ประเทศจีนถือเป็นตลาดส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของไทย ด้วยตัวเลขการส่งออกในแต่ละปีไม่ต่ำกว่าระดับล้านตันสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท ทุเรียนไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถึงขั้นที่ว่าผู้รับซื้อทุเรียนสดหน้าสวนถึงกับมาตั้งล้งรับซื้อทุเรียนในประเทศไทย โดยเฉพาะในแถบจังหวัดจันทบุรี ระยอง อะไรทำให้คนจีนคลั่งไคล้ทุเรียนมากถึงขนาดนี้ แล้วอะไรคือแรงผลักดันให้ทุเรียนไทยได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีน วันนี้เราหยิบยกมาเล่าให้ฟัง

ราชาแห่งผลไม้

ทุเรียนถือเป็นผลไม้เมืองร้อนชนิดหนึ่ง โดยมีถิ่นกำเนิดในประเทศมาเลเซียและต่อมาถูกนำไปปลูกในประเทศใกล้เคียง เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม และพม่า เป็นต้น แต่ปัจจุบันไทยได้แซงหน้ามาเลเซียจนกลายเป็นประเทศที่มีการผลิตและส่งออกทุเรียนมากที่สุดในโลก โดยในปี 2019 ประเทศไทยส่งออกทุเรียน 518,424 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.27 มูลค่าการส่งออกถึง 983 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.98 เมื่อเทียบกับปี 2018

ทุเรียนได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้” และได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ เนื้อสัมผัสแบบครีม และรสชาติที่ไม่เหมือนผลไม้ชนิดอื่น ทำให้ทุเรียนกลายเป็นผลไม้ยอดนิยมในประเทศจีน

The Economist ชี้ว่าเหตุผลที่ยอดขายทุเรียนในจีนเติบโตขึ้นมาจาก 2 เหตุผลด้วยกัน เหตุผลแรกคือสัดส่วนชนชั้นกลางของจีนเพิ่มมากขึ้น นั่นแปลว่ามีคนจีนที่มีกำลังจ่ายเงินซื้อทุเรียนเพิ่มมากขึ้น เพราะอย่างที่รู้ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีราคาสูง โดยเฉพาะทุเรียนจากประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ค้าทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของจีน โดยราคาขายทุเรียนหมอนทองในจีนจะอยู่ที่ราว ๆ 150 หยวน หรือประมาณ 700 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนที่แพงกว่าทุเรียนไทย คือ ทุเรียนพันธุ์มูซานคิง จากประเทศมาเลเซีย ที่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 500 หยวน หรือ 2,500 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว

 

ต้องบอกว่าราคาทุเรียนนั้นคัดคนกิน คนที่ไม่สามารถจ่ายได้ก็ไม่ได้กิน แต่บางคนมองว่า ยิ่งราคาสูงพวกเขาต้องกินให้ได้ บางคนถึงขั้นเปรียบเทียบทุเรียนเป็นไวน์ชั้นดีเลยทีเดียว และแฟนพันธุ์แท้ทุเรียนมูซานคิง บอกว่า ทุเรียนพันธุ์มูซานคิงนั้นเปรียบได้กับ กระเป๋าแอร์เมส (Hermes) เลย

ส่วนเหตุผลที่สอง ที่ทำให้ยอดขายทุเรียนในจีนเติบโตขึ้นอีกก็เป็นเพราะจีนเปิดประเทศ เปิดตลาดมากขึ้น นับตั้งแต่อดีตที่เริ่มมีการนำเข้าทุเรียนมาขายในจีน ไม่ว่าจะเป็นทุเรียนจากประเทศมาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดฯ จีนอนุญาตให้นำเข้าเฉพาะทุเรียนแช่แข็งเท่านั้น จะมีก็แต่ประเทศไทยที่จีนอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนสดได้

จนกระทั่งปี 2022 ที่จีนเปิดตลาดเสรีทุเรียนทำให้ทุเรียนสดจากเวียดนามและฟิลิปปินส์เริ่มเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดทุเรียนสดกับไทย เหตุผลที่จีนไม่มีการอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนสดก็เพื่อป้องกันโรคพืชระบาด รวมถึงป้องกันแมลงศัตรูพืชด้วย ส่วนมาเลเซียยังคงต้องรอการอนุมัติให้นำเข้าทุเรียนสดต่อไป

เหตุผลหลักที่ทางการจีนเริ่มเปิดตลาดเสรีการค้าทุเรียนมากขึ้นก็เป็นเพราะต้องการที่จะตอบสนองความต้องการของพลเมืองจีน แต่ก็มีผู้สันทัดกรณีสังเกตว่าการที่ทางการจีนยอมให้มีทุเรียนสดจากประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาขายในประเทศจีนได้ก็เพราะต้องการที่จะเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ใน Southeast Asia หรือที่สื่อเรียกว่า “ทูตทุเรียน”

เนื่องจากจีนมีการลงทุนในโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานให้กับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้เมกะโปรเจกต์ Belt and Road Initiative (หรือ BRI) นั่นยิ่งทำให้การขนส่งทุเรียนไปขายที่ประเทศจีนมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก ภายใต้การลงนามในข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางการค้าในระดับภูมิภาคที่ซึ่งผลบังคับใช้ในปี 2022 นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายประเทศจึงสามารถนำทุเรียนสดเข้าไปขายในจีนได้และยิ่งเป็นการทำให้ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก

พูดถึงในอดีต ครั้งหนึ่งจีนเคยแบนห้ามนำเข้ากล้วยจากฟิลิปปินส์มาแล้ว โดยจีนโทษว่ากล้วยจากฟิลิปปินส์นั้นมีแมลงศัตรูพืชปนเปื้อนเข้ามาด้วย แต่มันดูจะบังเอิญเกินไปที่ช่วงนั้นจีนมีปัญหาเรื่องการรุกล้ำดินแดนในแถบทะเลจีนใต้ ดังนั้น ผู้ค้าทุเรียนจากเวียดนามจึงกลัวเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบนี้อีก

ประวัติศาสตร์อันยาวนานกับความเชื่อเรื่องผลไม้มงคล

 

คนจีนเชื่อว่าทุเรียนเป็นผลไม้มงคล ถ้าได้รับประทานจะช่วยเสริมสร้างความมงคลให้กับชีวิต South China Morning Post

 

ความนิยมทุเรียนในประเทศจีนไม่ได้เป็นเพียงกระแสที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น มันหยั่งรากลึกในความสำคัญทางวัฒนธรรมและประเพณีทางประวัติศาสตร์ แม้ว่าทุเรียนจะมีต้นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่การนำผลไม้เข้ามาสู่ประเทศจีนนั้นมีมายาวนานหลายศตวรรษแล้ว ทุเรียนได้รับความเคารพและถือเป็นสัญลักษณ์ความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง

ทุเรียนไม่ใช่ผลไม้พื้นเมืองของจีน แต่ถูกนำเข้ามาในประเทศนี้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) ผ่านเส้นทางการค้าทางทะเล อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกทุเรียนยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก และจำกัดอยู่เฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น

ในวัฒนธรรมจีนโบราณ เชื่อกันว่าด้วยลักษณะของทุเรียนที่มีหนามภายนอกและเนื้อสีเหลืองเข้มข้นภายใน เป็นตัวแทนความยากลำบากและรางวัลแห่งการเดินทางของชีวิต กลิ่นหอมฉุนของทุเรียน คนจีนดั้งเดิมมองว่าเป็นสัญลักษณ์ความโชคดี ดังนั้น ผู้ใดที่ได้รับประทานทุเรียนก็จะมีโชคดี มีความเจริญรุ่งเรืองและความอุดมสมบูรณ์ สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมนี้มีส่วนทำให้ทุเรียนมีเสน่ห์มาอย่างยาวนาน และยังคงทำให้ทุเรียนเป็นผลไม้มงคลที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ

ในช่วงศตวรรษที่ 19 เมื่อการค้าระหว่างประเทศขยายตัวมากขึ้น ทุเรียนเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นในจีนตอนใต้ โดยเฉพาะในมณฑลกวางตุ้งและฮ่องกง แต่ก็ยังคงเป็นผลไม้หายากและมีราคาแพง

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 เมื่อจีนเริ่มเปิดประเทศและปฏิรูปเศรษฐกิจ ทำให้การนำเข้าผลไม้ต่างประเทศ รวมถึงทุเรียน เป็นไปได้ง่ายขึ้น ในช่วงนี้เองที่ทุเรียนไทยเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดจีน

ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ความนิยมทุเรียนไทยในจีนพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะหลังจากที่จีนเข้าร่วมองค์การการค้าโลก (WTO) ในปี 2001 ซึ่งนำไปสู่การลดภาษีนำเข้าและการเปิดเสรีทางการค้ามากขึ้น

นอกเหนือจากความสำคัญทางวัฒนธรรมแล้ว ในทางการแพทย์โดยเฉพาะแพทย์แผนโบราณของจีนยังเชื่อว่า ทุเรียน เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ  คุณค่าทางโภชนาการของทุเรียนช่วยกระตุ้นความนิยมในประเทศจีน ทุเรียนอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ และได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดอาหารจากผู้ที่รักสุขภาพ

เชื่อกันว่ามีเส้นใยสูงช่วยในการย่อยอาหาร ในขณะที่ระดับโพแทสเซียมและวิตามินซีเชื่อว่าช่วยบำรุงสุขภาพของหัวใจและเพิ่มภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ เชื่อกันว่าทุเรียนมีประโยชน์ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เป็นทางเลือกยอดนิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการควบคุมโรคเบาหวาน

ในการแพทย์แผนจีน ทุเรียนได้รับการยกย่องจากคุณสมบัติทางยา ความสามารถในการส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ปรับปรุงการทำงานของระบบทางเดินหายใจ และเพิ่มระดับพลังงานได้รับการขนานนามมานานหลายศตวรรษ ในขณะที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยังคงดำเนินต่อไป ความเชื่อที่หยั่งรากลึกในพลังการรักษาของทุเรียนมีส่วนทำให้มีการบริโภคและให้ความเคารพอย่างกว้างขวาง

การตลาดช่วยได้มาก

ถึงแม้ว่าสินค้าจะดีเพียงใดแต่หากขาดการตลาดที่ดีสินค้านั้นอาจไม่มียอดขายถล่มทลายได้ เช่นเดียวกันกับทุเรียนที่ความสำเร็จของทุเรียนไทยในตลาดจีนก็ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากกลยุทธ์การตลาดและการส่งเสริมการขายที่มีประสิทธิภาพ ดังนี้

การสร้างแบรนด์ ประเทศไทยได้ทำการสร้างแบรนด์ “ทุเรียนไทย” อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำถึงคุณภาพ รสชาติ และความเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนมองทุเรียนไทยในฐานะสินค้าพรีเมียม ยกตัวอย่างทุเรียนภูเขาไฟที่เป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ Geographical Indications (GI) โดยมีพื้นที่ปลูกในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยแถบจังหวัดศรีสะเกษ เป็นต้น ส่วนจังหวัดที่ผลิตและส่งออกทุเรียนไปจีนมากที่สุดและครองแชมป์เบอร์ 1 มาอย่างยาวนานก็คือ จันทบุรี  โดยจันทบุรีได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในไทย ทำให้ผลผลิตออกมามีคุณภาพ รสชาติหอม หวาน และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีนเป็นอย่างมาก

การจัดงานแสดงสินค้า การจัดงานแสดงสินค้าและเทศกาลทุเรียนในเมืองสำคัญของจีน เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคชาวจีนได้สัมผัสประสบการณ์ตรงกับทุเรียนไทย รวมถึงได้เรียนรู้วิธีรับประทานทุเรียนอย่างถูกต้องซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงรสชาติที่ดีที่สุดของทุเรียนและสร้างภาพจำที่ดีของทุเรียนไทยให้กับผู้บริโภค

 

งานแสดงสินค้าที่ไทยจัดขึ้นเพื่อโปรโมตทุเรียนไทยให้เป็นที่รู้จักโดยเฉพาะกับผู้บริโภคชาวจีน: PostUpNews

 

การใช้ KOLs และ influencers การร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Key Opinion Leaders) และ influencers ชาวจีน ในการนำเสนอและรีวิวทุเรียนไทยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ช่วยสร้างกระแสและความต้องการในวงกว้าง อย่างล่าสุดพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี ได้เชิญ Influencer ชื่อดังจากจีน 2 คน คือ Mr. Li Kai และ Mr. Li Wen Long มาทำการ Live สดขายทุเรียนจากล้งโหลทวีทรัพย์ (Jin Di Fu) อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ผลคือตลอดระยะเวลา 3 วันในช่วง 13-15 พ.ค. 2024 Influencer ทั้ง 2 คน มียอดขายถึง 20 ล้านหยวน หรือประมาณ 100 ล้านบาท ถือเป็นความสำเร็จด้านการตลาดของไทยเช่นกัน

 

ซิน โหย่วจือ หรือ ซินบา (Xinba) เจ้าของฉายา ราชานักไลฟ์ที่ไลฟ์ขายทุเรียนวันเดียวคิดเป็นมูลค่านับร้อยล้านหยวน Weibo

 

การตลาดดิจิทัล การใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรวมถึงโซเชียลมีเดียของจีน เช่น Tmall, JD.com, Weibo, WeChat และ Douyin (TikTok) ในการโฆษณาและจำหน่ายทุเรียนไทย ช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพ

การส่งเสริมการขายร่วมกับพาร์ตเนอร์ การจัดโปรโมชั่นร่วมกับห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำของจีน เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดขายและสร้างการรับรู้แบรนด์ทุเรียนไทยได้เป็นอย่างดี

การให้ความรู้แก่ผู้บริโภค การจัดทำสื่อให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเลือก การเก็บรักษา และการรับประทานทุเรียนที่ถูกต้อง ช่วยลดกำแพงความไม่คุ้ยเคยในการบริโภคทุเรียนสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับทุเรียนมาก่อน

การสร้าง Story เทคนิคหนึ่งที่หลายประเทศนำมาใช้เพื่อทำให้สินค้าจากประเทศของตนเองประสบความสำเร็จในแง่ยอดขายก็คือการทำให้สินค้ามีเรื่องเล่าและที่มาที่น่าสนใจ อย่างไทยเองก็มีการหยิบยกประเด็นของภูมิศาสตร์ในการปลูกทุเรียน เพื่อทำให้ทุเรียนไทยมีมูลค่าสูงขึ้น การนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังการปลูกทุเรียนไทย วิถีชีวิตของเกษตรกร และกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ล้วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความผูกพันกับแบรนด์

ไม่ใช่เฉพาะภาคส่วนในไทยเท่านั้น แต่บรรดาผู้ค้าทุเรียนและแบรนด์ต่าง ๆ ในจีนก็ต่างโหมทำการตลาดเพื่อให้ทุเรียนที่รับมานั้นได้รับความนิยม โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ ของจีน ผู้ค้าทุเรียนต่างหันมาทำการตลาดโดยใช้แบรนด์และบรรจุภัณฑ์ที่สร้างสรรค์เป็นตัวดึงดูดความสนใจของลูกค้าหนุ่มสาววัยรุ่นจีน โดยวางตำแหน่งทางการตลาดของทุเรียนให้เป็นของว่างที่ดูหรูหราและเป็นที่ต้องการมาก

ร้านทุเรียนป๊อปอัป ร้านสินค้าของฝากและร้านค้าออนไลน์ ต่างพากันทำการตลาดให้ทุเรียนเป็นสินค้าที่เข้าถึงได้ง่ายเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น อินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดียและคนดังยังมีบทบาทสำคัญในการทำให้ทุเรียนเป็นที่นิยม โดยพวกเขามักจะไลฟ์สดขายทุเรียน ไม่ก็รับประทานทุเรียนให้ชมกันในโลกออนไลน์ สร้างความอยากกินทุเรียนเพียงชั่วข้ามคืน

 

พิซซ่าทุเรียนเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่แปลกแต่ก็มีจริงให้คนที่คลั่งไคล้ทุเรียนได้ลิ้มลอง: Campaign Asia

 

ยกตัวอย่างอินฟลูเอนเซอร์ด้านการไลฟ์อันดับ 1 ของจีนอย่างซิน โหย่วจือ หรือ ซินบา (Xinba) หนุ่มจีนเจ้าของฉายา ราชานักไลฟ์ ที่ยกทีมงานมาไลฟ์ถึงเมืองไทย พร้อมขายสินค้าขึ้นชื่อของไทยมากมาย โดยเขาสามารถไลฟ์ขายทุเรียนจนมียอดสั่งซื้อถึง 1.62 ล้านลูก คิดเป็นน้ำหนักรวมถึง 4,800 ตัน มูลค่ากว่า 300 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยในการไลฟ์สดขายทุเรียนเพียงแค่วันเดียวเรียกได้ว่าอินฟลูเอนเซอร์มีส่วนช่วยในการปลุกกระแสความนิยมทุเรียนได้อย่างล้นหลาม

นอกจากการตลาดออนไลน์จะช่วยทำให้ยอดขายทุเรียนเพิ่มขึ้นแล้ว ยังผลให้เกิดกระแสความนิยมไปยังภาคส่วนอื่นของการท่องเที่ยวอีกด้วย อาทิ การเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวแบบทุเรียนฟาร์มทัวร์ หรือการไปเยี่ยมชมทุเรียนถึงสวนพร้อมผ่าชิมกันสด ๆที่สวนทุเรียน เทศกาลทุเรียน และสถานที่ท่องเที่ยวในธีมทุเรียน โดยเฉพาะเกิดขึ้นทั่วประเทศจีน ช่วยให้ชาวจีนผู้นิยมชมชอบทุเรียนได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ทุเรียนอย่างเต็มที่

ทุกที่มีทุเรียน

ความหลงใหลทุเรียนในประเทศจีนก้าวข้ามคำว่าทุเรียนเป็นเพียงผลไม้ที่ป๊อปปูลาร์ไปแล้ว โดยทุเรียนทำให้เกิดผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทุเรียนมากมาย ไล่ตั้งแต่ของว่างและของหวานไปจนถึงเครื่องดื่ม แม้แต่ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่จีนก็ยังมีการแต่งให้มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นทุเรียน

 

ทุเรียนคัดพิเศษเพื่อการส่งออกไปจีน Michellin Guide

 

กระแสทุเรียนฟีเวอร์แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในจีน ไล่ตั้งแต่มันฝรั่งทอด ลูกอม ไอศกรีม ไปจนถึงขนมอบรสทุเรียนก็มีขายกันอย่างแพร่หลาย เพื่อตอบสนองความอยากของผู้คนที่ชื่นชอบทุเรียนเป็นชีวิตจิตใจ

ไม่เพียงแต่ขนมขบเคี้ยว ที่จีนร้านกาแฟและร้านอาหารบางร้านก็บริการอาหารและเครื่องดื่มที่ทำจากทุเรียน ตั้งแต่พิซซ่าทุเรียนไปจนถึงกาแฟและชารสทุเรียน ความนิยมทุเรียนของชาวจีนไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น โรงแรม สปา และแม้แต่แพ็กเกจงานแต่งงานธีมทุเรียนก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน โดยคู่รักสามารถดื่มด่ำไปกับบรรยากาศและกลิ่นทุเรียน เค้กแต่งงานรสทุเรียน และแม้กระทั่งการตกแต่งในธีมทุเรียน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำไปกับทุเรียนอย่างแท้จริง

ทำไมทุเรียนไทยถึงครองใจคนจีน

ความนิยมอันล้นหลามของทุเรียนไทยในจีนไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากคุณลักษณะพิเศษหลายประการที่ทำให้ทุเรียนไทยโดดเด่นกว่าทุเรียนจากแหล่งอื่น ๆ

รสชาติเป็นเลิศ ทุเรียนไทย โดยเฉพาะพันธุ์หมอนทอง มีรสชาติหวานมัน เนื้อเนียนละเอียด และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เข้มข้น ซึ่งตรงกับรสนิยมของผู้บริโภคชาวจีนที่ชื่นชอบรสชาติที่เข้มข้นและมีความซับซ้อน

คุณภาพดีสม่ำเสมอ เนื่องจากประเทศไทยมีการเพาะปลูกทุเรียนมาเป็นระยะเวลานานแล้วทำให้เกษตรกรไทยมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการปลูกทุเรียนเป็นอย่างมากและส่งผลให้สามารถผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพสูงและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวจีน

มีให้เลือกหลายสายพันธุ์ แม้ว่าหมอนทองจะเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด แต่ทุเรียนไทยยังมีพันธุ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ก้านยาว ชะนี และกระดุม ซึ่งช่วยตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคชาวจีน

 

ทุเรียนหมอนทองคือสายพันธุ์ทุเรียนไทยที่คนจีนนิยมรับประทาน Caixin Global

 

มีความปลอดภัยทางอาหารสูง ประเทศไทยมีมาตรฐานการผลิตและการส่งออกที่เข้มงวด ทำให้ทุเรียนไทยมีความปลอดภัยสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้บริโภคชาวจีนที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอาหารมากขึ้นในปัจจุบัน

ภาพลักษณ์และชื่อเสียง ทุเรียนไทยได้สร้างชื่อเสียงในฐานะผลไม้คุณภาพสูงและหรูหรา ทำให้การบริโภคทุเรียนไทยกลายเป็นสัญลักษณ์ของสถานะทางสังคมและรสนิยมที่ดีในสังคมจีน

ความสำเร็จของทุเรียนไทยในแดนมังกรไม่เพียงแต่สร้างรายได้มหาศาลให้กับเกษตรกรและผู้ส่งออกไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าเกษตรไทยในระดับโลก อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรให้มีมูลค่าสูงและยั่งยืน

การที่ทุเรียนไทยสามารถครองใจผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างยาวนานนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะรสชาติที่อร่อยเท่านั้น แต่เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักและการวางแผนอย่างรอบคอบของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่เกษตรกรที่ใส่ใจในการดูแลผลผลิต ไปจนถึงภาครัฐและเอกชนที่ร่วมมือกันในการพัฒนาระบบการผลิต การขนส่ง และการตลาด

ความท้าทายในอนาคตยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นจากประเทศคู่แข่ง หรือการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งและประสบการณ์ที่สั่งสมมา ทุเรียนไทยน่าจะยังคงรักษาตำแหน่งราชาผลไม้ในใจผู้บริโภคชาวจีนได้อีกยาวนาน ♦


เรื่อง: ณัฐศกรณ์ แสงลับ


อ้างอิง

 

https://www.economist.com/china/2024/06/13/china-is-going-crazy-for-durians

https://www.theguardian.com/lifeandstyle/australia-food-blog/2014/oct/01/durian-the-worlds-most-divisive-fruit

https://www.eurofresh-distribution.com/news/chinese-love-affair-with-durian-the-most-controversial-fruit/

https://www.nytimes.com/2024/06/16/business/durian-china-malaysia-thailand.html


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer