เก็บตกประเด็นน่าสนใจในงาน Thailand Influencer Awards 2023 AI ดิสรัปต์ – คอนเทนต์ไทยไปตลาดโลก – มูเก็ตติ้ง
เก็บตกเทรนด์การตลาดที่สำคัญ ในงาน Thailand Influencer Awards 2023 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ในประเด็นที่น่าสนใจอย่างวงการครีเอทีฟกับการดิสรัปต์จาก AI, การลงสู้ศึกคอนเทนต์โลกของประเทศไทย เเละการตลาดสายมู จาก Speaker ที่เป็นผู้นำในวงการนั้น
มาดูกันว่าเหล่าผู้นำในวงการนี้มีมุมมองต่อการเปลี่ยนเเปลง และย่างก้าวต่อไปจะเปลี่ยนหน้าตาไปอย่างไร
เริ่มที่เซสชันแรก
01 I Session: Generative AI, ครีเอเตอร์จะอยู่รอดได้อย่างไรในวันที่ถูก AI ดิสรัปต์
หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ CEO & Founder บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด, Beartai ผู้จัดงาน Thailand Game Show กล่าวว่า ในยุคที่เปลี่ยนไป ผู้คนมีความสนใจเรื่องที่หลากหลายเเละกว้างขึ้น ในฐานะครีเอเตอร์ต้องหาเรื่องราวมาเล่ามากมาย เพื่อให้ครอบคลุมประเด็นความสนใจของผู้บริโภค เกิดเป็นปัญหาที่หลายคนประสบ คือ อัลกอริทึมปิดกั้น เข้าถึงน้อยลง ไม่ reach กลุ่มผู้ชม เกิดจากการที่เราอัปโหลดคอนเทนต์ที่หลากหลายเกินไป จนอัลกอริทึมสับสน
ทางออกคือต้องกำหนดเเนวทางที่ชัดเจนให้แต่ละช่องทาง เช่น เพจการเงินก็อัปโหลดคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการเงิน ธุรกิจ ไม่ผสมคอนเทนต์บันเทิง ข่าวอาชญากรรม หากต้องการทำคอนเทนต์พาร์ตอื่น ๆ ต้องแตกแขนงเพจหรือช่องทางแยกออกไปให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้อัลกอริทึมทำงานยาก
“แนะนำว่ายุคนี้ ง่ายต่อการดูทิศทางกระเเสความนิยม เราสามารถยึดเทรนด์ทวิตเตอร์ เป็นความสนใจของสังคมได้เลย ในเทรนด์สูงสุดประจำวัน เราอาจเลือกหนึ่งใน 10 ประเด็นสูงสุดประจำวันมาต่อยอดเป็นคอนเทนต์ของเราได้เลย เพราะนี่คือยุคที่ครีเอเตอร์ต้องตอบคำถามสังคมให้ทันเวลา”
เมื่อพูดถึงว่าเป็นยุคที่ต้องตอบคำถามให้ทัน นำไปสู่คำว่า “ต้นทุนที่เราต้องเซฟที่สุดคือเวลา” เพราะเวลาเป็นสิ่งที่เดินหน้าตลอด ไม่สามารถหยุดไว้ได้ แล้วทิศทางของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงตามเวลาที่เดินตลอด การทำธุรกิจจึงต้องประหยัดต้นทุนเวลาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เราเกาะกระแสได้ทัน การใช้เอไอเข้ามาช่วยผลิตผลงาน ลดระยะเวลา ทุ่นเเรงคน
ตัวอย่าง เเบไต๋ ใช้เอไอเข้ามาช่วยผลิตคอนเทนต์ โดยใส่ข้อมูลด้านภาษาลงไปให้ระบบเอไอจดจำ แล้วผลิตออกมาเป็นวิดีโอที่ตัวของคุณหนุ่ยอยู่ในคลิปสามารถพูดได้หลายภาษา โดยที่ไม่ต้องมานั่งพูดเอง ช่วยให้วันหนึ่ง ๆ แบไต๋สามารถผลิตคอนเทนต์ออกมาได้รวดเร็ว ทันต่อกระเเสความสนใจของสังคม
พรสวรรค์ของ Ai หรือจะสู้ พรเเสวงของมนุษย์
โชค วิศวโยธิน Co-Founder Debuz & GAMEINDY ผู้ร่วมแต่งหนังสือ ChatGPT: AI ปฏิวัติโลก อธิบายว่า คนส่วนใหญ่มองว่า เอไอคือความสร้างสรรค์ บุกเบิกสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา อันที่จริงเอไอเเค่ ‘สร้าง’ ไม่ใช่ ‘สร้างสรรค์’ เอไอสร้างจากความเป็นไปได้ที่ถูกมนุษย์เทรนมา เเต่ไม่ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ เอไอมีการรับรู้ประสบการณ์ที่จำกัด เเต่กับมนุษย์ไม่ใช่ มนุษย์ที่เทรนเอไอมาต่างหาก คือ ผู้ที่มีความสามารถ ดังนั้น Creativity ยังเป็นเรื่องที่สำคัญ
งานที่ใช้เอไอช่วย คนจ้างจะจ่ายค่าตอบแทนน้อยลงไหม
หนุ่ย พงศ์สุข: การนำเอไอเข้ามาช่วยผลิตคอนเทนต์ ไม่ได้แปลว่าคุณค่าของงานจะน้อยลง ทุกการว่าจ้างมีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกัน คือต้องทำงานให้ตอบโจทย์ลูกค้า หากงานที่ออกมาเป็นที่ยอมรับ ตอบโจทย์ความต้องการ อย่างไรเสียแบรนด์ก็ยอมจ่าย
เเละข้อมูลที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันงานตัดต่อวิดีโอมีราคาสูงขึ้น ทั้งที่เครื่องมือที่ใช้ตัดต่อราคาถูกลงเมื่อเทียบกับในอดีต นั่นเพราะคุณค่าของงานยังมีอยู่ ถ้าทำออกมาดี อย่างไรลูกค้าก็ยอมจ่าย
ไม่เอา Ai เข้ามาใช้ได้ไหม อยากให้เป็นงานที่มาจากฝีมือมนุษย์ 100%
โชค วิศวโยธิน: เอไอหรือเครื่องมือทุ่นเเรงใด ๆ ไม่ใช่สิ่งไม่ดี หากเรานำมาใช้ให้เป็น คุณโชคเองมองว่าการใช้เอไอจะเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงตั้งเเต่ระดับกระบวนการ เช่น คนบรีฟงานสามารถใช้เอไอในการร่างไอเดียออกมาเป็นแบบแผนที่ใกล้เคียงที่สุด เเล้วจึงส่งออริจินัลคอนเทนต์ให้ทีมถัดไปดู จากที่ปกติคนบรีฟต้องสาธยายภาพ กว่าจะขึ้นเป็นดราฟออกมาให้ได้ จำไว้ว่าต้นทุนที่ต้องเซฟที่สุดคือเวลา การใช้เอไอจะช่วยย่นระยะเวลาได้มาก งานก็ออกมามีคุณภาพ เกิดกระบวนการที่สร้างชิ้นงานได้มูลค่ามากขึ้น หรืออาจจะเป็นมูลค่าเท่าเดิมแต่ในเวลาที่สั้นลง
อย่างไรก็ดี การใช้เอไอยังคงมีข้อจำกัดที่ทุกคนต้องระลึกอยู่เสมอว่า
หนุ่ย พงศ์สุข: แชตบอตยังมีข้อจำกัดที่อาจยังมีข้อมูลที่ไม่ถูกคัดกรองเท่ากับ Google ที่เป็นข้อมูลเผยเเพร่ที่ได้รับการยอมรับ มีผู้ตรวจสอบ ต่างจากการ generate สดของเเชตบอต ที่จะแสดงข้อมูลแบบค่อย ๆปล่อยข้อมูลออกมาเหมือนคน ที่กำลังพูดออกมา ณ เวลานั้น
อย่ากลัวจะตกงานเพราะ Ai
โชค วิศวโยธิน: คนต้องเริ่มจากมีทัศนคติที่ดีก่อน ต้องผลิตงานที่เเตกต่าง โดดเด่นจากเอไอ คือ เริ่มต้นจากความสร้างสรรค์ของตนเอง แต่ใช้เอไอมาเป็นผู้ช่วย เพราะถึงอย่างไรเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงได้ ต้องปรับตัว
หนุ่ย พงศ์สุข: ต้องมี growth mindset ยอมรับการเปลี่ยนแปลง จะเห็นว่าพอมีเอไอเข้ามา เกิดเป็นกระแสว่าจะเกิด Useless class บางตำแหน่งไม่ต้องใช้คนเเล้ว เเต่คุณหนุ่ยมองว่า คนไม่ต้องกลัวจะตกงาน เราเเค่เปลี่ยนจากการเป็น ‘ผู้ค้าเเรงงาน’ เเต่เป็น ‘ผู้ค้าเเรงนิ้ว’ เเค่เรียนรู้ที่จะใช้เอไอเป็นเครื่องมือหนึ่ง ทำความเข้าใจ ใช้มันให้เป็นเท่านั้น
02 I Session: พลังของไทยคอนเทนต์ ใช้คอนเทนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คอนเทนต์ไทยไม่เเพ้ชาติใดในโลก
เริ่มที่การโปรโมตคอนเทนต์ในยุคดิจิทัล แอนท์ อัศวิน โรจน์เมธาทวี Head of Marketing Netflix (Thailand) กล่าวว่า อย่างของเน็ตฟลิกซ์จะเริ่มด้วยการหาเเก่นของคอนเทนต์ก่อน เพราะมันเหมือนเป็นหมัดฮุก ซึ่งในการนำเรื่องไปโปรโมต จะไม่สามารถปล่อยท่อนเรียกกระเเสออกไปได้ทั้งหมด ซึ่งพอได้ใจความสำคัญของเรื่องมาแล้ว ในลำดับถัดไปจะเรียกใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมให้กับผลงานผ่านการใช้เเพลตฟอร์มโซเชียลได้
ครีเอเตอร์ที่เลือกต้องประเมินด้วยว่าตรงกลุ่มเป้าหมายของคอนเทนต์หรือไม่ อย่างเรื่อง ‘ตลก 69 เดอะซีรีส์’ ได้ ใหม่ ดาวิกา โพสต์ประกาศปล่อยห้องเช่าในไอจีส่วนตัว ซึ่งก็ทำให้คนเกิดความสงสัย และลองเสิร์ชหาคำตอบหรือ contact ที่ปรากฏในโพสต์ เพื่อดูว่าเป็นคอนเทนต์อะไร สร้างความเเปลกใหม่ในการโปรโมตซีรีส์ไปอีกแบบหนึ่ง
เเล้วครีเอเตอร์ที่จะได้มีโอกาสร่วมงานกับเเพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
แอนท์ อัศวิน: ทีมงานจะมองหาครีเอเตอร์ที่สามารถถ่ายทอดหรือเล่าเรื่องได้สนุก ตรงกับประเด็นในหนัง อย่างที่สอง คือ พิจารณาเรื่อง Engagement หรือ interaction base ร่วมด้วย เพื่อดูว่าครีเอเตอร์ท่านนั้นมีกระเเสอย่างไร ถ้าเล่าเรื่องเเล้วจะเชื่อมโยงกลับมาที่หนังได้ไหม
Soft Power ไทยในตลาดโลก
ไอซ์ นรุตม์ เจียรสนอง – รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด Major Cineplex Group เปิดเผยว่า ในปี 2019 อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท เเต่เมื่อนับรวมการส่งออกและขายสิทธิ์แก่สตรีมมิ่ง ตลาดอาจมีตัวเลขไปถึง 20,000 ล้านบาท และมีโอกาสเติบโตไปได้อีกมาก
ยกตัวอย่างประเทศที่มีคอนเทนต์เเข็งแกร่ง เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ประเทศเหล่านี้มี Local content ที่อยู่ในสัดส่วนสูงมาก แต่ไทยเมื่อวัดจากสัดส่วนของภาพยนตร์ไทยในโรงภาพยนตร์ จะมีคอนเทนต์ของไทยอยู่เพียง 20-30% ยังมีช่องให้ได้ขยายการเติบโตอีกมาก
ซึ่งตลาดคอนเทนต์ปัจจุบันเปิดกว้างขึ้น โอกาสมีอีกมาก คอนเทนต์หนึ่งสามารถขายให้ทั้งสตรีมมิ่งได้ และส่งออกต่างประเทศได้ โอกาสในการเกิดของภาพยนตร์ไทยจึงนับว่าสดใส ซึ่งที่ผ่านมาผู้ผลิตไทยก็ขายสิทธิ์ให้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งและต่างประเทศไปมากแล้ว
มองในเรื่องข้อจำกัดของคอนเทนต์เฉพาะกลุ่ม จะมีกำเเพงขวางกั้นการเติบโตไหม
แจ็ค วัชรพล ฝึกใจดี กรรมการผู้จัดการ และ พิธีกรรายการ The Ghost Radio มองว่า ถ้าถามเรื่องคอนเทนต์เเนวลี้ลับในยุคดิจิทัลที่อะไรต่อมิอะไรพัฒนาไปมาก หลายคนคิดว่าเรื่องลี้ลับมาถึงทางตันเเล้ว แต่ตรงกันข้ามเลย
“ยิ่งสังคมไทยพัฒนา คนยิ่งเจอผีมากขึ้น”
แจ็ค วัชรพล เปิดเผยอีกว่า คอนเทนต์เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับไม่ลดลงเลยในยุคที่เรียกว่าพัฒนาไปไกลเเล้ว เดอะโกสต์เรดิโอยังมีเรื่องผีในคลังที่ยังไม่ได้เล่าอีกกว่า 3,000 เรื่อง เพราะอะไร เพราะเรื่องผีถูกปลูกฝังในความเชื่อของคนมาทุกยุคทุกสมัย การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังมีให้เห็น ต่อให้โลกจะหมุนไปทิศทางไหนก็ตาม ตราบใดที่คนยังต้องการที่พึ่งทางใจ ยังต้องมีความเชื่อในบางสิ่ง ภาพยนตร์สยองขวัญ คอนเทนต์สิ่งลี้ลับ จะยังคงปรากฏตีคู่ไปกับสังคมอยู่เเน่นอน
“จะก้าวมาเป็นครีเอเตอร์ได้ เพียงเเค่มั่นใจว่าเราเชี่ยวชาญในเรื่องที่จะทำ เชื่อในสิ่งที่ทำเพื่อไม่ให้งานหมดสนุก เเละเล่าเรื่องให้เป็นกลาง”
ในวันที่สตรีมมิ่งเข้ามา ส่งผลดีอย่างไรต่อคอนเทนต์ไทย
แอนท์ อัศวิน: ในการผลิตจนถึงเผยเเพร่งานหนึ่งชิ้น เพียงเเค่อัปโหลดลงสตรีมมิ่งก็มีโอกาสผ่านตาผู้ชม 190 ประเทศทั่วโลกแล้ว โอกาสจึงมีมากกว่ายุคก่อนเเน่นอน อย่างตลก 69 ก็มีสถิติผู้ชมทั่วโลกล้นหลาม ด้วยเรื่องที่บอกเล่าความเหลื่อมล้ำในสังคม เป็นแก่นที่ทุกประเทศเผชิญเหมือนกันหมด มีความรู้สึกร่วมได้ ส่งให้ผลงานถูกใจกลุ่มลูกค้าของเเพลตฟอร์ม ในเชิงของอินฟลูเอนเซอร์เองก็ได้รับอิทธิพลในจุดนี้ไปด้วย หลังชมคอนเทนต์จบมีผู้มากดติดตามมากขึ้น ขับเคลื่อนทั้ง ecosystem ให้ได้อิทธิพลเติบโตไปด้วยกันหมด
03 I Session: Muketing คลื่นลูกใหม่ สร้างความเชื่อให้เป็นรายได้
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว หลายคนเข้าใจว่าสิ่งลี้ลับ หรือความเชื่อจะมลายหายไป เเต่ไม่ใช่ทั้งหมด ความเชื่อยังคงปรากฏอยู่ในสังคม โดยเปลี่ยนหน้าตาไปในรูปแบบที่เข้าใกล้ชีวิตประจำวันมากขึ้นไปอีก อาทิ เบอร์มงคล วอลเปเปอร์เทพเจ้าต่าง ๆ ไฉ่ซิงเอี๊ย พระพิฆเนศ กำไลเสริมมงคล การเปิดไพ่ทาโร่ ฯลฯ
แมน การิน วราภัสร์ ผู้ก่อตั้ง, ผู้บริหาร และนักพยากรณ์ บริษัท โฮโรโซไซตี้ จำกัด กล่าวว่า สายมูเป็นที่รู้จักกันเเพร่หลายในกลุ่มคนที่มีความเชื่อบางสิ่ง เเละในไทยคนกว่า 92% มีความเชื่อเรื่องสายมู เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ พอมีคำทำนายหรือคำชี้เเนะ จะนำไปสู่การเเนะนำ หนทางแก้ ซึ่งมีทั้งการบูชาวัตถุมงคล หรือกิจกรรมเสริมดวงต่าง ๆ นับเป็นโปรดักส์หรือบริการของตลาดมู ที่เริ่มผสานความเชื่อให้กลายเป็นมาร์เก็ตติ้งขึ้นมาได้
“สินค้าทุกอย่างมองให้เป็นมูได้หมด มูไม่ได้อยู่เเค่การทำนายดวง แต่ไปถึงเเฟชั่น อาหาร ฮวงจุ้ย ของตกเเต่งบ้าน ครอบคลุมได้หลายหมวด แค่ต้องหาจุด blend in ไปกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ที่ดูไม่ยัดเยียดจนขัดต่อความรู้สึกเกินไป”
นก นภัสสร โชติกวณิชย์ ครีเอเตอร์และเจ้าของช่อง Bird Eye View แสดงความเห็นว่า การจะกระโดดเข้ามาในมูเก็ตติ้ง ต้องเริ่มต้นจากความจริงใจ เพราะลูกค้ามองหาที่พึ่งพิงทางจิตใจ อย่าขายสินค้าจนเกินจริง เพราะทุกวันนี้ลูกค้าฉลาด รู้ทันคอนเทนต์ ความมูสามารถอยู่ได้ในทุกเพศทุกวัย ไม่ใช่เพียงลูกค้าสูงวัย เเค่ต้องทำคอนเทนต์ให้เป็นกลาง นำเสนอความรู้สอดแทรกเข้าไป สายมูจะโตไปได้แบบยั่งยืน
โอกาสของอินฟลูเอนเซอร์สายมูกับการเรียกใช้ของเเบรนด์
ซัง อนัญญา โตแสงชัย ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัท โฮโรโซไซตี้ จำกัด: ถ้าต้องเลือกอินฟลูเอนเซอร์ในการทำการตลาดสินค้า อย่างน้อยแบรนด์จะมีสายมูเป็นหนึ่งในตัวเลือก เนื่องจากสายมูเป็นเรื่องของความเชื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในคนหมู่มาก เข้าถึงคนได้ง่าย ช่วยผลักดันแบรนด์ได้ดี
อย่างไรก็ตาม คุณแมนได้กล่าวเสริมว่า การจะเข้ามาเล่นในตลาดสายมู ครีเอเตอร์ต้องพิจารณากลุ่มเป้าหมายของตนเองก่อน แล้วปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนไป ตัวอย่างในตอนนี้ เราอาจไม่ได้พูดถึงฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์ขึ้นบ้าน ตามแบบเดิม ๆ เเล้ว เเต่ไอเดียต้องไปไกลกว่านั้น เช่น ฤกษ์ดีกดบัตรคอนเสิร์ต ฤกษ์เปิดบัญชีออมทรัพย์วันที่จะทำให้เงินไหลเข้า ฤกษ์ออกเที่ยวที่ช่วยให้หาเเฟนได้ เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เด็กในยุคนี้มองหามากกว่า
แซม กิตติธัช นำพิทักษ์ชัยกุล ผู้บริหารรุ่นที่ 3 ของกิจการน่ำเอี๊ยงกรุ๊ป กล่าวสรุป ความว่า การมีครีเอเตอร์สายมูช่วยทำให้ศาสตร์ความเชื่อเริ่มไม่ไกลตัว เข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่าเดิม โดยเฉพาะในตอนนี้ที่กระแสมูเก็ตติ้งได้รับความนิยมอย่างมาก จากทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ เกื้อหนุนการเติบโตให้กับหลาย ๆ แบรนด์ในกลุ่มสายมู
นับเป็น soft power อย่างหนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน เเละสามารถจะเติบโตไปได้อีกมาก ซึ่งถ้าผู้เล่นในตลาดผลักดันสายมูให้เป็นมากกว่าความเชื่อ เเต่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย พาวัฒนธรรมโตไปด้วย จะส่งผลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ