ก๋วยเตี๋ยวอบแห้งเปลือย เกมที่ไวไวขอสร้างรายได้บนเส้นทางที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังคงถูกควบคุมราคา

ในวันที่ตลาดกึ่งสำเร็จรูปยังคงเป็นสินค้าที่ถูกควบคุมราคาจำหน่ายจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จนไม่สามารถขึ้นราคาขยับตามต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อรักษามาร์จิน คือความแตกต่างระหว่างต้นทุนกับราคาขายได้ตามต้องการ

จนผู้ผลิตต้องปรับตัวทางธุรกิจผ่านการสร้างโอกาสด้านรายได้และผลกำไรใหม่ ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มศักยภาพด้านผลกำไรมากขึ้น

บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด เจ้าของแบรนด์ไวไว ก็เช่นกัน

ในปี 2567 โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย มีแผนที่จะผลักดันโอกาสการสร้างรายได้และกำไรผ่านขาธุรกิจก๋วยเตี๋ยวเปลือย และผงปรุงรส ซึ่ง 2 ใน 3 ขาธุรกิจของบริษัท และเป็นกลุ่มที่ไม่ถูกจำกัดด้านราคาจากกรมการค้าภายในเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปธุรกิจที่สร้างรายได้หลัก

กลุ่มก๋วยเตี๋ยวเส้นเปลือย เช่น เส้นหมี่อบแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ไม่มีเครื่องปรุง

ปัจจุบันกลุ่มนี้สร้างรายได้ให้กับโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย ในสัดส่วน 27-28% และยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ต้องการขยายตลาดในกลุ่มธุรกิจนี้มากขึ้น จากการมองเห็นโอกาสทางการตลาดผ่านพฤติกรรมผู้บริโภคที่รักสุขภาพ

โดยเฉพาะเส้นหมี่อบแห้ง ผ่านแบรนด์ไวไว ซึ่งเป็นสินค้าเรือธง

ที่ผ่านมาแบรนด์ไวไวมีเส้นหมี่อบแห้งเจาะกลุ่มผู้รักสุขภาพสองรูปแบบ ได้แก่ เส้นหมี่ข้าวกล้องอบแห้ง และเส้นหมี่ข้าวไรซ์เบอรี่อบแห้ง ที่ออกวางจำหน่ายกว่า 2 ปีที่ผ่านมา

เส้นหมี่ข้าวกล้องอบแห้ง วางขายตามช่องทางทั่วไป

เส้นหมี่ข้าวไรซ์เบอรี่อบแห้ง วางขายช่องทางออนไลน์

ล่าสุดได้เปิดเส้นหมี่อบแห้งไฟเบอร์สูงกว่าเส้นหมี่อบแห้งทั่วไป 8 เท่า หรือไวไวกรีน เข้ามาเพิ่มเติมไลน์อัปเส้นหมี่อบแห้งเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพเพิ่มขึ้น

การเปิดเส้นหมี่อบแห้งไฟเบอร์สูง มาจากยศสรัลมองเห็น Pain Point ด้านสุขภาพของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ไม่รับประทานผัก หรือรับประทานผักน้อย และเกิดปัญหาเรื่องการขับถ่ายจากไฟเบอร์ที่ไม่เพียงพอ

Marketeer มองว่ายังเป็นการสร้างมูลค่า สามารถตั้งราคาจำหน่ายได้สูงกว่าเส้นหมี่อบแห้งทั่วไป ด้วยราคา 150 กรัม 29 บาท รับประทานได้ 2 เสิร์ฟ

พร้อมกับสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่เป็น End User ที่รักสุขภาพ และมีพฤติกรรมทำอาหารรับประทานเองที่บ้านอีกทางหนึ่ง

ยังตอบโจทย์ทิศทางของไวไวในกลุ่มก๋วยเตี๋ยวอบแห้งเปลือยในปีนี้และปี 2567 ที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังเส้นต่าง ๆ ที่เป็นพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ไวไวเคยเปิดบะหมี่เส้นญี่ปุ่นอบแห้งมาก่อนหน้านั้น

รวมถึงวางแผนที่จะเข้าถึงตลาด End User มากขึ้นด้วยการจัดทำคอนเทนต์ด้านอาหารที่ทำจากก๋วยเตี๋ยวอบแห้งไวไวมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการกระตุ้นให้ผู้ที่ทำอาหารรับประทานเองที่บ้านนำไวไวมาใช้เป็นส่วนประกอบในแต่ละมื้อมากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มที่ไม่ทำอาหารรับประทานที่บ้านให้ลองทำอาหารรับประทานเอง เพราะมีความง่ายในการประกอบอาหาร

ในปีหน้ามีแผนกระตุ้นลูกค้า End User ด้วยแคมเปญแจกรางวัลให้กับลูกค้าที่มีก๋วยเตี๋ยวเปลือยไวไวอยู่ที่บ้าน

การแจกรางวัลนี้มาจากความคิดของยศสรัลที่มองว่าเมื่อผู้บริโภคมีไวไวติดบ้านโอกาสที่จะนำมาประกอบอาหารจะมีสูงมากกว่าผู้บริโภคที่ไม่มีสินค้าไวไวในบ้าน

ทั้งหมดนี้ Marketeer มองว่าส่วนหนึ่งมาจากการหาช่องว่างการตลาดใหม่ ๆ ในตลาด End User ที่จะเป็นโอกาสด้วยรายได้ให้กับตัวเองนอกเหนือจากตลาดหลักของสินค้ากลุ่มนี้คือตลาด B2B

เพราะที่ผ่านมาท้าทายของตลาดเส้นหมี่อบแห้งไวไว คือ มีสัดส่วนยอดขายจากตลาด B2B ที่เป็นร้านอาหารและร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นหลัก โดยกลุ่มนี้สร้างยอดขายประมาณ 60% ของยอดขายเส้นหมี่อบแห้งทั้งหมด

การแข่งขันในตลาดนี้มีคู่แข่งหลักอยู่ในตลาดประมาณ 10 ราย เช่น สิงห์ทอง เอฟเอฟ มาม่า รวมถึงเส้นหมี่สดที่มีราคาจำหน่ายที่ถูกกว่า

ทำให้ร้านอาหารและร้านก๋วยเตี๋ยวบางร้านที่ต้องการควบคุมต้นทุนในการขายเลือกซื้อเส้นหมี่อื่น ๆ ของคู่แข่งแทนแบรนด์ไวไว

ที่ผ่านมาโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทยแก้เกมนี้ด้วยการออกเส้นหมี่อบแห้งและเส้นบะหมี่อบแห้งแบรนด์นูดดี้เข้ามาทำตลาดในราคาที่ถูกกว่าเส้นหมี่อบแห้งแบรนด์ไวไวเพื่อเป็นทางเลือกให้กับร้านอาหารและร้านก๋วยเตี๋ยวที่ให้ความสำคัญกับต้นทุนวัตถุดิบ และเป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มมุสลิม จากแบรนด์นูดดี้ เป็นแบรนด์ที่ได้รับเครื่องหมายฮาลาล ที่แบรนด์ไวไวไม่มี

และนอกจากเส้นหมี่อบแห้ง ที่ผ่านมาโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย ยังใช้แบรนด์ไวไว ขยายโอกาสไปยังกลุ่มเป้าหมายร้านอาหารและร้านก๋วยเตี๋ยว ด้วยการนำเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเปลือย เส้นเล็กเปลือย ก๋วยเตี๋ยวอบแห้งเปลือย เป็นต้น

นอกจากกลุ่มเส้นก๋วยเตี๋ยวอบแห้งเปลือยที่โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทยนำมาเป็นเครื่องมือสร้างรายได้ใหม่ ๆ แล้ว

ในปีหน้ายศสรัลมีแผนผลักดันสัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจผงปรุงรสสำเร็จแบรนด์รสเด็ดเพิ่มขึ้น ด้วยการนำรสชาติใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดเพื่อหวังว่าจะสร้างสัดส่วนรายได้ในกลุ่มนี้เพิ่มเป็น 5% จากปัจจุบันที่ทำรายได้เพียง 2-3% เท่านั้น

อย่างไรก็ดี สำหรับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มที่สร้างรายได้หลักให้กับโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย ด้วยสัดส่วนรายได้ถึง 70% ของรายได้ทั้งหมด

ที่ผ่านมาโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทยทำตลาดผ่านแบรนด์ ไวไว เป็นแบรนด์หลัก และซื้อดะเป็นแบรนด์รองที่เจาะกลุ่มมุสลิมจากการได้รับเครื่องหมายฮาลาล

แม้จะเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลักให้กับไวไว แต่มีความท้าทายอย่างที่ทราบคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสินค้าที่ควบคุมราคาจำหน่ายในประเทศไทย จนทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองทั่วไป ราคาซองละ 7 บาท หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มแมสมีมาร์จินที่ต่ำจนไม่สามารถสร้างผลกำไรจากกลุ่มนี้ได้มากนัก

ทำให้ผู้ผลิตรวมถึงไวไวหันไปเล่นตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น จากมาร์จินที่สูงกว่ากลุ่มแมส

และในปีหน้าไวไวมีแผนที่จะเปิดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดในกลุ่มพรีเมียมซองและแบบถ้วยมากขึ้น

การที่ผู้ผลิตหันมาเล่นตลาดพรีเมียม เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีการเติบโตด้านมูลค่า ส่วนด้านปริมาณยังคงทรงตัว เนื่องจากประเทศไทยมีการรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อคนสูงเฉลี่ยเป็นอันดับสามของโลก ด้วยปริมาณ 55 เสิร์ฟ ต่อคนต่อปี อ้างอิงจาก World Instant Noodles Association

ในปีที่ผ่านมาอ้างอิงจากนีลเส็นตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเส้นก๋วยเตี๋ยวกึ่งสำเร็จรูปมีมูลค่ารวมกัน 17,106 ล้านบาท เติบโต 12.2%

โดยตลาดหลักยังมาจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มูลค่า 16,104 ล้านบาท เติบโต 11.9% 

ส่วนตลาดเส้นก๋วยเตี๋ยวกึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 1,002 ล้านบาท เติบโต 18.5%

สำหรับผลประกอบการของโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทยใน 5 ปีที่ผ่านมา

มีรายได้รวมและกำไรดังนี้

ปี 2561 รายได้รวม 6,306.98 ล้านบาท กำไร 277.22 ล้านบาท

ปี 2562 รายได้รวม 6,525.51 ล้านบาท กำไร 341.81 ล้านบาท

ส่วนปี 2563 รายได้รวม 7,059.24 ล้านบาท กำไร 430.97 ล้านบาท

สำหรับปี 2564 รายได้รวม 6,797.91 ล้านบาท กำไร 306.03 ล้านบาท

และปี 2565 รายได้รวม 7,734.02 ล้านบาท กำไร 125.35 ล้านบาท

 

ส่วนสิ้นปีนี้และปีหน้า โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทยจะสร้างรายได้และกำไรได้แค่ไหนคงได้เห็นกันในอนาคต

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer