การท่องเที่ยวยังเป็นสิ่งที่ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ยิ่งในปีที่ผู้คนต้องเผชิญกับความไม่เเน่นอน เเละต้องเเบกรับภาระการทำงานที่หนักหน่วง  จึงอยากหลีกหนีจากชีวิตประจำวันที่วุ่นวาย ออกไปผ่อนคลาย เเละเพื่อฟื้นฟูจิตใจ 

Michelle Gao, Regional Manager, Mekong Region, at Booking.com

Booking.com ได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้เดินทาง เพื่อคาดการณ์เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวปี 2567 เพื่อเจาะลึกถึงความต้องการของผู้เดินทางชาวไทย  ผลการสำรวจพบว่า 

89% ของผู้เดินทางชาวไทย (และ 78% ของผู้เดินทางทั่วโลก) ระบุว่า พวกเขารู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อได้เดินทาง และ 88% ของผู้เดินทางชาวไทยเชื่อว่าพวกเขาได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดระหว่างออกท่องเที่ยว

รวบรวม 4 เทรนด์ ที่น่าสนใจ มีดังนี้

1. เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อออกเดินทาง

ปี 2567 ผู้เดินทางจะรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น ด้วยการออกท่องเที่ยวเเล้วสร้างตัวตนใหม่ ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ตามแนวคิดที่ว่าผู้คนมีบุคลิกที่แตกต่างกัน เมื่อออกเดินทางก็ควรจะได้เป็นตัวของตัวเองในมุมที่ไม่ได้เปิดเผยในทุกวัน ช่วยสร้างความมีชีวิตชีวา  

88% เชื่อว่าจะได้เป็นตัวของตัวเองระหว่างออกท่องเที่ยว และเปิดรับบุคลิกภาพใหม่ของตนได้เต็มที่

  • 74% จะสร้างสตอรี่ของตนเองเอาไว้เล่าให้คนที่ได้เจอระหว่างทางฟัง
  • 78% ชอบที่ไม่ต้องเผยตัวตนที่แท้จริงขณะเดินทาง  สร้างตัวตนในแบบที่ต้องการให้เป็นได้
  • 59% ยอมจ่ายเงินเพื่อเช่ารถที่ดีกว่าคันที่ขับอยู่ประจำ เพื่อใช้ชีวิตต่างจากเดิม
  • 69% รู้สึกได้ถึง “อินเนอร์ของตัวละครหลัก” ที่ตัวเองเป็นในขณะออกเดินทาง

ผู้คนปรารถนาที่จะสร้างตัวตนเสมือนในการเดินทาง โดยได้เเนวคิดมาจากโลกเมตาเวิร์ส  เพื่อช่วยให้ได้สวมบทบาทเป็นตัวละครที่มีอิสระตามที่ฝันขณะออกเดินทาง

2. ทริปหนีร้อนไปพึ่งเย็น

สภาพอากาศไทยที่ร้อนอย่างต่อเนื่อง สร้างความขุ่นข้องในชีวิตประจำวัน จึงฝันใฝ่ถึงการได้ไปสัมผัสอากาศเย็น หลีกหนีชีวิตประจำวันที่เผชิญอยู่ เพื่อหาช่วงเวลาพักผ่อนสำหรับคลายร้อนและความกังวล

  • 78% ของผู้เดินทางชาวไทย ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลต่อการวางแผนการท่องเที่ยวในปีหน้า
  • 84% เห็นด้วยว่าการได้พักผ่อนใกล้ชิดกับสายน้ำ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นได้ทันที 
  • 40% สนใจการท่องเที่ยวพักผ่อนที่เน้นใกล้ชิดกับน้ำในปี 2567

การดำดิ่งลงใต้น้ำเพื่อฝึกสมาธิ กำลังได้รับความนิยม และกลายเป็นกระแสหลักอย่างรวดเร็ว เช่น การเล่นโยคะลอยตัวบนน้ำ การทำสมาธิด้วยเสียงน้ำ การทำสมาธิกลางหิมะ การบำบัดและผ่อนคลายด้วยน้ำเย็นจัด โรงแรมใต้น้ำ กิจกรรมในธีมโลกใต้ทะเลหรือเมืองของเงือก จะได้รับความนิยมอย่างมาก 

3. ขอให้ได้ลุ้น เดินทางเฝ้ารอการเซอร์ไพรส์

คนอยากเดินทางเหมือนออกสำรวจสิ่งที่ไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อน และลองไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ จากเดิมที่ต้องเป็นไปตามเช็กลิสต์ เเต่ในปีหน้าจะมาในเเนวบุกเบิกเส้นทางใหม่  ตื่นเต้นกับการจะได้ไปพบเเละสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ เหมือนเปิดกล่องสุ่ม 

  • 61% สนใจจองการเดินทางแบบที่ไม่รู้เลยว่าจะได้ไปที่ไหนบ้างจนกว่าจะไปถึง
  • 76% ต้องการที่จะไปในจุดหมายปลายทางที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก 
  • 53% มองหาทริปเดินทางร่วมกับคนแปลกหน้า
  • 67% ไม่ต้องการแผนหรือเช็กลิสต์ก่อนเดินทาง ปล่อยใจไปตามแต่ละโอกาสและสถานการณ์เฉพาะหน้าจะพาไป
  • 82% เน้นวางแผนการเดินทางแบบไม่ละเอียดมาก หรือที่สามารถยืดหยุ่นได้ เปลี่ยนแผนได้ตามอารมณ์ในตอนนั้น

4. ตามรอยต้นกำเนิดของความอร่อย

ในปีหน้านักเที่ยวสายกิน จะไปไกลมากกว่าเเค่การตามรอยอาหาร เเต่จะตามไปจนถึงจุดกำเนิดและรากวัฒนธรรม เพื่อทำความเข้าใจถึงเรื่องราวด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ของอาหารจานเด็ดนั้น ๆ เมินเทรนด์อาหารรูปแบบใหม่ และหันมาอนุรักษ์อาหารแบบต้นตำรับ เน้นวัตถุดิบที่หาได้เฉพาะพื้นที่ เพื่อลิ้มรสอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่นอย่างแท้จริง  ซึ่งเทรนด์นี้จะสร้างความภาคภูมิใจ และกระจายรายได้ให้กับชุมชน

  • 78% สนใจเรียนรู้ต้นกำเนิดอาหารจานเด็ด และอาหารที่ห้ามพลาดในที่นั้น ๆ มากกว่าที่เคยเป็นมา
  • 92% อยากลิ้มลองอาหารพื้นเมืองมากขึ้น เน้นค้นหารสชาติอาหารดั้งเดิมที่ปรุงด้วยสูตรลับที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น 

5. ผ่อนคลายเพื่อฟื้นพลัง

ผู้คนต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในชีวิตที่เผชิญอยู่ เน้นไปจองทริปเจาะการพัฒนาร่างกายและจิตใจ เพื่อเยียวยาความรู้สึกและคลายความเครียด ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้อีกครั้ง ซึ่งเทรนด์ที่กำลังมาเเรง คือ การท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับสนิท (Sleep Tourism) ไม่มีอะไรมากวนใจ

  • 59% จะหาเวลาไปท่องเที่ยวเพื่อหาคู่หรือคนรักใหม่ 
  • 54% เน้นไปยังการท่องเที่ยวพักใจเพื่อลืมคนรักเก่าให้ได้เสียที
  • 13% กระชับความสัมพันธ์กับคนรักให้แน่นแฟ้น และเน้นเรื่องนี้เป็นหลักในการเดินทางปีหน้า
  • 76% วางแผนเดินทางคนเดียวในปีหน้า แบบไม่พาลูกและคู่ครองของตัวเองไปด้วยเพื่อรีชาร์จพลังชีวิตตัวเอง

6. ยกระดับวันหยุดแบบ A La Carte

เเม้จะรัดเข็มขัดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่การท่องเที่ยวก็ยังต้องมีกลิ่นอายของความหรูหราอยู่บ้าง คนจึงมีเเนวโน้มเสพอาหารแบบ A La Carte ผ่านการใช้จ่ายแบบเต็มที่ในทริปสั้น ๆ หรือเลือกที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านหนึ่งเพื่อไปเต็มที่กับสิ่งที่ตนเองต้องการมากกว่า 

เเละมีเเนวโน้มต้องการ AI มาช่วยสำหรับการวางแผนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย  

  • 64% วางแผนที่จะเลือกจุดหมายปลายทางที่ค่าครองชีพถูกกว่าเมืองตัวเองอยู่ เพื่อใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
  • 65% ยินดีจ่ายค่าบัตรผ่านรายวันเพื่อเข้าใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมห้าดาว แทนการเข้าพักจริง
  • 65% วางแผนให้ลูกหลานลาเรียน แล้วออกเดินทางนอกฤดูท่องเที่ยวเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายตอนออกเดินทาง

7. สุนทรียศาสตร์ของการเดินทางแบบยั่งยืน

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  ใส่ใจสิ่งเเวดล้อมและมีความรับผิดชอบในแบบที่สร้างสรรค์มากขึ้น สร้างผลเชิงบวกต่อชุมชนและสังคมเพิ่มมากขึ้น เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวกำลังมองหา

  • 78% กำลังมองหาที่พักที่มีนวัตกรรมด้านความยั่งยืนที่ดูตื่นตาตื่นใจ
  • 83% อยากเห็นการดำเนินการเพื่อความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม 
  • 65% ต้องการเห็นที่พักตกแต่งด้วยพื้นที่สีเขียวและประดับด้วยต้นไม้ราวกับอยู่กลางธรรมชาติ
  • 47% อยากให้นำเสนอประสบการณ์ทดลองใช้ชีวิตกับคนในชุมชนท้องถิ่นหรือจุดหมายที่ไม่คุ้นเคย
  • 44% ข้อเสนอเป็นทริปการเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะยังเข้าไม่ถึง

ที่มา: booking.com



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online