AI เทรนด์ที่ต้องรู้ หากอยากรุ่งกว่าใครใน ตลาดแรงงาน ปี 2024

ความเคลื่อนไหวใหญ่ทางเทคโนโลยีที่สร้างแรงกระเพื่อมมากสุดทั่วโลกเมื่อปี 2023 คือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยหลัง OpenAI บริษัท AIปล่อย ChatGPT ให้ใช้ฟรี AIก็ถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางและบีบให้ยักษ์เทคค่ายอื่น ๆ ทั้ง Google และ Baidu เร่งผลักดันAIแบบสั่งงานผ่านข้อความและสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้หรือ Chatbot ออกมาบ้าง

ตลอดปี 2023 ข่าวเกี่ยวกับAIจึงมีปรากฏในสื่ออย่างต่อเนื่อง จนถึงขนาดที่พจนานุกรม Collins ยกให้AIเป็นคำแห่งปี ประจำปี 2023

ในส่วนของตลาดแรงงานAIก็สร้างความเปลี่ยนแปลงแล้วเช่นกัน โดยมีรายงานว่า คนวัยทำงานรุ่นใหม่ใช้AIเขียนประวัติย่อเพื่อใช้สมัครงาน แต่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็รู้ทัน ใช้AIในการคัดใบสมัครเพื่อคัดพนักงานให้ตรงตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้มากสุด

ขณะเดียวกันในโลกการทำงานก็ปรากฏคำใหม่ ๆ จากAIเช่น ความกังวลว่าจะถูกAIแย่งงาน (AI Anxiety) ภาวะหมดไฟหลังต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการทำงานร่วมหรือภายใต้การควบคุมของAI (AI Burnout)

 

ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ตลาดแรงงานของประเทศขนาดเล็กที่พัฒนาแล้วและมีพัฒนาการเทคโนโลยีดีอย่างสิงคโปร์ จะได้ประโยชน์จากAI มากกว่าประเทศใหญ่แต่ระบบAIยังไม่ก้าวหน้าอย่างอินเดียและอินโดนีเซีย

ส่วนปี 2024 AIในตลาดแรงงานก็ยังมีการพัฒนาต่อเนื่องที่เราต้องรู้เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

 

เพื่อนร่วมงานใหม่ที่คาดไม่ถึง: ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่าปี 2023 AIที่พัฒนามากสุดพร้อมจุดชนวนให้เกิดการพัฒนาอย่างคึกคักคือ Chatbot พร้อมกันนี้ยังมีAIอีกประเภทที่พัฒนาและให้ใช้เพิ่มขึ้นคือAIเสียง เห็นได้จากการสังเคราะห์การร้องแร็ปแบบเอมิเนม ที่ดีเจ เดวิด เกตต้า เอามาใช้ในเพลง

นี่จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าAIกลุ่มสร้างคำและเสียงต่าง ๆ จะพัฒนาก้าวหน้าไปมากยิ่งขึ้น จนคนพิการทางร่างกายโดยเฉพาะแขนหรือมือ สามารถสั่งการคอมพิวเตอร์ผ่านคำพูดได้ ได้ง่ายและสะดวกขึ้น

วิคเตอร์ ซานติอาโก้ พิเนด้า ผู้อำนวยการ Inclusive Cities Lab องค์กรด้านคลังความคิดและวิชาการด้านAIและการพัฒนาเมืองในสหรัฐฯ คาดว่า ระบบของAIจากเสียงคำพูดไปเป็นข้อความและจากข้อความกลับไปเป็นเสียงคำพูดจะก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปีนี้

อันจะส่งผลให้คนพิการที่เคยอยู่นอกตลาดแรงงานอาจได้เข้ามาเป็นเพื่อนร่วมงานใหม่ของหลายบริษัท ในยุคที่การทำงานอยู่บ้าน (Work from Home) เป็นเรื่องปกติ

วิคเตอร์ ซานติอาโก้ พิเนด้า เชื่อว่าความก้าวหน้าของAIในปีนี้จะส่งผลดีต่อสังคมโดยรวม เพราะจะทำให้คนพิการพัฒนาศักยภาพของตนเอง เห็นตัวมีคุณค่ามากขึ้นและมีส่วนร่วมกับสังคมได้มากขึ้น

 

ใส่เกียร์เดินหน้าอัปเฟิร์มแวร์: ก่อนหน้าที่AIรวมไปถึงระบบอัตโนมัติต่าง ๆ จะพัฒนาจนช่วยอำนวยความสะดวกให้เราอย่างมากมายในปัจจุบัน เทคโนโลยีกลุ่มนี้ก็เคยถูกมองด้วยความกังวลว่าจะมาแย่งงาน

และเมื่อพัฒนาจนเริ่มมีใช้กันพอสมควรก็มีปัญหาใหม่ผุดขึ้นมาอีก นั่นคือ ความลำเอียงของระบบ (Algorithm bias) ที่อิงจากความคิดของผู้เขียนโปรแกรม

เช่น เลือกคนสีผิวใดสีผิวหนึ่งมากกว่า และจับตาดูคนที่มีลักษณะใดลักษณะหนึ่งมากกว่า

จนเป็นเหตุให้คนบางกลุ่ม เช่น คนผิวดำหรือชาวเอเชีย ไม่ผ่านการคัดเลือกจากAIที่คนผิวขาวเป็นผู้เขียนโปรแกรม รวมไปถึงความผิดพลาดต่าง ๆ ของเทคโนโลยีคัดเลือกใบสมัครของฝ่ายทรัพยากรบุคคล

อย่างไรก็ตาม ปี 2024 ปัญหาเหล่านี้จะลดลงไป เพราะมีการพัฒนาAIให้ดีขึ้น เปรียบได้กับการอัปเดตเวอร์ชั่นของเฟิร์มแวร์ในคอมพิวเตอร์นั่นเอง   

นี่จะทำให้การใช้AIคัดใบสมัครแบบเลือกที่รักมักที่ชังน้อยลง ยุติธรรมมากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ที่ Deloitte บริษัทจัดหาและให้คำปรึกษาด้านหน้าที่การงานชื่อดังระดับโลก นำAIมาใช้อย่างกว้าง และพัฒนาต่อเนื่อง จนทำให้การทำงานของฝ่ายทรัพยากรบุคคลไล่ตั้งแต่คัดใบสมัคร พิจารณาเงินเดือน และรั้งตัวพนักงานเก่ง ๆ ไว้ได้มากขึ้น

 

ปรับใหญ่ด้วย Duo upskilling: ท่ามกลางศัพท์ใหม่ ๆ และ How to มากมาย ที่มีมาจากAIมีคำหนึ่งที่น่าสนใจและต้องใส่ใจ นั่นคือ การพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้สอดรับกับตลาดแรงงาน (Upskilling)

ปี 2023 เหล่าพนักงานรุ่นใหญ่ในออฟฟิศมากมายทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่ม Babyboom และ GenX พากัน Upskilling โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและAIเพราะปัญหาเศรษฐกิจและภาระครอบครัวยังทำให้ไม่สามารถเกษียณได้   

แต่ในปี 2024 จะเกิด Duo upskilling หรือยกเครื่องควบคู่กัน ทั้งในส่วนของพนักงานและตัวบริษัท โดยในส่วนของตัวบริษัท จะได้เห็นบริษัทที่จัดอบรมทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกการทำงานยุคใหม่ให้พนักงานกันมากขึ้น

ขณะเดียวกันตัวองค์กรก็จะเดินหน้าปฏิรูปด้วยการทำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อให้ดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างทัดเทียมกับคู่แข่ง และไม่ต้องปิดตัวจากการตามเทคโนโลยีไม่ทันอีกด้วย

 

ความล้าหลังที่ต้องสลัดทิ้ง: เทรนด์สุดท้ายที่เห็นกันมากขึ้นในปี 2024  ไล่ตั้งแต่โลกการทำงานไปจนถึงรัฐบาลและหน่วยงานระหว่างประเทศ คือ การแก้ไขกฎระเบียบเรื่องAIเพราะเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง

สหภาพยุโรป (EU) นำหน้าไปแล้ว ด้วยการออกกฎระเบียบควบคุม AI ขณะที่แทบทุกประเทศก็เผชิญภัยคุกคามทางเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ซึ่งในจำนวนนี้มีอาชญากรบางส่วนนำAIมาใช้ก่อเหตุกันแล้ว

นี่จึงเป็นสัญญาณเตือนว่า หน่วยงานภาครัฐทุกประเทศต้องก้าวให้ทันและรู้เท่าทันAIให้มากกว่านี้ เพราะถ้าล้าหลังนอกจากถูกประเทศอื่น ๆ ทิ้งห่างแล้ว ยังจะส่งผลต่อความเป็นอยู่และความปลอดภัยในชีวิตประชาชนด้วย/bbc

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer