รายงานคาด ปีนี้ยอดจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้า 15 ล้านคัน 4 ปีข้างหน้า ราคาเฉลี่ยอีวีจะเท่ารถน้ำมันที่ขนาดใกล้กัน และอุตฯ ผลิตจะเป็นรถยนต์อีวี, ปลั๊กอินไฮบริด กว่า 50% ใน 7 ปีข้างหน้า
ก.ย. 66 การ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกา เผยรายงานคาดการณ์ยอดการจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้า ปี 2566 อยู่ที่ 15 ล้านคัน
แบ่งเป็นรถยนต์อีวี 11 ล้านคัน จาก 9 ล้านคัน ปีที่ผ่านมา และปลั๊กอินไฮบริด 4 ล้านคัน จาก 3 ล้านคัน ปีที่ผ่านมา
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก
จัดส่งแตะ 18 ล้านคัน ปีหน้า |
|||
ยอดจัดส่งรถยนต์อีวี, ปลั๊กอินไฮบริด | ปี 2565 | ปี 2566 | ปี 2567 |
รถยนต์ | 11,128,805 | 14,975,296 | 17,855,428 |
รถโดยสาร | 198,731 | 202,733 | 207,845 |
รถตู้ | 137,668 | 218,337 | 349,950 |
รถบรรทุกขนาดใหญ่ | 22,595 | 30,162 | 39,349 |
ยอดจัดส่งรวม | 11,487,798 | 15,426,529 | 18,452,573 |
ที่มา: การ์ทเนอร์, กันยายน 2566 |
โจนาธาน ดาเวนพอร์ท ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า สัดส่วนของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ยังคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศต่าง ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ญี่ปุ่น และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศข้างต้น ชื่นชอบรถยนต์เซกเมนต์นี้มากกว่าอีวี เพราะความสามารถผสมผสานระหว่างขับขี่ในเมืองที่ไร้มลพิษ และความสะดวกสบายในการขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเมื่อต้องเดินทางไกล
ขณะที่ตลาดยุโรปตะวันตก จีน และอินเดีย แตกต่างออกไป รถยนต์อีวี ได้รับความสนใจ มากกว่า รถปลั๊กอินไฮบริด เนื่องจากผู้บริโภคในตลาดเหล่านี้ ให้ความสำคัญกับต้นทุนการใช้งานโดยรวมที่ต่ำกว่า รวมถึงประสบการณ์การขับที่เงียบกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คาดการณ์ตลาดใน 4-7 ปีข้างหน้า โจนาธาน เสริมว่า ปี 2570 ราคาเฉลี่ยของรถอีวีจะมีราคาเท่ากับรถสันดาป ที่มีขนาด และรูปร่างใกล้เคียงกัน ซึ่งจะเร่งให้เกิดการใช้อีวีทั่วโลก
ปัจจุบัน อ้างอิงตามตลาดประเทศไทย โดย เอ็มจี (MG) ค่ายยานยนต์รายใหญ่ ที่มีพอร์ตรถยนต์ทำตลาดในกลุ่มผู้นำ ทั้งเซกเมนต์น้ำมัน และอีวี
เทียบกับกลุ่มที่มีขนาดใกล้เคียงกันในเซกเมนต์คอมแพคทรงสปอร์ต
MG5 ราคาเริ่มต้น 559,000
MG4 Electric ราคาเริ่มต้น 769,000 บาท (รวมส่วนลดจากรัฐ 150,000 บาท และการหั่นราคาล่าสุดอีก 100,000 บาท)
จะพบว่าแม้รวมส่วนลดอัดฉีดจากรัฐ และการหั่นราคาเพื่อชิงมาร์เก็ตแชร์ตลาดอีวีช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เซกเมนต์อีวี (MG4) ก็ยังมีราคาที่มากกว่ารถน้ำมัน (MG5) ถึง 38% และมากถึง 55% หากวัดราคาตามจริง โดยตัดเงินอัดฉีดจากรัฐออก
ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ยังคาดว่าภายในปี 2573 จำนวนรถยนต์ที่ผลิตมาทั่วโลกจะเป็นเซกเมนต์อีวีและปลั๊กอินไฮบริด มากกว่า 50% แรงส่งสำคัญมาจากกฎระเบียบด้านมลพิษ ที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ
โดยโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ กำลังผลิตไฟฟ้า, ประสิทธิภาพเครือข่ายสถานีชาร์จ จะเป็นปัจจัยชี้นำการใช้งานอีวีให้แพร่หลายเหนือกว่า ปัจจัยด้านราคา
ความเคลื่อนไหวในตลาดโลก อ้างอิง Counterpoint Research พบว่าไตรมาส 1/2023 ยอดจัดส่งปลั๊กอินไฮบริดและอีวีทั่วโลกขยายตัว 32% YoY โดยค่าย BYD แชร์ยอดขายมากสุด 21.10%
เฉพาะ 7 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัว 1,166.67% YoY ค่ายจีนครองส่วนแบ่งยอดขาย 75% BYD Atto 3 เป็นรุ่นรถอีวีขายดีสุด Volvo XC60 รุ่นรถปลั๊กอินไฮบริดขายดีสุด
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ