
นอกจากทำให้คนทั่วโลกต้องระวัดระวังตัวเองแห่กันไปฉีดวัคซีนและอยู่ติดบ้านนานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว สถานการณ์โควิดเมื่อ 4 ปีก่อนก็ยังฉุดให้ธุรกิจมากมายต้องทรุดหนักไม่ต่างจากคนป่วย

ภาวะราคาน้ำมันติดลบ การล้มละลายของสายการบินทั่วโลก และความซบเซาของอุตสาหกรรมดนตรีกับวงการภาพยนตร์ทั้งระบบ คือผลกระทบของภาคธุรกิจที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของวิกฤตครั้งนี้

มาปีนี้วิกฤตโรคระบาดดังกล่าวผ่านพ้นไปแล้ว บรรดาธุรกิจที่เคยทรุดก็พากันฟื้น โดยในส่วนของอุตสาหกรรมดนตรีเกี่ยวเนื่องไปถึงการจัดคอนเสิร์ตก็กลับมาคึกคัก ซึ่งในบรรดาศิลปินระดับโลกที่กำลังเดินสายโกยเงินผ่านทัวร์คอนเสิร์ตคือ Taylor Swift

The Eras Tours ของนักร้องสาวชาวอเมริกันวัย 33 ปี สร้างปรากฏการณ์กระหึ่มทุกเมืองและประเทศที่ไป ทั้งตั๋วที่ขายหมดอย่างรวดเร็ว ยอดจองที่พักพุ่งสูง และคลื่นคนมหาศาลที่มุ่งไปสถานที่จัดคอนเสิร์ต
รวมไปถึงการสะเทือนของพื้นเหมือนแผ่นดินไหวระหว่างคอนเสิร์ต ท่ามกลางคาดการณ์ว่าทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ของเธอจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก ผ่านเม็ดเงินที่สะพัดมากถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 182,000 ล้านบาท)

จนมหาวิทยาลัยออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์วางแผนจัดสัมมนาเกี่ยวกับ Swiftmania หรือความคลั่งไคล้ที่มีต่อ Taylor Swift ซึ่งส่งผลเป็นวงกว้าง

Swiftmania ยังข้ามไปเขย่าโรงภาพยนตร์ด้วย โดยยอดขายตั๋วล่วงหน้าในสหรัฐฯ ของหนังคอนเสิร์ต Taylor Swift : The Eras Tour สูงถึง 26 ล้านดอลลาร์ (ราว 950 ล้านบาท) ล้ม Spider-Man : No Way Home แชมป์เก่าและมากสุดนับจากการก่อตั้งบริษัทของ AMC เครือโรงภาพยนตร์ใหญ่สุดในสหรัฐฯ

พอเข้าฉายหนังเรื่องนี้ก็ยังสร้างสถิติใหม่ได้อีก โดยตัวเลขรายได้ 96 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,500 ล้านบาท) ทำให้เป็นหนังคอนเสิร์ตที่ทั้งเปิดตัวแรงสุด และทำเงินสูงสุดในสหรัฐฯ
แซงหน้าตัวเลขรายได้ 73 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,600 ล้านบาท) ที่ Justin Bieber : Never Say Never ทำไว้เมื่อปี 2011

จากการได้คิวฉายอีกหลายสัปดาห์ แฟนเพลงของ Taylor Swift (Swifties) ที่มีอยู่ทั่วโลก และการคว้าแชมป์หนังเปิดตัวสูงสุดทุกประเทศที่เข้าฉาย จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า Taylor Swift : The Eras Tour จะกวาดรายได้อีกมหาศาล ไม่ต่างจากทัวร์คอนเสิร์ต
สื่อสหรัฐฯ วิเคราะห์ผ่านทัศนะของผู้เชี่ยวชาญในแวดวงภาพยนตร์ว่า การส่งหนัง Taylor Swift : The Eras Tour เข้าโรงในเวลาเดียวกับการทัวร์คอนเสิร์ต คือแผนโปรโมตที่เปี่ยมประสิทธิภาพ
เนื่องจากช่วยให้ Taylor Swift เข้าถึงแฟน ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่ไม่ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตช่วงเศรษฐกิจโลกผันผวนได้มากขึ้น
เพราะแม้ตั๋วหนังแพงกว่าหนังปกติและหนังยาวเกือบ 3 ชั่วโมงแต่ก็มาพร้อมของแถมและถูกกว่าตั๋วคอนเสิร์ตหลายเท่า ซึ่งแน่นอนว่าย่อมทำให้ Taylor Swift ทำเงินได้มากขึ้น และดังมากขึ้น ย้ำว่าไม่ว่าเธอจะแตะอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด

เหมือนปีนี้ (2023) ที่เธอทำให้เห็นผ่านยอดขายตั๋วคอนเสิร์ตถล่มทลาย คว้าแชมป์หนังคอนเสิร์ต และทำให้ยอดขายชุดแข่งของ Travis Kelce นักอเมริกันฟุตบอลที่เป็นแฟนคนล่าสุด เพิ่มขึ้นถึง 400%

ความสำเร็จของหนัง Taylor Swift : The Eras Tour ยังจะดีต่อธุรกิจโรงภาพยนตร์โดยรวมด้วย และต่อไปน่าจะเป็นต้นแบบให้ศิลปินนักร้องคนอื่นๆ ทำตาม
หนังคอนเสิร์ตเรื่องต่อไปที่น่าจะทำเงินได้มหาศาลเช่นกันในปีนี้คือ Renaissance : A Film by Beyonce ของ Beyonce ที่วางคิวฉายช่วงธันวาคมนี้/billboard, cnn, theguardian
–
