ท่ามกลางความสำเร็จของ The Dark Knight ในปี 2008 จากการกำกับของ Christopher Nolan ด้วยการพาหนังซูเปอร์ฮีโร่ค่าย DC เรื่องนี้กวาดรายได้ทั่วโลกไปเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 36,000 ล้านบาท)

ปีเดียวกันคู่แข่งอย่าง Marvel ตามมาห่าง ๆ หลังพา Ironman ลาโรงไปด้วยรายได้ทั่วโลก 585 ล้านดอลลาร์ (ราว 21,000 ล้านบาท)

ทว่าจากนั้นกลับเป็นฝ่าย Marvel ที่ทำได้ดีกว่า ด้วยการนำเรื่องตัวละครซูเปอร์ฮีโร่อีก 3 ตัวคือ Hulk Thor กับ Captain America มาเชื่อมกัน และนำมารวมเป็นหนังอีกเรื่องในชื่อ The Avengers ก่อเกิดเป็นจักรวาลหนัง Marvel หรือ MCU ขึ้น

MCU ขยายออกมาเป็นหนังหลายเรื่อง และแบ่งเป็นหลายเฟส แถมยังแตกออกเป็นซีรีส์อีกด้วย โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของ Disney ที่ซื้อกิจการของ Marvel ทั้งหมดมาอยู่ใต้ชายคา นำมาสู่การต่อยอดทำเงินผ่านสินค้ามากมาย

MCU ของ Disney ทำให้ตลาดคอนเทนต์ซูเปอร์ฮีโร่ทั่วโลกโตอย่างมาก และเป็นกำลังสำคัญในการรุกตลาดสตรีมมิ่งของ Disney ผ่าน Disney Plus จน Netflix สะเทือน

แต่หลังปิดเฟส 3 ไปด้วย Avengers : End Game ในปี 2019 หนังใน MCU ก็ไม่ปังเหมือนก่อน ไม่ต่างจากซูเปอร์ฮีโร่หมดพลัง โดยหลักฐานล่าสุดที่ย้ำสถานการณ์นี้คือ The Marvels เปิดตัวได้อย่างน่าผิดหวัง

หนังภาค 2 ของ Captain Marvel และเรื่องที่ 33 ใน MCU ทำเงินจากการฉายสัปดาห์แรกในสหรัฐฯ เมื่อ 10-12 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้เพียง 47 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,700 ล้านบาท)

นอกจากน้อยกว่า 75-80 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,700-2,800 ล้านบาท) ที่คาดไว้แล้ว ยังต่ำสุดในบรรดาหนัง MCU ทั้งหมดอีกด้วย

น้อยกว่า 55.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,000 ล้านบาท) ที่ The Incredible Hulk ทำไว้ตั้งแต่ปี 2008  

นี่หมายความว่าการแนะนำตัวละครใหม่ของเรื่องนี้ผ่านซีรีส์ใน Disney Plus สองเรื่อง VandaVision กับ Monica Rambeau กับ Ms. Marvels รวมไปถึงตัวละครขวัญใจแฟน ๆ MCU อย่าง Nick Fury ความน่ารักแต่แฝงความดุดันของเจ้าแมวพลังต่างดาว

และการนำ Park Seo-Joon ดาราหนุ่มเกาหลีใต้คนดังมาร่วมแสดงนั้นไม่พอในการพาหนังให้โกยรายได้ตั้งแต่เปิดตัว

ความล้มเหลวของหนัง The Marvels เกิดขึ้นท่ามกลางความอิ่มตัวของคอนเทนต์ซูเปอร์ฮีโร่ นี่จึงกล่าวได้ว่า คนดูทั้งเหนื่อยทั้งเบื่อกับการต้องไล่ตามดูคอนเทนต์ประเภทนี้ และไม่สนุกอีกต่อไปกับการเก็บรายละเอียดปลีกย่อย หรือ Easter Egg ต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่

ประกอบกับยุคนี้ผู้ชมทั่วโลกก็มีสารพัดคอนเทนต์ให้ดูกันไม่หวาดไม่ไหวอยู่แล้ว และคอนเทนต์ซูเปอร์ฮีโร่ ค่ายอื่น ๆ ก็กล้าฉีกเพื่อสร้างความแตกต่างมากกว่าของ Disney โดยเฉพาะกลุ่มเนื้อหามืดหม่น อย่างหนัง Joker ที่เล่าเรื่องคู่ปรับสำคัญของ Batman ในรูปแบบหนังดราม่าได้ถึงแก่นจนนักแสดงนำคว้ารางวัลออสการ์

หรือ The Boys ซีรีส์ใน Amazon Prime ที่พลิกให้ทีมซูเปอร์ฮีโร่ กลายเป็นตัวร้ายจนเหล่าคนธรรมดาต้องรวมกลุ่มเพื่อแก้แค้นอย่างเจ็บแสบ ซึ่งมีออกมาหลายซีซั่น

และเพิ่งมีซีรีส์ภาคแยกในชื่อ Gen V ออกมา ดังนั้น หากดูไม่น่าสนใจ ไม่แปลกใหม่และกระแสไม่แรงจริง ๆ ก็จะเปิดตัวแป้กแบบ The Marvels

Bob Igor 

ด้าน Bob Igor ซีอีโอ Disney ยอมรับแล้วว่า คอนเทนต์ซูเปอร์ฮีโร่ถึงคราวอิ่มตัวและอาณาจักรบันเทิงภายใต้การดูแลทำคอนเทนต์กลุ่มนี้ออกมามากเกินไปแล้ว ทำให้จากนี้ต้องปรับแผน

ท่ามกลางการคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้สูงว่า จากนี้คอนเทนต์ซูเปอร์ฮีโร่ของ Disney จะน้อยลง และจักรวาล MCU คงไม่ขยายออกไปมากมายและรวดเร็วเหมือนช่วงรุ่ง ๆ อีกแล้ว/cnn, cnbc



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online