.42%

Marimekko รายได้ 150.19 ล้านบาท สัดส่วน 16.33%

HARNN รายได้ 97.02 ล้านบาท สัดส่วน 10.55%

 

 

2564

Pandora รายได้ 397.73 ล้านบาท สัดส่วน 50.81%

Marimekko รายได้ 146.63 ล้านบาท สัดส่วน 18.73%

Cath Kidston รายได้ 118.81 ล้านบาท สัดส่วน 15.18%

HARNN รายได้ 101.70 ล้านบาท สัดส่วน 12.99%

 

2565

Pandora รายได้ 645.67 ล้านบาท สัดส่วน 50.11%

Marimekko รายได้ 216.07 ล้านบาท สัดส่วน 16.77%

Cath Kidston รายได้ 204.29 ล้านบาท สัดส่วน 15.86%

HARNN รายได้ 191.47 ล้านบาท สัดส่วน 14.86%

 

อย่างไรก็ดี Marimekko มีอายุมากกว่า 70 ปี มีต้นกำเนิดจาก Armi Ratia ภรรยาของ Viljo Ratia เจ้าของกิจการบริษัทเล็ก ๆ ที่ทำธุรกิจพิมพ์ผ้าชื่อ Printex ในเมืองเฮลซิงกิ  ที่เห็นโอกาสจากธุรกิจผ้าพิมพ์ลายดีไซน์ที่แตกต่างจากผ้าทั่วไป

Armi Ratia ผู้ก่อตั้ง Marimekko

เธอเริ่มต้นธุรกิจด้วยการชวนศิลปินรุ่นใหม่ชาวฟินแลนด์มาช่วยเธอออกแบบลายผ้าเพื่อออกจำหน่ายให้หญิงสาวชาวเฮลซิงกิได้ซื้อไปตัดชุดสวมใส่ ผ้าผืนแรกออกวางตลาดครั้งแรกในปี 1951 ผ้าของเธอมีความสวยเป็นที่ชื่นชมแต่ขายไม่ออก

เธอปรับกลยุทธ์จัดแฟชั่นโชว์สร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคเห็นภาพผ้าที่ตัดออกมาเป็นชุดสวมใส่ ปรากฏว่าชุดที่นางแบบใส่โชว์ขายหมดทุกชุดในวันนั้น

แฟชั่นโชว์ครั้งแรกของ Marimekko ในปี 1951

จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Marimekko ชื่อที่มาจากสลับตัวอักษรของชื่อ Armi และมีความหมายพ้องเสียงกับคำว่า Mary ที่แปลว่าผู้หญิง ส่วน Mekko ภาษาฟินแลนด์แปลว่าชุดเดรส

ส่วนผ้าลายดอกอูนิกโกะที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ Marimekko เกิดจากดีไซเนอร์ Maija Isola ที่คิดนอกกรอบจากความเชื่อของ Armi ว่าดอกไม้ไม่ควรมาอยู่บนผ้า เพราะคนควรมองดอกไม้ที่เบ่งบานตามธรรมชาติมากกว่า

จนกลายเป็นลายที่สร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ Marimekko มาจนถึงวันนี้

ปัจจุบันมีสาขาอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก พร้อมสร้างยอดขายให้กับ Marimekko มากถึง 166.51 ล้านยูโรในปีที่ผ่านมา

แบ่งเป็นรายได้จาก

Finland   98.24 ล้านยูโร

Scandinavia          13.96 ล้านยูโร

EMEA (ยุโรปตะวันออกกลาง และแอฟริกา) 16.01 ล้านยูโร

North America       8.00 ล้านยูโร

Asia-Pacific          30.31 ล้านยูโร


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer