มาลี กรุ๊ป พลิกครองส่วนแบ่งตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมอันดับ 1 เดินหน้ากลยุทธ์ One Malee พาบริษัทก้าวสู่ระดับโลก
ตลาดน้ำผลไม้ในประเทศไทยมูลค่าหมื่นล้าน แม้ได้รับผลกระทบในช่วง Covid-19 ที่ผ่านมา ทำให้การเติบโตติดลบหลายปี เนื่องจากเป็นสินค้าที่พึ่งพาส่วนของการท่องเที่ยวอย่างมาก แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา กลับมาเติบโตได้ 10-11% ในมูลค่าหมื่นล้านนี้มีเซกเมนต์ของน้ำผลไม้พรีเมียมคิดเป็น 1 ใน 3 หรือราว 3,000 ล้านบาท
มาลี กรุ๊ปผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ ภายใต้แบรนด์ “มาลี” ไต่จากอันดับสาม ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ครองส่วนแบ่งในตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมอันดับหนึ่งได้สำเร็จ
คุณราชเทพ นฤหล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการที่เติบโตขึ้นในปี 2566 ที่ผ่านมา ด้วยยอดขายที่สูงขึ้น 20% และผลกำไรที่เพิ่มขึ้น 138% จากผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์นม กลายเป็นเบอร์ 1 ในตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมไทยด้วยส่วนแบ่งตลาด 21%
ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2567 มาลี กรุ๊ปมียอดขายเพิ่มขึ้น 15% กำไรเติบโต 261% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
มุ่งสู่เป้าหมายใหม่ สู่การเป็น “ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก”
ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่มีส่วนช่วยสร้างการเติบโตในปีที่ผ่านมา คือ กลยุทธ์ One Malee ด้วยการรวมบริษัทย่อยทั้ง 13 บริษัทให้ทำงานคอนเนกกันได้ทั้งหมด ตอบสนองต่อตลาดได้เร็ว อีกทั้งยังสามารถจัดการบริหารในทุกภาคส่วนได้ดีขึ้น เนื่องจากมีอำนาจต่อรองที่ดีกว่า
ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังได้เพิ่มงบประมาณในการศึกษาตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น 3 เท่า เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด
จากการศึกษายังพบว่า ผู้บริโภคมีความต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่แตกต่างกันและมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น จึงได้ลงทุนใน Malee Applied Sciences (MAS) ภายใต้ มาลี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงาม มีความเชี่ยวชาญในการศึกษาเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) นาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology) ตลอดจนการคิดค้นและเพิ่มมูลค่าของผลผลิตด้านการเกษตรและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภค
โดยที่ MAS ให้ความสำคัญกับการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology Research) ผ่านการนำส่งสารสำคัญใหม่ของวัตถุดิบ (Innovative Ingredient) ที่ได้จากผลผลิตทางธรรมชาติ มุ่งสู่การจดสิทธิบัตร ด้วยความพร้อมนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะสร้างรายได้จากการจำหน่ายวัตถุดิบให้กับบริษัทภายในกลุ่มของมาลีและพาร์ตเนอร์ธุรกิจที่สนใจ ให้สามารถนำวัตถุดิบมาเป็นส่วนประกอบได้
ทั้งนี้ มาลียังได้ปรับกลยุทธ์การสื่อสารมาให้ความสำคัญกับการบอกเล่าคุณประโยชน์ของสินค้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เนื่องจากมองเห็นความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในสองแคมเปญที่ผ่านมา คือ น้ำมะพร้าว Malee COCO ที่มุ่งสื่อสารและให้ความรู้กับผู้บริโภคโดยอาศัยข้อมูลจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ที่พบว่าโพแทสเชียมในน้ำมะพร้าวธรรมชาติมีส่วนช่วยปรับสมดุลปริมาณโซเดียม เหมาะสำหรับกลุ่มผู้บริโภคไทยที่ชอบรับประทานอาหารรสจัด แคมเปญการตลาดจึงตอกย้ำจุดขายในการดูแลตัวเอง เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มโอกาสในการดื่มน้ำมะพร้าวมากขึ้นทุกวัน
ส่งผลให้ในปี 2566 ที่ผ่านมา ยอดขายของ Malee COCO เติบโต 103% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นมากที่สุด ตลอดจนแคมเปญ “น้ำส้มมาลี มีดีที่เฮสเพอริดิน” ที่ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ของเฮสเพอริดินในส้ม ที่มีส่วนช่วยในการลดโคเลสเตอรอลและความดัน ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาสนใจดื่มน้ำส้มมากขึ้น เพื่อเป็น Healthier Treat ในระหว่างวัน
มาลี กรุ๊ป ปักหมุดเป้าหมายมุ่งสู่ “Top Beverage Brand of Choice” ในประเทศไทย และ “ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก” ยึดหลัก 4 กลยุทธ์ ได้แก่
Mental Availability เป็นเครื่องดื่มที่มอบสุขภาพที่ดีและความสุขให้ผู้บริโภคในแต่ละวัน
Physical Availability ในด้านการกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วถึงทุกช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้สะดวก
Relevant Portfolio ที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์เรือธง และเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในกลุ่มน้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์นม พร้อมโปรเจกต์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นการมอบประโยชน์แก่ผู้บริโภค
Improved Customer Preference ร่วมวางแผนกับคู่ค้าในการขับเคลื่อนมูลค่าตลาดในกลุ่มน้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์นม
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /