ถือเป็น Talk of the Town สำหรับดีลการเป็น Official Beer Partner ของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด หลังถูกทาบทามจากรายการกอล์ฟระดับตำนานอย่าง “ดิ โอเพ่น” (The Open) ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของโลก จัดเป็นครั้งที่ 151 ในปีนี้ ให้เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ นาน 3 ปี (2023–2025)
แน่นอนว่า ดีลดังกล่าวนอกจากจะเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์สิงห์ ที่จะไปปรากฏต่อสายตาคนทั่วโลกหลายล้านคน ที่รับชมการถ่ายทอดสดทางบ้าน และอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือ กลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้งในครั้งนี้ของสิงห์ถือเป็น Soft Power ที่จะส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าไทยอีกทางหนึ่งด้วย
มาติดตามดีลเบื้องลึกของการเป็น Official Beer Partner จากคุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ผู้อยู่เบื้องหลังการเจรจาความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกมากมาย
จากแพชชั่น สู่แรงขับเคลื่อนบนประวัติศาสตร์หน้าใหม่
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ต้องอธิบายก่อนว่า ที่ผ่านมาแบรนด์สิงห์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนรายการแข่งขันกีฬาชั้นนำ รวมทั้งสโมสรกีฬาระดับโลกเป็นจำนวนมาก ทั้งการเป็นพันธมิตรกับสโมสรฟุตบอลชั้นนำของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และเลสเตอร์ หรือการเป็นพาร์ตเนอร์กับการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ Moto GP การเข้าสู่วงการแข่งรถสูตรหนึ่ง หรือ F1 กับทีมเรดบูล เรซซิ่ง และเฟอร์รารี่ จนถึงทีมระดับตำนานอย่าง อัลฟ่า โรมิโอ ในปัจจุบัน หรือแม้แต่การเป็นผู้สนับสนุนกีฬาภายในประเทศ หลากหลายชนิดกีฬาด้วยกัน
แล้วถามว่า จุดเริ่มเกิดขึ้นเมื่อไร คุณวรวุฒิเริ่มต้นบทสนทนาที่ว่า “เราคงต้องย้อนกลับไปตอนที่คุณสันติ ภิรมย์ภักดี เป็นผู้ร่วมจุดประกายในไอเดียสำหรับการเข้าเป็นผู้สนับสนุนกีฬาหลากหลายประเภท และจากนั้นหลากหลายแคมเปญก็เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง”

ข้อดีในการทำกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง แบรนด์สินค้าจะได้ Visibility ต่อสายตาของกลุ่มเป้าหมาย จากนั้นสามารถเปลี่ยนมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้าง Engagement ได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุผล 2 ข้อหลักนี้ แน่นอนมันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดขององค์กรขนาดใหญ่ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอย่าง บุญรอดบริวเวอรี่ฯ ซึ่งทีมการตลาดและผู้บริหารต่างพยายามเชื่อมต่อกับโลกกีฬาด้วยการมีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬาประเภทต่าง ๆ มานับไม่ถ้วนกว่า 1,000 รายการ ทั้งในระดับประเทศไทย และตลาดต่างประเทศ
สำหรับการเป็นพันธมิตรร่วมกับ The Open อย่างที่ทุกคนทราบดีว่า The Open เป็นรายการแข่งขันกอล์ฟที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก มีฐานผู้ชมหนาแน่นทั่วโลกย่อมทำให้เกิดการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่บริษัทฯ หรือแม้แต่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในพื้นที่
“เราทำงานมาอย่างยาวนาน องค์กรเราก็มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ซึ่งเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องขององค์กรเราที่ส่งต่อคุณภาพสินค้าที่ดีมาตลอด 90 ปี และผมยึดมั่นเป็นแนวทางในการทำงานมาตลอด” คุณวรวุฒิระบุ
มาถึงคำถามสำคัญที่เราถามคุณวรวุฒิว่า “คิดว่าการเป็นพันธมิตรรายการนี้จะสร้าง Impact ให้คนทั่วโลกรู้จักแบรนด์สิงห์อย่างไร คาดหวังความสำเร็จแค่ไหน?”
รอยยิ้มพร้อมคำตอบจากคุณวรวุฒิ ซึ่งตอบอย่างฉาดฉานว่า “เราทำงานกับพันธมิตรในอังกฤษและที่ยุโรปมานาน เรามาจากจุดเล็ก ๆ จนเราเก็บเกี่ยวประสบการณ์มามากมาย ซึ่งแน่นอนว่าการเป็นพันธมิตรของ The Open เราก็เชื่อว่าจะมีส่วนสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในอังกฤษ
ส่วนคำถามที่ว่า การเป็นพันธมิตรกับ The Open จะสร้าง Impact ให้เราอย่างไร คาดหวังแค่ไหน? ผมขอให้ข้อมูลแบบนี้ครับ
“เหตุผลหลักเลยที่เราเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ คือ ต้องยอมรับว่า การที่ The Open เลือกเรา เขาต้องกลับไปดูก่อนว่า History ของบริษัท ฯ เป็นอย่างไร Performance เป็นอย่างไรบ้าง
รายการแข่งขันในระดับโลก ขั้นตอนการพิจารณาค่อนข้างละเอียด เขาต้องพิจารณาในทุก ๆ มิติ
Goal ของเราชัดเจน ซึ่งไม่ใช่แค่ต้องการนำรายการดี ๆ มาให้คนไทยได้สัมผัส แต่เราต้องการนำสินค้าของเรากระจายออกไปให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แล้วก็ทำให้คนรู้จักสินค้าของไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งประโยชน์จะไม่ใช่แค่สิงห์เท่านั้น แต่จะเป็นภาพลักษณ์ของประเทศด้วยว่า เรามีสินค้าที่มีคุณภาพไปให้คนต่างชาติได้รู้จัก ส่วนประเด็นด้านยอดขาย เราจะมาดูผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปครับ”
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ